บทที่ 5 เราเป็นพี่น้องกัน

โรงพยาบาล

ชญานิษฐ์มองดูบอยที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตาอ่อนโยน เธอระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะขยับตัวเพื่อวางเขาลง เตรียมจะลุกไปรินน้ำอุ่น

แต่ยังไม่ทันที่มือของเธอจะคลายออก มือน้อยๆ ที่นุ่มนิ่มของแบงค์ก็คว้าเสื้อของชญานิษฐ์ไว้แน่น

"อย่าไป..." เขาละเมอออกมา แต่ก็ยังคงดึงเสื้อชญานิษฐ์ไว้ไม่ยอมปล่อย

ชญานิษฐ์รู้สึกแปลกใจ ปกติบอยก็ติดเธออยู่แล้ว แต่ไม่เคยติดหนึบขนาดนี้มาก่อน

ชญานิษฐ์ลูบแก้มของแบงค์เบาๆ ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว

เธอคิดในใจว่า ลูกคงรู้สึกไม่สบายตัวเพราะพิษไข้ ถึงได้อ้อนขนาดนี้

"บอยครับเด็กดี ม๊ามี๊จะไปเอาน้ำอุ่นมาให้ เดี๋ยวต้องกินยาแล้วนะครับ" ชญานิษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ราวกับแบงค์ได้ยินเสียงของเธอ เขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

แบงค์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย เขาขยี้ตาเบาๆ มือน้อยๆ ยอมปล่อยออกจากเสื้อของชญานิษฐ์

ครู่ต่อมา

ชญานิษฐ์มองดูแบงค์กินยาจนหมด

"ลูกแม่เก่งจริงๆ เลย" ชญานิษฐ์ลูบหัวเขาพร้อมกับยิ้มชมเชย

แบงค์ก้มหน้าลง นิ้วมือถูแก้วน้ำเล่นไปมา

เขาไม่ใช่บอย

การที่ชญานิษฐ์ดีกับเขาขนาดนี้ ทำให้แบงค์รู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่อยากจะจากเธอไปไหน

ชญานิษฐ์เหลือบมองโทรศัพท์มือถือ

เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของคุณย่าณัฐมน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องไปไหว้คุณย่าณัฐมนให้ได้

เมื่อก่อนคนที่ดีกับเธอที่สุดก็คือคุณย่าณัฐมน

แต่ตั้งแต่คุณย่าณัฐมนป่วยหนักจนเสียชีวิต ชญานิษฐ์ก็ไม่มีโอกาสได้ไปดูใจท่านเป็นครั้งสุดท้าย

คุณย่าณัฐมนคงจะผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆ

แบงค์สังเกตเห็นว่าชญานิษฐ์มีท่าทีเศร้าซึม มือน้อยๆ ของเขาจึงเอื้อมไปจับนิ้วของชญานิษฐ์ไว้ เหมือนต้องการจะปลอบโยนเธอ

"ม๊ามี๊ไม่เป็นไรครับ" ชญานิษฐ์ยิ้มบางๆ

"บอย อยากไปไหว้คุณทวดกับม๊ามี๊ไหมครับ?" เธอถามขึ้น

แบงค์นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ก็เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของคุณทวดของเขาเหมือนกัน แดดดี้จะพาเขาไปที่นั่นทุกปี

ไม่แน่ว่า ถ้าไปที่นั่น เขาอาจจะได้เจอแดดดี้ก็ได้

แบงค์พยักหน้าตอบรับทันที

ชญานิษฐ์เก็บข้าวของและโทรหาผู้ช่วย ให้พาแอนน์มารอไว้ก่อน ถึงเวลาจะได้ไปไหว้พร้อมกันทั้งสามคน

แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ชญานิษฐ์รู้สึกแปลกใจ

ทรงพลส่งคนมาเฝ้าเธอตลอด แต่พอ "บอย" (ซึ่งจริงๆ คือแบงค์) ปรากฏตัว ก็ไม่มีใครมาคอยจับตาดูเธออีก

หรือว่าเป็นเพราะกลัวเด็กจะตกใจ?

ทรงพลคงไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกมั้ง?

