บทที่ 9 ผู้หญิงเมื่อห้าปีก่อน
ไม่ได้การล่ะ! เธอต้องกลับไปดูให้เห็นกับตา!
ชญานิษฐ์รีบผละออกมาทันที พอมาถึงหน้าประตูโรงแรม เธอก็เห็นแอนน์กำลังยืนโบกมือเรียกเธออยู่
แต่ที่น่าแปลกก็คือ... ลูกชายตัวน้อยกลับยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ แอนน์
แสดงว่า...
ทรงพลไม่ได้พาลูกชายไปงั้นเหรอ?
ชญานิษฐ์รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเร็วแสง แล้วคว้าตัวแบงค์เข้ามากอดไว้แน่น หัวใจของเธอยังคงเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว
ในเมื่อตอนนี้ทรงพลล่วงรู้เรื่องที่เธอแอบคลอดลูกชายแล้ว เขาจะต้องมาแย่งลูกไปจากเธอแน่ๆ!
"หม่ามี้คะ เป็นอะไรไปเหรอคะ?" แอนน์ชะโงกหน้าเล็กๆ ออกมาถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นชญานิษฐ์ดูตื่นตระหนกและห่วงพี่ชายขนาดนั้น ก็อดแปลกใจไม่ได้
ชญานิษฐ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะรวบตัวแอนน์เข้ามากอดด้วยอีกคน พลางลูบศีรษะของเด็กทั้งสองอย่างอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรจ้ะ หม่ามี้แค่เป็นห่วงพวกหนูเฉยๆ ว่าแต่แอนน์... ทำไมพวกหนูถึงออกมาข้างนอกกันล่ะ? แล้วเจอคนแปลกหน้าบ้างหรือเปล่า?"
เมื่อกี้ทรงพลพูดจาแบบนั้น เธอเลยนึกว่าเขาส่งคนมารับตัวลูกชายไปแล้วเสียอีก
แต่ทำไมลูกถึงยังมายืนอยู่ตรงหน้าเธอได้ล่ะ?
"ก็พี่ชายบอกว่าอยากเจอหม่ามี้ หนูเลยกะว่าจะพาพี่ไปที่ตึกที่หม่ามี้ออกแบบพอดี แต่ไม่นึกว่าหม่ามี้จะกลับมาซะก่อน"
"อืม... ถ้าถามว่าเจอใครบ้าง หนูและพี่ชายเพิ่งออกมา ก็เจอแต่หม่ามี้นี่แหละค่ะ ไม่มีคนแปลกหน้าเข้ามาหาเลย"
แอนน์ตอบตามความจริง ส่วนแบงค์ก็พยักหน้าสนับสนุนอยู่ข้างๆ
นั่นยิ่งทำให้ชญานิษฐ์รู้สึกสับสนงุนงงเข้าไปใหญ่
ในเมื่อเด็กๆ ไม่ได้เจอทรงพล แล้วเขารู้เรื่องการมีอยู่ของลูกชายได้อย่างไร?
แถม... ทำไมเขาถึงไม่พาตัวเด็กไป?
แล้วคำพูดพวกนั้น...
มันหมายความว่าอะไรกันแน่?
ช่างมันเถอะ
ชญานิษฐ์เอื้อมมือไปลูบแก้มยุ้ยๆ ของแบงค์
ขอแค่ลูกชายยังอยู่ข้างกายเธอก็พอแล้ว
"ปะ เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ" ชญานิษฐ์ยิ้มพลางจูงมือเด็กทั้งสอง เดินกลับเข้าไปในห้องพักโรงแรมพร้อมกัน
พอถึงห้อง แอนน์ก็ลากแบงค์มานั่งเล่นหมากรุกด้วยกันทันที
สิบนาทีผ่านไป...
ใบหน้าเล็กๆ ของแอนน์ยับย่นจนแทบจะผูกกันเป็นปม
เธอวางตัวหมากในมือลง จ้องมองแบงค์เขม็ง หันซ้ายหันขวาสำรวจพี่ชาย สุดท้ายก็เอามือเท้าคางแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
"พี่คะ พี่แอบไปซุ่มฝึกกับใครมาหรือเปล่าเนี่ย? เมื่อก่อนเล่นหมากรุกทีไร พี่ไม่เคยชนะหนูได้เลยนะ ทำไมวันนี้เก่งจัง? อย่างกับเป็นคนละคนเลย" แอนน์บ่นอุบ
แบงค์ได้ยินดังนั้นก็เริ่มเลิ่กลั่กทันที นึกว่าความลับจะแตกซะแล้ว
"เอ่อ... คือ... พี่ไปหัดเล่นมาน่ะ..." แบงค์ตอบตะกุกตะกัก
แอนน์ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรต่อ แบงค์จึงโล่งอกไปที เพื่อให้แอนน์เลิกสงสัย แบงค์เลยแกล้งเดินหมากพลาดให้แอนน์กินฟรีอยู่หลายตา จนสุดท้ายแอนน์ก็ชนะและกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง
ชญานิษฐ์นั่งมองเด็กทั้งสองอยู่เงียบๆ ด้วยความอิ่มเอมใจ
ไอ้คนสารเลวอย่างทรงพล สิ่งเดียวที่พอจะนับเป็นข้อดีได้ ก็คงมีแต่พันธุกรรมหน้าตาดีนี่แหละ
ณ บ้านตระกูลศรีเรือง
ทรงพลนั่งอยู่ในห้องทำงาน ขณะกำลังพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์ จู่ๆ เขาก็รู้สึกคันจมูกยิบๆ เขาเปิดลิ้นชักหยิบภาพสเก็ตช์ใบหนึ่งออกมา
มันคือภาพวาดลายเส้นใบหูและต้นคอ ที่มีปานรูปคล้ายผีเสื้อปรากฏอยู่ ค่ำคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน ผู้หญิงคนนั้นทำให้ทรงพลไม่อาจลืมเลือนได้ลง...
ทว่าในคืนนั้นสติสัมปชัญญะของทรงพลเลือนรางเต็มที เขาจำใบหน้าของเธอไม่ได้ชัดเจน มีเพียงชั่วขณะที่กำลังร่วมรักกัน เขาเหลือบไปเห็นปานรูปผีเสื้อที่หลังใบหูของเธอโดยบังเอิญ พอวันรุ่งขึ้นเขาจึงสั่งให้คนวาดภาพนี้ขึ้นมาทันที
เขารีบส่งคนออกตามสืบ จนมีข่าวแจ้งมาว่าเธออยู่ที่สนามบิน!
ตอนนั้นทรงพลสั่งปิดล้อมสนามบินทั้งแห่ง แต่พอเจอตัว ผู้หญิงคนนั้นกลับตอบคำถามวกไปวนมา
ซึ่งมันไม่ตรงกับความทรงจำอันเร่าร้อนในค่ำคืนนั้นเลยสักนิด
แม้หลังใบหูของผู้หญิงคนนั้นจะมีลวดลายคล้ายผีเสื้อจริงๆ แต่มันกลับเป็นรอยแผลเป็นจากการลบรอยสัก ไม่ใช่ปานที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
ทรงพลรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาเธอ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววใดๆ
เพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ราตรีมาเยือน เขาต้องนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา
เพียงแค่หลับตาลง ภาพความทรงจำในคืนนั้นก็วนเวียนเข้ามาปั่นป่วน ราวกับมีมดนับพันตัวไต่ยั้วเยี้ย ทำให้หัวใจของเขาคันยุบยิบจนแทบทนไม่ไหว
ยามที่ความปรารถนาพุ่งทะยานถึงขีดสุด เขาต้องขดตัวแช่อยู่ในอ่างน้ำเย็นจัด รอจนความหนาวเหน็บทำให้ฟันกระทบกันกึกๆ สติสตางค์ถึงจะกลับคืนมาได้
เขาขอสาบาน! เขาจะต้องตามหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอให้ได้!
เช้าวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่ชญานิษฐ์ตื่นนอน ก็ได้รับข้อความจากผู้จัดการโครงการ แจ้งให้เธอเข้าไปหาหน่อย เพราะมีสัญญาฉบับหนึ่งที่ต้องเซ็นใหม่
ในตอนนั้นเอง
แบงค์ก็เปิดประตูห้องนอนออกมา จ้องมองชญานิษฐ์ด้วยตาที่ยังปรือปรอยเพราะความง่วง
ชญานิษฐ์ไม่ได้ว่าอะไร เธอเดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้า แล้วหอมแก้มแบงค์ฟอดใหญ่
"วันนี้ 'บอย' ไม่ตื่นสายแฮะ เด็กดีจริงๆ"
แบงค์ที่โดนจู่โจมหอมแก้ม ถึงกับหูแดงระเรื่อด้วยความเขิน
ชญานิษฐ์ถือโอกาสหยิบนาฬิกาลายหมูเปปป้าพิกอีกเรือนออกมาจากกระเป๋า
"คราวนี้อย่าทำหายอีกนะรู้ไหม"
แบงค์มองดูชญานิษฐ์บรรจงสวมนาฬิกาให้ที่ข้อมือ นิ้วน้อยๆ ลูบไล้หน้าปัดนาฬิกาแผ่วเบา
นี่คือ...
ของขวัญที่เธอให้เขา...
ไม่ใช่สิ!
มันคือของที่ให้ 'บอย' ต่างหาก
ความดีใจเมื่อครู่มลายหายไป กลายเป็นความหม่นหมองเข้ามาแทนที่
ถ้าหากชญานิษฐ์รู้ว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ 'บอย' เธอคงจะไม่ชอบเขาหรอกมั้ง
ขณะที่แบงค์กำลังคิดฟุ้งซ่าน แอนน์ก็เดินออกมาจากห้อง ในอ้อมแขนกอดตุ๊กตาหมีสีขาวไว้แน่น มืออีกข้างขยี้ตาด้วยความงัวเงีย เธอเดินมาหาชญานิษฐ์แล้วโถมตัวเข้ากอดอ้อนๆ ส่งเสียงงึมงำน่าเอ็นดูว่า
"หม่ามี้ขา... หิวจัง"
"โอเคจ้ะ รีบไปแปรงฟันกับพี่ชายก่อนนะ เดี๋ยวหม่ามี้ไปทำมื้อเช้าให้"
ชญานิษฐ์ยิ้มอย่างเอ็นดู พลางใช้นิ้วเกลี่ยจมูกน้อยๆ ของแอนน์เล่น
แอนน์คว้ามือแบงค์ แล้วพากันเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ชญานิษฐ์ก็พาเด็กทั้งสองไปยังโครงการก่อสร้าง เมื่อแน่ใจแล้วว่าทรงพลไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอจึงวางใจปลีกตัวไปเซ็นสัญญากับผู้จัดการ โดยปล่อยให้เด็กๆ เดินเล่นกันไปก่อน
แต่ทว่า... พอชญานิษฐ์เดินออกมาจากห้องทำงาน ก็ดันจ๊ะเอ๋กับทรงพลที่เพิ่งมาถึงพอดี
เธอหน้าถอดสีด้วยความตกใจ
ชญานิษฐ์พยายามเดินเลี่ยงทรงพล แล้วรีบตามหาลูกๆ จนทั่วชั้นหนึ่ง แต่ก็ไม่พบวี่แวว
ปกติแล้ว 'บอย' กับแอนน์ไม่ใช่เด็กที่จะวิ่งซนไปไหนไกลๆ นี่นา
ในขณะที่ชญานิษฐ์กำลังตามหาด้วยความกระวนกระวายใจ เด็กทั้งสองกลับขึ้นไปอยู่บนชั้นสองเสียแล้ว
แอนน์เกิดปวดท้องขึ้นมากะทันหัน เลยให้แบงค์พาไปเข้าห้องน้ำ
แบงค์ยืนรออยู่อย่างเรียบร้อยที่หน้าประตู
แต่เพียงแค่หันหลังกลับมา เขาก็เห็นทรงพลยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
สัญชาตญาณสั่งให้แบงค์รีบก้มหน้าหลบสายตา เตรียมจะชิ่งหนี เขาไม่อยากกลับไปกับแดดดี้ตอนนี้...
เขายังมีข้อสงสัยบางอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบ เขาต้องถามชญานิษฐ์ให้รู้เรื่องก่อน
แต่สายตาอันเฉียบคมของทรงพลนั้นไวกว่า เขาเห็นแบงค์เข้าเต็มตา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาลงทันที เขาเดินดุ่มๆ เข้ามาคว้าแขนแบงค์ไว้
"แบงค์! ลูกออกมาเองได้ยังไง? แล้วมาทำอะไรที่นี่?"
ทรงพลคาดคั้นเสียงเข้ม
"แดดดี้ครับ... คือผม... ผมคิดว่าหม่ามี้อยู่ที่นี่ ก็เลย..."
แบงค์จำใจโกหกออกไป สีหน้าของทรงพลยิ่งดูเคร่งเครียดน่ากลัวขึ้นไปอีก
ยัยชญานิษฐ์อีกแล้วเหรอ!
กล้าดียังไงถึงหลอกลูกชายเขามาที่นี่!
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของแก!" ทรงพลตวาดเสียงกร้าว
"ใช่ครับ... เขาเป็น..."
เสียงของแบงค์แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เขาไม่เคยกล้าแสดงจุดยืนต่อหน้าพ่อจอมเผด็จการคนนี้มาก่อน
นี่คือความกล้าหาญครั้งแรกของแบงค์
"กลับบ้านกับฉันเดี๋ยวนี้"
ทรงพลไม่พูดพร่ำทำเพลง กระชากมือแบงค์เตรียมจะลากตัวออกไป
"แดดดี้ครับ ผมไม่อยากกลับ ผมอยากเจอหม่ามี้"
สิ้นเสียงของลูกชาย ทรงพลก็รวบตัวเขาอุ้มขึ้นทันที การกระทำที่เมินเฉยต่อความรู้สึกของเขาแบบนี้... ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความโหยหาแม่ของแบงค์ ค่อยๆ ถูกความสิ้นหวังกลืนกิน
"ฉันบอกแกแล้วไง ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของแก!"
