บทที่ 7 บทที่3.ตอบแทนบุญคุณ
บทที่3.ตอบแทนบุญคุณ
วราพิชชาเดินเข้ามาในบริเวณสถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ เมื่อกลับจากที่ทำงาน เธอมองรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ‘อุ้มรัก’ อย่างสนใจ คะเนจากสายตาแล้วก็รู้ว่ารถลักษณะแบบนี้น่าจะราคาแพงมาก นานๆ จะมีคนใจบุญกระเป๋าหนักเข้ามาบริจาคให้สถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ พวกเขาคงมีฐานะร่ำรวยมาก ทุกวันนี้ทุกคนในสถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ ช่วยกันหาคนมาบริจาค ทั้งทำของใช้เล็กๆ น้อยๆ ไปฝากตามร้านค้า ทำขนมกินเล่นไปฝากขาย เพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งบรรดาเด็กที่โตพอจะทำงานได้ ช่วยกันทำงานรวมทั้งตัว วราพิชชาเองที่นำเงินเดือนมามอบให้ทุกๆ เดือน แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายออกไป เนื่องจากเด็กที่ถูกทิ้งมีจำนวนมากขึ้น แต่รายได้ที่รัฐจ่ายให้ยังคงเท่าเดิม ผอ.ชลธิชา ซึ่งเป็นผู้ดูแลจึงพยามทำทุกๆ ทางเพื่อจะไม่ให้สถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’แห่งนี้ปิดตัวลง วราพิชชายกมือขึ้นพนมไหว้ศาลพระภูมิ ที่อยู่ในบริเวณบ้าน’อุ้มรัก’
“สาธุ... ขอไห้มีคนใจบุญมาบริจาค กันเยอะๆ ทีเถอะค่ะ พวกน้องๆ จะได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น”
ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ข้าวของราคาแพงขึ้นทุกวัน นับวันมีแต่รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจำนวนคนที่มีเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีทำให้ทุกๆ คนที่อยู่บ้าน ’อุ้มรัก’ แห่งนี้ต้องช่วยกันประหยัด สงสารแต่น้องๆ ที่ยังไม่โต ถ้าต้องย้ายที่อยู่เพราะบ้าน ’อุ้มรัก’ แบกรับภาระไม่ไหว
“ผมมีขอเสนอ ให้ท่านพิจารณา หวังว่าท่านคงไม่ปฏิเสธนะครับ”
ทนายความสมชาติมาเป็นตัวแทนของเจ้าของคนใหม่ เพื่อมาเสนอการจัดการของสถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’กับผอ.ชลธิชา ทนายสมชาติวางเอกสารตรงหน้าผอ.ชลธิชา แล้วรอฟังคำตอบอย่างเงียบๆ
“ทำไม... ท่านถึงต้องการแบบนี้คะ”
“ผม ไม่ทราบครับ ผมได้รับคำสั่งมาอีกทีหนึ่ง...”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ ถ้าภายในสามวันนับจากนี้ ท่านไม่ได้ของที่ต้องการ สถานที่แห่งนี้จะถูกขายทอดตลาดทันที”
“ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ ขอเวลามากว่านี้ไม่ได้เหรอ เวลาแค่นี้ มันกะทันหันเกินไป”
“ผมจะเรียนให้ท่านทราบครับ แต่ผมไม่รับปากว่าท่านจะยังให้เวลาเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่านะครับ”
ทนายความสมชาติลุกขึ้นยืนทันทีที่หมดธุระ เขามาเพื่อแจ้งเรื่องทุกอย่างให้ผอ.ชลธิชาทราบ จึงขยับตัวเพื่อเตรียมตัวกลับ
“ติดต่อผมได้ตลอดเวลา...ผมจะรีบมาทันทีที่ท่าน ผอ.โทรศัพท์ติดต่อไปครับ”
วราพิชชาทรุดตัวลงนั่งข้างบานประตู เมื่อได้ยินสิ่งที่ทนายความพูดอย่างชัดเจน เธอทรงตัวลุกขึ้นยืนเมื่อตัดสินใจได้แน่วแน่
เมื่อวราพิชชาเปิดประตูห้องเข้าไปในภายในห้องที่ผอ.ชลธิชากำลังนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก หลังจากชายผู้นั้นออกไปสักพักใหญ่ๆ จึงเห็นผอ.ชลธิชาแอบร้องไห้เงียบๆ
“เกิดอะไรขึ้นคะ ขอโทษที่วราแอบฟัง วราได้ยินว่าที่นี่จะปิด และจะโดนขายทอดตลาด” ผอ.ชลธิชาเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้ามองวราพิชชาตรงๆ ท่านถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“วราพิชชาเองเหรอ มาก็ดีแล้ว ผอ.มีเรื่องจะคุยด้วยอยู่พอดี”
“ค่ะ มีอะไรให้วราช่วยก็บอกได้เลยค่ะ วราเต็มใจ”
ผอ.ชลธิชา พินิจมองวราพิชชาเงียบๆ ก่อนตัดสินใจ ตัวผอ.ชลธิชารู้ดีว่าวราพิชชาเป็นเด็กดี กตัญญูรู้คุญ ถ้าบอกเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ออกไป วราพิชชาไม่มีทางปฏิเสธ และคงต้องยินยอมช่วยเหลือทุกทางที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
ผอ.ชลธิชาก็อดเห็นใจวราพิชชาไม่ได้ เด็กสาวในอุปการะของนางจะต้องเจออะไรในภายภาคหน้า ข้อเสนอที่ให้มา ระบุว่าจะชดใช้หนี้สินให้กับบ้าน ’อุ้มรัก’ ซึ่งเป็นหนี้ติดจำนองธนาคารเป็นมหาศาล รวมทั้งจะบริจาคให้บ้าน ’อุ้มรัก’ ทุกเดือนโดยที่ข้อแลกเปลี่ยนคือต้องให้วราพิชชาไปอยู่ด้วย ผอ.ชลธิชาอดคิดไม่ได้เพราะว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีนั้น แต่รายรับคงที่ ทำให้ ผอ.ชลธิชา ตัดสินใจนำฉโนดที่ดิน ของบ้าน ‘อุ้มรัก’ไปจำนองกับธนาคาร เพื่อมาใช้จ่ายต่างๆ ในบ้าน ’อุ้มรัก’ แห่งนี้ ซึ่งก็เป็นเวลาหลายปีแล้ว จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ธนาคารโทรมาแจ้งให้ผอ.ชลธิชาทราบว่าได้ขายที่ดินแห่งนี้ ให้กับเจ้าของแห่งใหม่ไปเรียบร้อย เจ้าของคนใหม่อาจจะส่งคนเข้ามาเจรจ าและตกลงรายละเอียดต่างๆ ด้วย
“วรา มีใครที่รักใคร่ ชอบพอกันบ้างเหรอยัง”
“ไม่มีค่ะ...” วราพิชชามีสีหน้าสงสัย ผอ.ชลธิชาไม่เคยถามเรื่องนี้เลย แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา
“ไม่มีก็ดีแล้วละ วรารักน้องๆ ใช่ไหม”
“ค่ะ…”
“แล้วถ้าที่นี่ต้องประกาศปิดตัว เพราะว่าถูกธนาคารยึด เราทุกคนต้องแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น รวมทั้ง วราเองก็เถอะ”
“ค่ะ”
“วรา จะทำยังไงจ้ะ แต่ถ้า...”
“แต่...อะไรคะ”
“ถ้ามีใครสักคนยื่นมือมาช่วย แม้จะมีข้อเสนอที่ดูแล้วไม่หน้าไว้ใจเลย แต่มันเป็นทางรอดทางเดียวที่มีอยู่ วราว่าเราทุกคนต้องทำอย่างไรดีล่ะ”
“ข้อเสนอที่พูดถึงเกี่ยวกับวรา...ใช่ไหมคะ”
“มันก็ใช่นะ แต่ถ้าวราปฏิเสธ เราทุกๆ คนที่นี่ก็ไม่กล้าที่จะตำหนิวราหรอกจ้ะ”
“วรา... สามารถทำได้ทุกอย่างค่ะ ถ้าสิ่งที่วราทำจะสามารถ ทำให้ทุกคนไม่ต้องหาที่อยู่ใหม่ ไม่ต้องแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น”
“ข้อเสนอที่ว่าจะต้องให้วราไปอยู่กับเขา แม้จะในฐานะอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ”
หยดน้ำเล็กๆ ไหลรินออกมาจากดวงตา เมื่อวราพิชชากะพริบตาซ้ำๆ กันหลายครั้งเพื่อไล่ละอองน้ำตาที่ค้างอยู่ในดวงตางดงามออก เธออดคิดอย่างน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ เธอไม่มีใครในชีวิตนี้เลย จะมีก็แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ถ้าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อจะช่วยทุกคน วราพิชชาก็พร้อมและเต็มใจ แม้จะสูญเสียความภูมิใจ แต่คงไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างน้อยก็ได้ตอบแทนพระคุณ ทุกๆ คนที่ให้ที่อยู่อาศัยรวมทั้งที่อบรมสั่งสอน น้องๆ จะได้มีโอกาสได้เล่าเรียนต่อ ไม่ต้องย้ายที่อยู่ ไม่ลำบาก เธอเสียสละเพียงคนเดียวแต่ช่วยเหลือทุกคนได้
“เขา... ให้เวลาถึงเมื่อไรคะ” วราพิชชาหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะโพล่งถามออกมา เมื่อตัดสินใจถี่ถ้วน
“สามวัน... นับจากวันนี้ไปจ้ะ”
“วรา ...ต้องทำอะไรบ้างคะ เขามีรายละเอียดอะไรบ้าง”
ผอ.ชลธิชา ยื่นเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าให้วราพิชชาดูซึ่งก็มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. วราพิชชาจะต้องไปอยู่กับเจ้าของคนใหม่เป็นเวลา 1 ปีโดยฐานะไม่ได้ระบุ
2. จะบริจาคเงินให้บ้านอุ้มรักเป็นประจำทุกเดือนๆ ละ 100,000 บาท
3. วราพิชชา ไม่มีสิทธิเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้น
4. บ้านจะถูกโอนเป็นชื่อ มูลนิธิบ้าน ’อุ้มรัก’ ไม่มีสิทธิ์ขายหรือ จดจำนองอีก
ป.ล. ถ้าไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้สถานที่แห่งนี้จะถูกขายทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
วราพิชชาสะอื้นออกมาเบาๆ เมื่ออ่านรายละเอียดที่มีทั้งหมดจบ น้ำตาเม็ดเล็กๆ รินไหลออกจากดวงตาอย่างช้าๆ เธอได้แต่ภาวนาอย่าให้เหตุการณ์ณ์เลวร้ายไปกว่านี้ เวลาหนึ่งปีนับจากนี้ไปคงจะเป็นขุมนรกสำหรับเธอ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคตก็ไม่อาจจะรู้ และคาดเดาได้
“แล้ววราต้องทำอย่างไรบ้างคะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอก เขาแค่ติดต่อมา ซึ่งบังเอิญตรงกับจังหวะที่วรามาได้ยินพอดี เขาแค่บอกว่าตกลงใจเรียบร้อยให้โทรศัพท์ไปบอกเขาได้ทันที”
“พรุ่งนี้นะคะ ขอเวลาให้วราทำใจก่อน พรุ่งนี้ผอ.ค่อยโทรไปบอกเขา”
“ได้จ้ะเราทุกคนที่บ้าน ‘อุ้มรัก’ แห่งนี้จะไม่ลืมเลยว่า ครั้งหนึ่งวราเสียสละให้ทุกๆ คนได้มากมายขนาดนี้ ผอ.ขอเป็นตัวแทนขอบคุณแทนน้องๆ และทุกๆ คนนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ...วราก็มีแค่สิ่งนี้ที่สามารถตอบแทนให้ได้”
“ไม่ใช่แค่นี้ การกระทำครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มากจนผอ.ก็ไม่อาจคาดคิดมาก่อน วราจะเสียสละได้ขนาดนี้”ผอ.ชลธิชาสวมกอร่างบอบบางที่เริ่มสั่นสะท้านจากแรงสะอื้นไห้มือเรียวๆ ยกขึ้นลูบไล้ไปตามเรือนผมยาวสลวยอย่างปลอบโยน
ผู้หญิงทั้งสองคนกอดกันร้องไห้ออกมาเบาๆ ได้แต่หวังว่าในอนาคต ข้างหน้า ทุกอย่างคงจะดีขึ้นหลังจากเหตุการณ์ณ์เลวร้ายนี้จะผ่านพ้นไป
