บทที่ 1 Chapter 1

เฮ้ย! ไอ้ยะ แกอย่าโกงดิวะ เล่นงี้ วันนี้ทั้งวัน ฉันจะได้สักเท่าไหร่เนี่ย”

“ปากหมาแล้วยัยสาม ฉันโกงบ้าอะไร ดูดิ๊ สองถุง ข้างหลังแกนั่น บ้านแกเรียกไม่เท่าไหร่เหรอหา! ยัยนี่ น้ำหน้าอย่างไอ้ยะไม่มีคำว่าโกงเว้ย เรื่องแบบนี้มันต้องฝีมือล้วนๆ เว้ยเฮ้ย”

“ไอ้ขี้คุย เดี๋ยวคอยดู รอบนี้ฉันจะเหมาให้เกลี้ยงตู้ ไอ้ตัวโบนัสนั่นต้องเป็นของนังสามรอบนี้”

“จัดไปถ้าคิดว่าแน่นังหนู ฮ่าๆ”

เสียงตอบโต้กันโหวกเหวกหยุดชะงักฝีเท้าที่ก้าวเอื่อย ขณะเจ้าของร่างสูงสง่ากำลังจะเดินผ่านจุดบริการเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย ตาคมกวาดผ่านแบบช้าๆ ทีท่าไม่ใคร่ใส่ใจอะไรมากมาย ไปตามเครื่องเล่นต่างๆ ก่อนจะไปหยุดตรงตู้คีบตุ๊กตา ซึ่งเป็นตู้ขนาดใหญ่ มีตุ๊กตาตัวเล็กหลากหลายกองสุมอยู่ในนั้น และมันกำลังหมุนเป็นวงกลมตามกลไกสายพานที่ตั้งไว้ ด้านนอกตู้กระจก มีผู้เล่นสี่คนนั่งอยู่คนละมุมรอบตู้ แต่ละคนกำลังขะมักเขม้นบังคับเจ้านิ้วเหล็กซึ่งใช้เป็นคีมคีบจับตุ๊กตาขึ้นมาวางบนสะพานเพื่อดันให้มันไหลออกมาจากตู้ ก่อนที่จะถูกชนตกลงไปในกองเหมือนเดิม เขาเห็นแต่ละคนจริงจังราวกับกำลังห้ำหั่นศัตรูของชาติก็ไม่ปาน โดยเฉพาะเจ้าของเสียงแจ๋นๆ ที่ตะโกนพูดคุยท้าทายกับเพื่อนตลอดเวลา

ชายหนุ่มมองเลยไปที่ด้านหลังเก้าอี้ของเธอมีถุงตุ๊กตาถุงใหญ่วางอยู่สองถุง ผู้เล่นคนอื่นก็มีถุงตุ๊กตา กะประมาณจากสายตาแล้ว เธอคนนั้นได้มากกว่าคนอื่นๆ ใบหน้าด้านข้างที่เขาเห็นเวลานี้มันแผล็บ หน้าตาที่ปราศจากเครื่องสำอาง ผมยาวหยักที่รวบมัดไว้ด้านหลัง มองเผินๆ เธอก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไปที่พากันมาเล่นเครื่องเล่นในบริเวณนั้น เพชรพญายกมือขึ้นมาดูเวลา บ่ายสามโมงเศษ แต่เพราะอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยเด็กๆ และเด็กวัยยี่สิบที่เพิ่งจบ ปวส.อย่างเจ้าหล่อนคนนั้นน่าจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว หางานทำเป็นหลักเป็นฐาน ใช่เอาเวลามานั่งเล่นเกมแบบนี้ แล้วเล่นเกมได้ตุ๊กตาเยอะขนาดนั้น มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก หมดเงินไปกับเกมกี่มากน้อย ช่างไม่มีความคิดเอาซะเลย!

“อยากเล่นเหรอเพชร”

“หืม...”

“เครื่องเล่นไง เพชรอยากเล่นเหรอ แจ๋มเห็นคุณมองตู้คีบตุ๊กตาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เรายังมีเวลาอีกสิบห้านาทีหนังถึงจะฉาย แวะเล่นกันไหมคะ”

“บ้าน่า ผมแค่คิดว่า เดี๋ยวนี้เครื่องเล่นพวกนี้มีเยอะแยะหลากหลายจริงๆ แบบนี้ก็ล่อลวงให้เด็กๆ แอบหนีเรียนมาเล่นกันสนุกใหญ่ ไม่ได้มองเพราะอยากเล่นหรอกครับแจ๋ม” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเรื่อย ยิ้มบางๆ ให้หญิงสาว

จีระภายิ้มหวานปนล้อเลียน

“แจ๋มนึกว่าคุณอยากเล่น ตู้พวกนี้แจ๋มเคยลองเล่นนะคะ คีบเท่าไหร่ก็ไม่ได้ตุ๊กตาสักตัว เด็กๆ พวกนั้นเก่งจัง ได้ตุ๊กตากันถุงเบ้อเริ่ม”

“หรืออีกนัยคือ เล่นจนชำนาญแสดงว่าเล่นบ่อยๆ แล้วเอาเวลาไหนมาเล่น ไม่พ้นหนีเรียนกันมา แบบนั้นไม่น่าชื่นชมเลยสักนิด”

“เสี่ยเพชรก็... ซีเรียสเกินไปนะคะ” สาวสวยยิ้มกว้าง เอียงหน้า ช้อนตาขึ้นมอง ทำเสียงล้อเลียน

เจ้าของร่างสูงยักไหล่ ตวัดตากลับไปมองแม่สาวน้อยนักคีบอีกครั้ง

“ยังไงแบบนี้ผมก็ว่าไม่เหมาะอยู่ดี”

จีระภาหัวเราะเบาๆ นับแต่รู้จักกับชายหนุ่ม เธอพอรู้ว่า เพชรพญาค่อนข้างมีระบบระเบียบในการใช้ชีวิตและการทำงาน ส่วนเรื่องผู้หญิง เขาไม่ชอบผู้หญิงจุ้นจ้านจู้จี้งี่เง่าไร้สาระ หากต้องการอยู่ในวงจรชีวิตของเขานานๆ เธอต้องรู้จักปรับตัว นั่นเพราะเธอคาดหวังว่า จะได้เป็นผู้หญิงตัวจริงของเขาในสักวัน

ก่อนจะเดินผ่านจุดเครื่องเล่นเพื่อจะไปยังโซนโรงฉายภาพยนตร์ หญิงสาวจึงเอ่ยขอตัวไปทำธุระส่วนตัวก่อน

เพชรพญาก็เพียงพยักหน้า อันที่จริงแล้ว เขาไม่ชอบดูหนังสักเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องการหักหาญน้ำใจของหญิงสาว จีระภากับเขารู้จักกันมาหลายปี เธอเป็นลูกสาวของคู่ค้าทางธุรกิจคนหนึ่ง รู้จักมักคุ้นกับเขาเป็นอย่างดี นับแต่ที่เขาเข้ามารับช่วงดูแลกิจการของครอบครัว เธอรู้จักวางตัว ไม่งี่เง่าวุ่นวาย เขาจึงเต็มใจที่จะสานสัมพันธ์ด้วย แน่นอนว่า เพชรพญามองไกลถึงอนาคต จีระภาเหมาะที่จะเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกของผู้ชายสักคน แต่ติดเรื่องเดียว คือตอนนี้ความรู้สึกของเขายังไม่พัฒนาไปจนถึงระดับนั้น ยังอยู่ที่ความประทับใจและคิดว่าเธอเหมาะสมเท่านั้น

ตาคมกวาดมองไปเรื่อย และหยุดที่สาวน้อยคนเดิม ดูท่าทางการเล่นเกมที่ออกรสออกเดชของแม่เจ้าประคุณรุนช่องแล้ว อดส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ไม่ได้ มองแล้วก็นึกถึงใครอีกคนที่มักจะไปไหนตัวติดกันเป็นตังเม กรณิการ์...

ใช่แล้ว! เขารู้จักเธอ แม่สาวนักคีบ ตรีนุช นพรัตนา น้องสาวของเปมิศา นพรัตนา ภรรยาของคุณกอบเกื้อ พุทธรัก หนึ่งในอดีตซัพพลายเออร์คนสำคัญของบริษัทของเขาเอง คุณกอบเกื้อเป็นบิดาของกรณิการ์ นอกเหนือจากนั้น เขารู้จักเปมิศาตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยเป็นคนรักฟ้าคราม หรือเฮียคราม รุ่นพี่ที่เขาเคารพ แต่พอเรียนจบเธอกลับเลือกแต่งงานกับคุณกอบเกื้อแทน ส่วนกรณิการ์เป็นลูกที่เกิดจากภรรยาเก่าของคุณกอบเกื้อ และมันช่างตลกสิ้นดี เมื่ออาทิตย์ก่อน เขาเพิ่งไปส่งเธอกับฟ้าครามที่สถานีรถไฟ พ่อของเฮียครามเป็นเพื่อนกับคุณกอบเกื้อและพวกเขาต้องการรับเธอไปอุปการะตามคำสั่งเสียของคุณกอบเกื้อ ซึ่งเรื่องนี้เขาสนับสนุนเต็มที่

บทถัดไป