ชญานิษฐ์เลิกคิดฟุ้งซ่าน ขอแค่ได้ออกไปจากที่บ้าๆ นี่ได้ก็พอ

สิบกว่านาทีผ่านไป

เธอได้รับสายจากผู้ช่วยว่าแอนน์รออยู่ในรถแล้ว

ชญานิษฐ์รีบอุ้มแบงค์ตรงไปที่ลานจอดรถ

แอนน์ที่รออยู่ในรถ พอเห็นชญานิษฐ์ก็ตบกระจกรถด้วยความตื่นเต้น

"ม๊ามี๊! ทางนี้ค่ะ!"

ชญานิษฐ์วางแบงค์ลงที่เบาะหลัง ส่วนตัวเองขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ให้ผู้ช่วยเป็นคนขับรถ

ภายในรถ

แอนน์หยิบอมยิ้มสองอันออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเล็กของเธอ

"พี่ชาย ให้พี่นะ" แอนน์ยิ้มหวานพร้อมขยับเข้าไปใกล้แบงค์

แบงค์ขยับหนีไปด้านข้างเล็กน้อย และไม่ได้ยื่นมือไปรับอมยิ้ม

แอนน์เอามือเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงุนงง

ปกติพี่ชายชอบกินอมยิ้มรสนี้ที่สุดนี่นา วันนี้เป็นอะไรไปนะ?

หรือว่าจะขี้เกียจแกะเปลือก?

พอคิดได้แบบนั้น แอนน์ก็จัดการแกะเปลือกอมยิ้มออกให้อย่างรู้ใจ แล้วยื่นให้แบงค์อีกครั้ง

"พี่ชาย อะ..." แอนน์กระพริบตาปริบๆ ส่งสายตาอ้อนวอน แต่แบงค์ยังคงนิ่งเฉย

"แอนน์ วันนี้พี่ชายเป็นไข้ เพิ่งกินยาไปน่ะลูก" ชญานิษฐ์เห็นเด็กๆ เงียบไป และเห็นแอนน์ทำหน้าจ๋อยๆ จึงหันมาอธิบาย

"พี่ชายไม่สบายเหรอ? ไหนขอหนูดูหน่อย" แอนน์ยัดอมยิ้มใส่ปากแบงค์ แล้วเลียนแบบท่าทางของชญานิษฐ์เมื่อกี้ เอามือไปทาบที่หน้าผากของแบงค์

แบงค์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

แดดดี้ไม่เคยให้เขาของกินเล่นพวกนี้เลย

หวานจัง...

"ไม่เป็นไรแล้วจ้ะแอนน์ ตอนนี้พี่บอยไข้ลดแล้ว ต้องพักผ่อนเยอะๆ แอนน์อย่ากวนพี่ชายนะลูก ตกลงไหม?" ชญานิษฐ์พูดกับแอนน์อย่างใจเย็น แอนน์ก็รู้ความ รีบขยับตัวออกห่างเพราะกลัวจะไปเบียดแบงค์

แบงค์มองเห็นชญานิษฐ์หันมาส่งจูบให้แอนน์

ที่แท้การอยู่ร่วมกันแบบครอบครัว มันผ่อนคลายและมีความสุขแบบนี้นี่เอง

เขากับแดดดี้ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย...

แบงค์และแอนน์นั่งกินอมยิ้มกันเงียบๆ แอนน์นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ คอยแอบมองแบงค์เป็นระยะ

สักพักใหญ่

รถก็มาจอดที่บริเวณสุสาน

"บอย แอนน์ เดี๋ยวม๊ามี๊ไปซื้อดอกไม้ไหว้คุณทวดก่อนนะ เด็กๆ รออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะครับ"

ชญานิษฐ์อุ้มทั้งสองคนลงจากรถ กำชับเสร็จก็เดินไปซื้อของ

แอนน์ก้มมองนาฬิกาลายหมูเปปป้าพิกบนข้อมือ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็พบว่าแบงค์หายตัวไปแล้ว

"พี่ชาย! พี่ชาย... พี่ไปไหน!" แอนน์ตะโกนเรียกด้วยความตกใจ

ส่วนแบงค์เมื่อครู่นี้เขามองเห็นรถของทรงพล

พอเดินเข้าไปใกล้รถ พ่อบ้านก็จำแบงค์ได้ทันที แต่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

เขาจำได้ว่านายน้อยเดินไปหาท่านประธานแล้วไม่ใช่เหรอ?

ทำไมถึงมาอยู่ที่รถได้?

"นายน้อย ทำไมมาอยู่ตรงนี้ครับ? ท่านประธานน่าจะรอแย่แล้ว รีบขึ้นไปเถอะครับ" พ่อบ้านเร่งให้แบงค์รีบขึ้นไปไหว้คุณย่าณัฐมน

แบงค์อยากจะบอกลาชญานิษฐ์ก่อน

ดูท่าคงไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกแล้ว...

แบงค์ค่อยๆ เดินขึ้นไป พอใกล้จะถึงบริเวณหลุมศพ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขาเดินสวนลงมา เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาใกล้กัน พอได้เห็นหน้ากันชัดๆ ต่างฝ่ายต่างก็ยืนตะลึง

ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่นานราวกับกำลังส่องกระจก

แบงค์เพิ่งจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้

คนคนนี้ต่างหากที่เป็นลูกชายของชญานิษฐ์

บอยเองก็เข้าใจในวินาทีนี้เช่นกันว่า ทำไมในคฤหาสน์หลังนั้น ถึงมีห้องห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายของเขา

เพราะนั่นไม่ใช่เขา

แต่เป็นลูกชายคนที่สองของม๊ามี๊! ซึ่งก็คือน้องชายของเขานั่นเอง!

น้องชายไม่ได้หายไปไหน!

แสดงว่า น้องชายอาศัยอยู่กับแดดดี้มาตลอดงั้นเหรอ?

"ทำไมเราหน้าเหมือนกันขนาดนี้?" แบงค์ขมวดคิ้วถาม

แต่บอยกลับดูตื่นเต้นมาก

ถ้าม๊ามี๊รู้ว่าน้องชายอยู่ที่นี่ ต้องดีใจมากแน่ๆ

"เป็นไปได้ไหมว่า เราเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน?"

แบงค์ตกใจมาก

"มีแค่ฝาแฝดเท่านั้นแหละที่จะเหมือนกันขนาดนี้ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ"

พอบอยพูดจบ สีหน้าของแบงค์ก็ยิ่งเคร่งเครียดลง

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

มิน่าล่ะ คนอื่นถึงบอกว่าเขาเป็นคนที่ถูกม๊ามี๊ทิ้ง

เพราะข้างกายเธอมีคนคนหนึ่งที่สามารถแทนที่เขาได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว

แดดดี้พูดถูกจริงๆ เป็นเธอเองที่ไม่ต้องการเขา

เมื่อเห็นบอยเดินเข้ามาใกล้ แบงค์ก็รู้สึกโกรธ เขาเกลียดบอย เกลียดชญานิษฐ์

ด้วยความโมโห แบงค์ผลักบอยออกไป แล้ววิ่งหนีไปทันที

บอยตั้งท่าจะวิ่งตามไป

"แบงค์! จะไปไหน? รีบมานี่เดี๋ยวนี้!"

บอยได้ยินเสียงเรียกจึงหันกลับไปมอง เห็นทรงพลยืนทำหน้านิ่งขรึมอยู่บนเนินสูง

ต้องยอมรับเลยว่า

สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ หน้าตาถอดแบบกันมาเปี๊ยบ

บอยจำได้ทันทีว่า นี่คือแดดดี้ของเขา

ทรงพลสวมสูทตัดเย็บพิเศษ นาฬิกาข้อมือที่ใส่ราคานับสิบล้าน

รอบกายเขายังรายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดชุดดำ

"ไม่นึกเลยว่าแดดดี้ของผมจะรวยขนาดนี้..." บอยพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาทรงพลอย่างเงียบๆ

"ได้ยินพ่อบ้านบอกว่า วันนี้แกแอบหนีเที่ยวอีกแล้วเหรอ?" ทรงพลถามเสียงเข้ม

"ผมผิดไปแล้วครับ แดดดี้"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป