บทที่ 8 พ่อตากับลูกเขย
(ย้อนกลับไปในบรรทัดแรกของตอน)
"คุณยาย คุณยายคะ!!!" พยาบาลสาวได้ยินเสียงของคนไข้ จึงเดินเข้าไปดูอาการของเธอ แต่ก็ยังคงพบว่าเธอยังคงหลับอยู่
พยาบาลตรวจเช็กอาการโดยภาพรวมเสร็จและแจ้งไปยังแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้ ทางโรงพยาบาลก็แจ้งไปยังครอบครัวของเธอทันที
หลังจากที่พ่อของเธอทราบอาการของเธอว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น และเธอน่าจะฟื้นในเร็วๆ นี้ พ่อของอัยยะและสามีของเธอ นั้นก็คือ พ่อตาและลูกเขยก็มาเยี่ยมและเฝ้าดูแลเธอเพื่อรอเธอตื่นจากการหลับใหล
ที่จริงแล้วนั้น พ่อของอัยยะได้มาเฝ้าดูแลเธอในทุกๆ วัน แต่จะมาเฉพาะในช่วงกลางคืน เพราะช่วงกลางวันท่านยังคงต้องทำงาน โดยมีลูกเขยที่มาอยู่ดูแลเป็นเพื่อน เพื่อสลับกันในการดูแลผู้ป่วย วันนี้ก็เป็นเช่นเคย
เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่าอาการของอัยยะดีขึ้น เธอเริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ฟื้น พวกเขาทั้งคู่ก็รีบมาที่โรงพยาบาล มันเป็นช่วงเวลาเกือบจะทุ่มหนึ่งแล้ว
"คุณพ่อครับ ทานอะไรมาหรือยังครับ?" ลีออง ชายหนุ่มที่กลายมาเป็นลูกเขยของ เจสัน บาสเตียน เจ้าของบริษัท MNC
"พ่อทานมาแล้ว เราล่ะทานอะไรมาหรือยัง?" เจสันพ่อตาของเขาถามเขากลับเช่นกัน
"ผมเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าอย่างงั้นคุณพ่อพักผ่อนก่อนครับ เดียวผมดูแลอัยย์เองครับ" ลีออง จัดที่นอนให้พ่อตาของเขา บริเวณห้องโถงกลางก่อนถึงห้องพักผู้ป่วย
ห้องพักฟื้นของอัยยะ จากการที่เธอเป็นถึงลูกสาวของประธานบริษัท MNC นั้นถือว่าเป็นห้องพักฟื้น ที่ใหญ่ที่สุดของเมือง P เลยก็ว่าได้ มีห้องรับแขกด้านหน้า เพื่อให้ญาติผู้ป่วยสามารถพักอาศัยได้ ถัดมาค่อยเป็นห้องพักฟื้นสำหรับผู้ป่วย หรือจัดเป็นห้องสูทระดับ 5 ดาว เทียบเท่าโรงแรมเลยก็ว่าได้
"อือ ... ขอบใจเธอมากที่ช่วยพ่อดูแลยายอัยย์" เจสันกล่าวขอบใจชายหนุ่มที่เป็นลูกเขยของเขาจากใจจริง จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องโถงถัดจากห้องผู้ป่วย ปล่อยให้ลีออง อยู่ดูแลหญิงสาวที่ยังคงหลับอยู่
ที่จริงแล้วนั้น เจสัน บาสเตียน รู้จักลูกสาวของตัวเองดีกว่าใครๆ และก็รู้จักลูกเขยของเขาดีไม่แพ้กัน ทั้งเจสัน และลีออง เมื่อมาอยู่ด้วยกันเหมือนพวกเขาทั้งคู่กลายมาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ เพียงแต่ว่า อัยยะลูกสาวของเขาไม่สามารถที่จะทำให้ชายหนุ่มคนนี้กลายมาเป็นคนในครอบครัวของเขาได้นานกว่านี้
เจสันรู้ว่า ลีอองต้องการหย่ากับอัยยะลูกสาวของเขา ซึ่งนั้นก็เป็นไปตามข้อตกลงที่เขาทั้งคู่ได้สัญญากันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และชายหนุ่มคนนี้ก็ทนเธอมาได้นานเกือบจะ 2 ปี นี่ก็ถือว่ามากพอสมควร เพราะลูกสาวตัวดีของเขาไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แถมยังร้ายกาจมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้เขาผู้เป็นพ่อบางครั้งก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาจึงไม่ยึดติดกับการจากไปของชายหนุ่ม และเขาก็จะไม่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้เดือดร้อน หากพวกเขาทั้งสองหย่าร้างกัน นี้ถือเป็นการชดเชยให้กับชายหนุ่มที่เขาต้องสูญเสียอิสรภาพ และต้องคอยแก้ปัญหาให้กับอัยยะลูกสาวของเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ในส่วนของลีออง เขานั้นก็นับถือและเคารพ เจสัน บาสเตียน พ่อตาของเขาจากใจจริง เพราะท่านถือเป็นคนดี เป็นคนมีเหตุผล ชายหนุ่มเข้าใจในการที่พ่อตาของเขาจัดการเรื่องการแต่งงานระหว่างอัยยะและเขา หากเขาเป็นพ่อของอัยยะขึ้นมาจริงๆ เขาอาจจะทำมากกว่าที่เจสันทำก็ได้
มีพ่อที่ไหนกันล่ะที่ไม่รักลูกตัวเอง เขาหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เขาต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้
ขณะที่คิดอยู่นั้น ลีอองมองไปยังหญิงสาวที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ตอนแรกที่เขารู้ว่า เจสัน บาสเตียน ยื่นข้อเสนอให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเขาเพื่อร่วมลงทุนกับทางบริษัท เขาไม่ยินยอมและไม่เต็มใจจะทำตามข้อตกลง เขาปฏิเสธมันทันถึง ถึงแม้ผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้นมันมหาศาล
โดยเจสัน บาสเตียน จะมอบหุ้นบริษัทของเขาในส่วนของอัยยะให้กับเขาถึง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนยันว่าไม่ต้องการ เขาต้องการเพียงการทำธุรกิจเท่านั้น และที่สำคัญเขามีแฟนอยู่แล้ว และอัยยะก็เป็นผู้หญิงที่ไม่น่าเข้าใกล้ เธอถือเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายและเอาแต่ใจเป็นที่สุด
หลังจากที่ชายหนุ่มปฏิเสธการแต่งงาน และปฏิเสธการร่วมลงทุน หากข้อสัญญานั้นยังคงเป็นการแต่งงานเขาก็จะไม่ทำตามเด็ดขาด ถึงแม้พ่อและแม่ของเขาจะขอร้องเขาก็ตาม
หลังจากที่ เจสัน บาสเตียน รู้ถึงการปฏิเสธการแต่งงานของลีออง เขาขอพบลีอองแบบเป็นการส่วนตัว ณ ร้านอาหารที่มีระดับของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง P
เจสัน บาสเตียน นั่งรอชายหนุ่มที่ห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว เมื่อเขาเห็นผู้ที่เดินเข้ามา เขาก็เชิญให้นั่งทันที โดยไม่ถือเนื้อถือตัว และดูเป็นกันเอง "เชิญนั่งก่อน เดียวอาหารที่สั่งกำลังจะมา"
ลีออง เห็นการกระทำของชายที่มีอำนาจคนนี้ ที่แสดงถึงการให้เกียรติแก่ตัวเขาอย่างมาก เขาก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
"ครับ" ชายหนุ่มกล่าวตอบ
