บทที่ 8 ทรงพลรู้ว่าเธอคลอดลูกแล้ว?

ทรงพลเองก็สังเกตเห็นเธอเช่นกัน เขาขมวดคิ้วทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอไปเจอกับแบงค์ เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องตามหาตัวเธอเพื่อถามให้รู้เรื่อง

ในเมื่อตอนนั้นเลือกที่จะทิ้งลูกไปแล้ว! ตอนนี้จะโผล่มาทำไมอีก?

ทรงพลก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยแววตาขรึมลึก ชญานิษฐ์มองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลน แถวนี้ไม่มีที่ให้หลบเลยจริงๆ

ในจังหวะสำคัญนั้นเอง พนักงานคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันเวลา และกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของทรงพล

เขาชะงักฝีเท้า สายตาเย็นชาตวัดมองใบหน้าที่ดูมีพิรุธของชญานิษฐ์

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ยอมเดินตามพนักงานคนนั้นออกไป

ชญานิษฐ์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

โชคดีที่ทรงพลไม่เดินเข้ามา ตอนนี้เธอกลัวแค่ว่าเขาจะรู้เรื่องการมีอยู่ของบอยและแอนน์

ทันใดนั้น พนักงานอีกคนก็เดินเข้ามาจากทางด้านหลังของชญานิษฐ์

"คุณสุนิษาคะ พิธีเปิดโครงการกำลังจะเริ่มแล้ว เชิญทางนี้ค่ะ"

"ค่ะ"

ชญานิษฐ์ตั้งสติแล้วยิ้มรับ

โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เปิดขายตั้งอยู่ติดกับโรงแรม ชญานิษฐ์รีบเดินทางไปถึงหน้างานทันที

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ เมื่อกี้เธอยังดีใจที่หลบหน้าทรงพลได้พ้น

แต่กลับนึกไม่ถึงว่า...

จะต้องมาเจอเขาที่นี่อีก!

ทรงพลมองเห็นชญานิษฐ์เดินเข้ามา มุมปากของเขากระตุกยิ้มเยาะ

เมื่อครู่พนักงานเพิ่งจะแนะนำเขา

ว่าดีไซเนอร์ผู้ออกแบบโครงการนี้ เป็นสุภาพสตรี

ทรงพลยังสงสัยอยู่ว่าสุภาพสตรีท่านไหน? ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่าเป็นชญานิษฐ์ไม่ผิดแน่

เขาไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่าอดีตภรรยาของเขา จะมีความสามารถขนาดนี้?

ชญานิษฐ์แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นทรงพล พยายามหลบสายตาของเขาอย่างจงใจ

"คุณชญานิษฐ์ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ"

ผู้จัดการโครงการพอเห็นชญานิษฐ์ ก็รีบออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

"ไม่เจอกันนานค่ะ"

ชญานิษฐ์ยิ้มบางๆ ตั้งใจจะถามเรื่องของทรงพลพอดี

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ผู้จัดการก็มองไปทางทรงพลด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ

"คุณชญานิษฐ์คงยังไม่ทราบ ท่านประธานคือนายทุนใหญ่ของโครงการนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณของเราเลยครับ"

ชญานิษฐ์ตกตะลึงและรู้สึกจำยอมในเวลาเดียวกัน

เป็นโชคชะตาที่หนีไม่พ้นจริงๆ

ทรงพลกลายเป็นเจ้านายของเธอไปซะแล้ว!

การทำงานและชีวิตต่อจากนี้ คงหนีไม่พ้นการถูกผู้ชายคนนี้ตามรังควานแน่

ยังไม่ทันที่ชญานิษฐ์จะได้ตั้งตัว พนักงานต้อนรับก็ยื่นกรรไกรมาให้เธอ

อีกสักครู่จะมีพิธีตัดริบบิ้น

ชญานิษฐ์ในฐานะหัวหน้าดีไซเนอร์ ต้องยืนในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับทรงพล

บวกกับคำแนะนำและคำชื่นชมจากคนรอบข้าง ชญานิษฐ์จึงถูกดันให้มายืนข้างๆ ทรงพลอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งสองยืนเคียงคู่กันท่ามกลางจุดสนใจของคนทั้งงาน

ทรงพลเผชิญหน้ากับกล้องของนักข่าวที่มาจากทุกสารทิศด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนเช่นเคย

ส่วนชญานิษฐ์ยิ้มให้กล้องอย่างสงบเสงี่ยม

ก็แน่ล่ะ ต้องมายืนข้างผู้ชายเฮงซวยคนนี้ ในใจเธอขำไม่ออกหรอก!

อาศัยจังหวะที่กล้องหันไปทางอื่น ทรงพลปรับสีหน้าเป็นเย็นชาทันที แล้วพูดเหน็บแนมขึ้นมา

"คุณปิดบังผมไว้หลายเรื่องเลยนะ ชญานิษฐ์"

"ก็พอกันแหละค่ะ"

ชญานิษฐ์ไม่อยากจะต่อปากต่อคำมากความ

พอพิธีตัดริบบิ้นจบลง นักข่าวก็กรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังทรงพล ไมโครโฟนจ่อไปที่ปากของเขาแทบจะทุกทิศทาง ชญานิษฐ์จึงฉวยโอกาสนั้นหลบฉากออกมา

ทรงพลมองแผ่นหลังของเธอที่หายลับไป ในใจรู้สึกเย็นวาบ

นี่เธอจงใจหลบหน้าเขาเหรอ?

เขายังไม่ได้ถามชญานิษฐ์ให้รู้เรื่อง จะปล่อยให้เธอหนีไปแบบนี้ไม่ได้

ทรงพลรีบสลัดหลุดจากนักข่าว แล้วเดินตามไปในทิศทางที่ชญานิษฐ์เพิ่งเดินหายไป

จู่ๆ พนักงานเสิร์ฟหญิงที่ถือถาดไวน์แดงก็โผล่เข้ามา และทำไวน์หกใส่สูทของทรงพลเต็มๆ เธอหน้าถอดสีด้วยความตกใจ รีบกล่าวขอโทษทรงพลยกใหญ่

"ขอโทษค่ะ ท่านประธาน... ดิฉันซุ่มซ่ามเอง..."

ขณะที่พนักงานสาวพูด มือของเธอก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เธอหยิบทิชชู่ออกมาและค่อยๆ เช็ดคราบไวน์บนสูทของเขา

แต่มือของเธอกลับไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก

เธอจงใจลูบไล้ผ่านหน้าอกของทรงพล ทรงพลสายตาเย็นเยียบ คว้าข้อมือเธอไว้ทันควัน

พนักงานสาวยิ้มอย่างขวยเขิน คิดว่าโอกาสทองของตัวเองมาถึงแล้ว

วินาทีถัดมา

ทรงพลสะบัดเธอออกอย่างแรง

พนักงานสาวล้มลงไปกองกับพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว ส้นรองเท้าหัก แถมยังข้อเท้าแพลงอีกต่างหาก

ทรงพลแผ่รังสีอำมหิต ดูน่ากลัวจนพนักงานสาวคนนั้นตกใจจนขวัญเสีย

"...ท่านประธาน..."

เธอตัวสั่นเทา ไม่กล้าขยับตัวทำอะไรอีก

"แค่ไวน์แดงยังถือไม่มั่น ฉันว่ามือคู่นี้ก็ไม่ต้องมีมันแล้วมั้ง ตัดทิ้งไปซะเถอะ"

พนักงานสาวหน้าซีดเผือด มองทรงพลด้วยความหวาดกลัว

เธอเชื่อว่าคนอย่างทรงพลทำจริงแน่!

"ดิฉัน... ดิฉันผิดไปแล้วค่ะ... ท่านประธาน!"

เธอแค่คิดว่าวันนี้อุตส่าห์มีโอกาสได้เข้าใกล้ทรงพล

หวังจะใช้ความสวยของตัวเองแลกกับโอกาสที่จะได้อยู่อย่างสุขสบาย

"ไสหัวไป!"

ทรงพลคำรามเสียงต่ำ พนักงานสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินกะเผลกหนีออกไปอย่างทุลักทุเล

ทรงพลตวัดสายตาไปที่มุมตึก แล้วเอ่ยเสียงเย็น "ดูพอหรือยัง?"

ชญานิษฐ์ผายมือออก เดินออกมาจากมุมนั้น เธอกอดอกมองทรงพลด้วยรอยยิ้มกึ่งเยาะ

เธอคิดว่าจะได้ดูละครฉากเด็ด ไม่คิดว่าทรงพลจะไม่รู้จักถนอมบุปผาเอาซะเลย

"ท่านประธานเนื้อหอมขนาดนี้ มีแต่คนจ้องจะจับนะเนี่ย"

"แต่ท่านประธานจะไม่ดุไปหน่อยเหรอคะ? ดูสิ ทำเอาแม่ลูกแกะน้อยกลัวจนหางจุกตูด รีบเก็บหางหมาป่ากลับไปแทบไม่ทัน"

ทรงพลได้ยินคำพูดประชดประชันของเธอ ก็ก้าวเข้ามาคว้าข้อมือเธอไว้ด้วยความโกรธจัด

"เข้ามาดูใกล้ๆ สิ จ่าฝูงหมาป่าตัวจริงอยู่นี่! ชญานิษฐ์! ฉันมีเรื่องจะถามเธอ..."

ทรงพลพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไป บีบมือเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม

"คุณทำฉันเจ็บนะ ทรงพล..."

ชญานิษฐ์ขมวดคิ้ว พยายามจะสะบัดออก แต่ทรงพลกลับกระชากตัวเธอเข้ามา จนชญานิษฐ์เซถลาเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

วินาทีที่ชญานิษฐ์เงยหน้าขึ้น สบตากับทรงพล นัยน์ตาของทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

"คุณเป็นบ้าอะไรอีก?"

ชญานิษฐ์ผลักเขาออกสุดแรง ถอยหลังไปสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง

เธอลูบข้อมือตัวเอง เจ็บจนชาไปหมด

"คุณพูดอะไรกับลูก?"

ทรงพลเอ่ยถามด้วยความเดือดดาล

เขานึกถึงคำพูดที่แบงค์ถามเขาหน้าหลุมศพ ตอนนั้นเขาน่าจะเอะใจ

นอกจากชญานิษฐ์แล้ว จะมีใครอีกที่สอนให้ลูกมาต่อว่าเขาแบบนั้น?

ลูก?

ชญานิษฐ์สีหน้าเปลี่ยนไป ปลายนิ้วสั่นระริก

เขารู้เรื่องลูกได้ยังไง? หรือว่าทรงพลไปเจอบอยมาแล้ว?

"นั่นลูกฉัน ฉันจะพูดอะไรกับลูกก็ได้ มันคงไม่เกี่ยวกับท่านประธานมั้งคะ?"

ชญานิษฐ์เริ่มร้อนรนในใจ ถ้าทรงพลเจอบอยจริงๆ เขาอาจจะพาตัวแกไปแล้วก็ได้ เธอต้องรีบกลับไปดูที่ห้องพักรับรอง

"ลูกเธอ? คนอย่างเธอ! ไม่สมควรจะเป็นแม่คนด้วยซ้ำ!"

"ชญานิษฐ์ ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะ ทางที่ดีอย่ามายุ่งกับลูกอีก! ฉันจะไม่ให้โอกาสเธออีกแล้ว!"

ทรงพลได้พูดในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่ไยดี

คำพูดนั้นกลับทำให้ชญานิษฐ์ยิ่งวิตกกังวลและหวาดกลัว

เขาไม่ให้เธอเข้าใกล้ลูก... หรือว่าเขาเอาลูกไปแล้วจริงๆ?

"ทรงพล คุณทำอะไรลูก?" ชญานิษฐ์พุ่งเข้าไปกระชากแขนเสื้อทรงพลไว้

ทรงพลสะบัดเธอออกด้วยสีหน้าเย็นชา "เรื่องนี้เธอไม่ต้องมาสะเออะ เป็นห่วงตัวเองเถอะ ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับลูกอีก!"

"คุณเอาลูกไปไว้ที่ไหน!"

ชญานิษฐ์ไม่ได้ฟังสิ่งที่ทรงพลพูดเลย จิตใจเธอจดจ่ออยู่แต่ว่าลูกหายไปไหน

ทรงพลไม่ตอบ เลือกที่จะเดินหนีไป

ชญานิษฐ์ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว

เธอจะยอมให้ทรงพลพรากลูกไปไม่ได้เด็ดขาด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป