บทที่ 6 ทำไมคุณถึงทิ้งแม่?

บอยยอมรับผิดเร็วปานสายฟ้าแลบ จนแม้แต่ทรงพลยังถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง

เขาจำได้ว่าลูกชายมีนิสัยเก็บตัวและไม่ค่อยพูดค่อยจา

ต่อให้อยู่ต่อหน้าเขา อย่าว่าแต่จะยอมรับผิดรวดเร็วขนาดนี้เลย แค่จะพูดสักประโยคยังต้องรอกันเป็นนานสองนาน

บอยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในสีหน้าของทรงพล กลับจ้องมองเขาอย่างกล้าหาญเสียด้วยซ้ำ

แด๊ดดี้หล่อจัง

แด๊ดดี้รวยมาก

แด๊ดดี้ดูดุชะมัด

บอยลิสต์ข้อดีข้อเสียของทรงพลออกมาในใจเงียบๆ

แต่เขาก็ยังคงมีข้อสงสัยคาใจ ในเมื่อแด๊ดดี้รวยล้นฟ้าขนาดนี้ ทำไมหม่ามี้ถึงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากด้วย?

ย้อนกลับไปในตอนนั้น

หลังจากชญานิษฐ์เดินทางไปต่างประเทศ ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอก็ไม่ได้ราบรื่นเลย

เธอหย่ากับทรงพลโดยไม่ได้รับเงินจากเขาสักแดงเดียว ต้องออกจากบ้านมาตัวเปล่าเล่าเปลือย ทำให้พอไปถึงต่างประเทศ เธอเกือบจะเป็นลมล้มพับไปเพราะภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ชญานิษฐ์หางานทำได้อย่างรวดเร็ว แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็รู้สึกเบื่ออาหารและเป็นลมหมดสติไปจริงๆ

นั่นคือเดือนที่สองหลังจากที่เธอจากทรงพลมา

เธอตรวจพบว่าตัวเองตั้งครรภ์

แถมยังเป็นแฝดสามอีกด้วย

ชญานิษฐ์ทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็ตัดใจทำแท้งไม่ลง ต่อให้ลำบากแค่ไหน เธอก็ตัดสินใจที่จะคลอดเด็กๆ ออกมา

เธอเลี้ยงดูบอยกับแอนน์เพียงลำพัง บางครั้งแทบไม่ได้นอนทั้งคืน แล้ววันรุ่งขึ้นยังต้องไปทำงานต่อ ร่างกายซูบผอมจนแทบจำเค้าเดิมไม่ได้

ตอนบอยอายุสองขวบ เขาก็เริ่มรู้ความแล้ว

เขารู้ว่าชญานิษฐ์เหนื่อยยาก จึงมักจะช่วยทุบหลังให้ชญานิษฐ์พร้อมกับแอนน์อยู่บ่อยๆ

และในปีเดียวกันนั้นเอง ชญานิษฐ์ก็ได้พบกับผู้มีพระคุณของเธอ

แบบร่างดีไซน์ของเธอไปเตะตาใครบางคนเข้า จึงทำให้เธอประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ และชีวิตความเป็นอยู่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ

ทุกครั้งที่บอยถามชญานิษฐ์ว่าทำไมแด๊ดดี้ถึงไม่มาดูแลพวกเขา เธอก็มักจะบอกว่าเขาตายไปแล้ว

แต่ตอนนี้ แด๊ดดี้ตัวเป็นๆ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา

บอยกำเสื้อตัวเองแน่น เงยหน้าขึ้นสบตากับทรงพล

"ผมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมครับ แด๊ดดี้"

"ว่ามา"

ทรงพลหลุบตาลงมองเขา

"แด๊ดดี้ ทำไมถึงหย่ากับหม่ามี้ครับ? แล้วทำไมถึงทิ้งหม่ามี้ไป?"

คำถามของบอยทำให้ใบหน้าของทรงพลดำทะมึนลงทันที บรรยากาศรอบตัวเขาเย็นยะเยือก แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เขาตวาดเสียงดุ

"ใครสั่งสอนให้แกพูดแบบนี้?"

"ไม่มีใครสอนครับ ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมแด๊ดดี้ถึงไม่เอาหม่ามี้แล้ว?"

"เป็นเพราะข้างกายแด๊ดดี้ มีผู้หญิงคนอื่นแล้วใช่ไหมครับ?"

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ หม่ามี้ก็คงไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยยากขนาดนั้น

บอยแค่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้หม่ามี้ และอยากรู้คำตอบที่แท้จริง

"แบงค์! เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่! ไว้แกโตเมื่อไหร่ ฉันจะบอกแกเอง" ทรงพลตวาดใส่บอยเสียงต่ำด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

เขารู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดี

ไม่มีทางที่จะพูดจาแบบนี้ออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ต้องมีคนเสี้ยมสอนมาแน่ๆ

พ่อบ้านวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพอดี เห็นบรรยากาศระหว่างทรงพลกับบอยดูไม่ค่อยดีนัก

ทรงพลปรายตามองพ่อบ้าน

"วันนี้ตกลงว่าแบงค์ไปเจอใครมา?" ทรงพลคาดคั้น

"ท่านประธานครับ นายน้อยไม่ได้เจอใครเลยนะครับ..."

"ผมเป็นลูกของแด๊ดดี้ แล้วก็เป็นลูกของหม่ามี้ด้วย ผมไม่มีสิทธิ์รู้เหรอครับ? ทำไมแด๊ดดี้ถึงไม่ยอมบอกผม?" บอยรู้ว่าทรงพลกำลังโกรธ แต่เขาก็แค่อยากถามหาเหตุผลแทนหม่ามี้ และเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอ

ทรงพลกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่คน!

เมื่อก่อนหล่อนนั่นแหละที่เป็นคนทิ้งแบงค์ไป

"พาแบงค์กลับไป อย่าให้เขาไปเจอคนไม่ดีที่ไหนอีก"

สิ้นคำสั่งของทรงพล พ่อบ้านก็รีบอุ้มบอยขึ้นมาเตรียมจะพาออกจากสุสาน

"ผมไม่กลับ!" บอยดิ้นพล่าน ถีบขาไปมา

แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก สุดท้ายเขาก็ถูกพ่อบ้านจับยัดใส่รถจนได้

"นายน้อยครับ อย่าถามเรื่องพวกนี้อีกเลยครับ คุณหนูก็รู้ว่าอดีตนายหญิงเป็นคนทิ้งคุณหนูไป ท่านประธานอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก..." พ่อบ้านถอนหายใจ สีหน้าดูเป็นกังวล

เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ วันนี้นายน้อยถึงถามถึงเรื่องชญานิษฐ์ขึ้นมา

แต่บอยกลับจับประเด็นสำคัญได้

ทิ้งเหรอ?

หม่ามี้ทิ้งน้องงั้นเหรอ?

เป็นไปไม่ได้!

ดูท่าเรื่องนี้ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ

บอยสงบลงในทันที พ่อบ้านคิดว่าเขาคงยอมฟังแล้ว จึงโล่งอกและรีบขับรถพาเขากลับบ้าน

ในขณะที่บอยกำลังครุ่นคิดว่า ในเมื่อมีเรื่องเข้าใจผิด ก็ต้องอธิบายให้กระจ่าง

การที่เขาอยู่ที่นี่กับแด๊ดดี้ตอนนี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะสืบเรื่องราวการหย่าร้างในอดีตให้รู้เรื่อง

ฮึ!

ต่อให้ตอนนี้แด๊ดดี้จะไม่ยอมพูดอะไร! เขาก็จะหาทางสืบให้รู้ความจริงทั้งหมดให้ได้!

ชญานิษฐ์เดินออกมาหลังจากซื้อของเสร็จ ก็เห็นแอนน์กำลังเดินตามหาบอยอยู่

ขณะที่เธอกำลังเป็นกังวล ก็เห็นแบงค์วิ่งเหยาะๆ เข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง

แบงค์ตั้งใจจะถามชญานิษฐ์ต่อหน้าว่า ทำไมตอนนั้นถึงไม่ต้องการเขา!

แต่พอเขาเข้ามาใกล้ ชญานิษฐ์กลับโผเข้ากอดเขาไว้แน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

"บอย ลูกวิ่งหนีไปไหนมาคนเดียว? ที่นี่เราไม่คุ้นทางนะลูก ถ้าเจอคนไม่ดีเข้าจะทำยังไง?" ชญานิษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด แบงค์เผลอซบหน้าลงกับอกของเธออย่างโหยหา

เธอไม่ดุเขาเลยที่วิ่งซนไปทั่ว...

แต่เรื่องนั้น ก็ยังทำให้แบงค์รู้สึกลังเลใจอยู่ดี

ตกลงเขาควรถามให้รู้เรื่องดีไหม?

จังหวะนั้นชญานิษฐ์เห็นรถของทรงพลขับออกไปพอดี เธอจึงคลายกอดจากแบงค์ แล้วลูบศีรษะเล็กๆ ของเขาเบาๆ

"เราไปไหว้คุณทวดกันเถอะจ้ะ"

แอนน์ได้ยินดังนั้น จึงเดินมาจูงมือแบงค์ "พี่ชาย เดี๋ยวหนูจูงพี่เอง"

"เอ๊ะ พี่ชาย นาฬิกาพี่หายไปไหนแล้วล่ะ?"

แอนน์ชี้ไปที่ข้อมือของตัวเองที่มีนาฬิกาลายเปปป้าพิกอยู่

"ทะ... ทำหาย..." แบงค์ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

เขายังไม่อยากให้ชญานิษฐ์จับได้ว่าเขาไม่ใช่บอยที่เธอพูดถึง

"ไม่เป็นไรนะพี่ชาย เดี๋ยวพอกลับไป เราค่อยให้หม่ามี้ซื้อให้ใหม่นะ!"

แอนน์เปรียบเสมือนดวงตะวันดวงน้อยๆ ที่มักจะยิ้มแย้มให้กับแบงค์เสมอ

แบงค์รู้สึกอบอุ่นวาบขึ้นมาในอก

สักพักพวกเขาก็มาถึงหน้าหลุมศพของคุณย่าณัฐมน

แบงค์คิดในใจ ที่แท้คนที่พวกเธอมาไหว้ ก็คือคุณย่าทวดของเขานั่นเอง

ชญานิษฐ์ก้มลงกราบหน้าหลุมศพคุณย่าณัฐมนสามครั้งด้วยความอาลัย

"ขอโทษนะคะคุณย่า... ผ่านไปตั้งนาน หนูเพิ่งจะได้กลับมาเยี่ยมคุณย่าสักครั้ง... คงไม่โกรธหนูใช่ไหมคะ?" ขอบตาของชญานิษฐ์เริ่มแดงระเรื่อ เธอจัดวางของเซ่นไหว้ที่ซื้อมาไว้หน้าหลุมศพ

ผู้ช่วยจุดธูปส่งให้ชญานิษฐ์ แล้วพาเด็กน้อยทั้งสองโค้งคำนับ

ชญานิษฐ์เพิ่งจะลุกขึ้น หางตาก็เหลือบไปเห็นทางทิศที่เพิ่งเดินผ่านมา

ทรงพล!

เขาทำไมถึงกลับมาอีก?

ให้ตายสิ!

จะให้เขาเจอพวกบอยกับแอนน์ไม่ได้เด็ดขาด

ชญานิษฐ์รีบจูงมือเด็กทั้งสอง แล้วส่งสายตาให้ผู้ช่วย เธอเองก็เห็นทรงพลแล้วเช่นกัน ทั้งสองเตรียมจะพาเด็กๆ เลี่ยงออกไปอีกทาง

แต่ทรงพลสังเกตเห็นชญานิษฐ์เข้าเสียก่อน

"ชญานิษฐ์!" ทรงพลตะโกนเรียกเสียงดัง ชญานิษฐ์ชะงักฝีเท้า คิดหาทางถ่วงเวลาทรงพลไว้

โชคดีที่เขายังไม่เห็นเด็กๆ

ผู้ช่วยเข้าใจเจตนาของชญานิษฐ์ดี จึงรีบพาเด็กๆ หายตัวไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

ทรงพลพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง แล้วกระชากแขนชญานิษฐ์ไว้

ชญานิษฐ์หมุนตัวกลับมาแต่ยั้งแรงไม่อยู่ ร่างทั้งร่างจึงแทบจะถลาเข้าไปในอ้อมกอดของทรงพล

ทั้งสองสวมกอดกันเข้าอย่างจัง

มือของทรงพลข้างหนึ่งโอบอยู่ที่เอว ส่วนอีกข้างวางแหมะอยู่ที่บั้นท้ายของเธอพอดี

"ในสมองคุณคงมีแต่เรื่องใต้สะดือสินะ? นอกจากเรื่องลามกจกเปรตพวกนั้น ก็คงไม่มีที่ว่างให้เรื่องอื่นเลยใช่ไหม ทรงพล นี่มันต่อหน้าหลุมศพคุณย่านะ คุณคิดจะทำอะไร?"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป