บทที่ 3 Chapter 3
พนักงานเดินนำเธอมาจนถึงโซฟามุมหนึ่ง ตรีนุชก็มองเห็นเปมิศากำลังพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกับสองหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบปลายๆ โดยที่เธอนั่งเบียดกระแซะอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางยามที่คุณเปรมพูดไปเอาหน้าไซ้ต้นแขนอีกฝ่ายไปดูขัดหูขัดตาตรีนุช แต่ถูกใจผู้ชายคนนั้นเหลือเกิน ส่วนโซฟาอีกด้าน ไอ้เสี่ยอูมันหัวเราะร่าอย่างน่ารังเกียจ
ตรีนุชรีบปรับอารมณ์รังเกียจซุกซ่อนไว้ และเธอทำได้ดี เพราะเมื่อมายืนตรงหน้าคนทั้งสามใบหน้าสวยเซ็กซี่ก็มีรอยยิ้มน้อยๆ
สองหนุ่มใหญ่มองตาค้าง โดยเฉพาะเสี่ยอูที่ยกมือเช็ดน้ำเหล้าที่หกเลอะปากแทบไม่ทัน
“สาม มาแล้วเหรอจ๊ะ” เปมิศาพูดเสียงนุ่มอ่อนหวานอย่างที่ตรีนุชไม่เคยฟังมาก่อน พลางดึงแขนเรียวของสาวน้อยให้เข้าไปยืนใกล้ๆ พนักงานโค้งคำนับก่อนเดินจากไป
“มาๆ คุณเปรมจะแนะนำให้รู้จักกับเสี่ยนะ นี่เสี่ยอูเป็นหนุ่มใหญ่ใจกว้าง ส่วนนี่เสี่ยหมูจ้ะ”
ตรีนุชจำต้องยกมือไหว้ทั้งสองหนุ่มใหญ่ทั้งที่ใจสะอิดสะเอียนในแววหื่นหิวจากดวงตาคนทั้งสอง
“นี่หนูสาม ตรีนุช เป็นน้องคนเล็กของเปรมเองค่ะเสี่ย”
“น่ารักเหมือนเปรมเลย” เสี่ยหมูป้อยอสาวสวยข้างกาย ก่อนจะหันไปหัวเราะกับเพื่อนด้วยสายตาแฝงความนัยที่รู้กันดี
เสี่ยอูลืมอาการกระเง้ากระงอดของตนในนาทีก่อนหน้าไปสิ้น แรกที่รู้ว่ากรณิการ์หนีตามผู้ชายไป เขาใส่อารมณ์กับเปมิศาหาว่าเธอจงใจบ่ายเบี่ยง แต่พอได้เห็นตรีนุชที่สวยงามเย้ายวนยั่วน้ำลาย เขาแทบอยากลากแม่สาวน้อยตรงหน้าขึ้นเตียงเสียเดี๋ยวนั้น
“อุ๊ย! ขอบคุณค่ะเสี่ย ชมเปรมเกินไปแล้ว ไปๆ ยัยสามไปนั่งกับเสี่ยอู คอยดูแลเสี่ยด้วยนะเข้าใจมั้ย”
ตรีนุชถูกดันให้ไปทางโซฟาอีกด้าน เธอแอบเบ้ปาก ถอนใจอย่างฉุนๆ หากต้องเดินไปนั่ง จำต้องรอดูสถานการณ์น่าเบื่อนี่ไปก่อนจะหาทางชิ่ง
“ไปฟังเพลงกันไหมคะเพชร”
“เอาสิ ที่ไหนดีล่ะ”
“เพื่อนแจ๋มเปิดผับใหม่ บรรยากาศน่านั่งมากเลยนะคะ”
หลังออกจากโรงหนัง เพชรพญาก็ได้มาต่อที่ผับแห่งนี้ตามที่จีระภาแนะนำ บรรยากาศภายในผับน่านั่งอย่างที่เธอพูดไว้ เพลงเบาๆ กับแสงไฟสบายตาชวนผ่อนคลาย เขาได้เหล้ายี่ห้อโปรดขณะที่จีระภาสั่งค็อกเทล
ทุกอย่างดูจะลงตัวหมด หากสายตาไม่บังเอิญไปปะทะกับใครบางคน คนที่เพชรพญาตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีกแล้ว
“เพชรคะ แจ๋มขอตัวไปคุยกับเพื่อนแป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวจะพามาแนะนำให้รู้จัก”
เสียงจีระภาดึงความสนใจของเพชรพญากลับมา
“ตามสบายครับแจ๋ม”
สาวสวยยิ้มหวานก่อนจะแยกตัวไป
เพชรพญาเหลือบมองไปทางสาวน้อยที่แปลงร่างเป็นสาวสวยยั่วยวนอีกครั้ง เรียวปากยกขึ้นอย่างหยันๆ
‘เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ’
ตรีนุชแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว หลังจากที่เปมิศาทิ้งเธอให้อยู่กับไอ้เสี่ยบ้ากามตามลำพัง มันพยายามจะจับโน่น ดึงนี่ หาโอกาสลูบโลมเนื้อตัวเธอบ่อยครั้งจนเธอแทบลุกขึ้นกระโดดฟรีคิกใส่ให้ไปสักที อารมณ์ในตอนนี้พลุ่งพล่านไปด้วยความหงุดหงิดจนคิดหาวิธีกำจัดเสี่ยบ้ากามไม่ออก
“เอ่อ สามขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะเสี่ย”
“อ๋อ ได้สิจ๊ะหนู รีบไปรีบมานะ รู้ไหม... เสี่ยไม่อยากนั่งคนเดียวนานๆ”
แหวะ! สาวน้อยแทบกระโดดหนีจากวาจาเลี่ยนชวนอ้วก แก่ขนาดนี้ยังจะมาหยอดมาเย้าเด็กเอ๊าะๆ อยู่ได้
ร่างบางตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ รู้สึกอยากโก่งคอเอามาม่าผัดขี้เมากับข้าวไข่เจียวที่ซัดมาจากห้างออกให้หมด แต่ก็เสียดายตังค์ จานตั้งสามสิบห้าบาท
ทว่า เดินยังไม่ถึงห้องน้ำด้วยซ้ำ เสียงขรึมๆ แต่สำเนียงกวนประสาททำให้หยุดชะงัก
“มาหาลำไพ่พิเศษแถวนี้เรอะ”
ตรีนุชหันขวับ ตาวาวเอาเรื่อง เธอจำเสียงเขาได้ ผู้ชายที่ชอบกวนประสาท เจ้ากี้เจ้าการและเป็นจอมบงการวายร้าย
เพชรพญาจิบเหล้าท่าทางสบายอกสบายใจ เสียงเพลงแผ่วๆ เขาไม่ต้องพูดเสียงดังคนฟังก็ได้ยิน
ตรีนุชเม้มปาก สะบัดหน้าจะเดินหนี ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย ตอนนี้เธออยู่ในภาวะหงุดหงิดมากมายจนเกรงจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวอยู่แล้ว เท้าที่กำลังจะก้าวต้องชะงักกับประโยคกวนโมโหต่อมา
“เป็นโชคดีของอ้อนที่ไปพ้นๆ จากบ้านได้ซะที แต่คงเป็นโชคดีของเธอเหมือนกันในการช่วยพี่สาวหาเงินนะ นี่ล่ะมั้ง ตัวอย่างของคำว่า บัวเกิดแต่ตมก็จริง บางดอกสามารถชูช่อเหนือน้ำ อวดความสวยงาม แต่บางดอกแม้จะสวยแต่หนีโคลนตมไม่พ้น”
“ค่ะ คงอย่างนั้น แล้วคุณเพชรไม่อยากรู้เหรอคะ การเกลือกกลั้วอยู่กับโคลนตมมันเป็นยังไง ทำไมใครๆ จึงได้หลงใหลที่จะอยู่กับมันนัก”
เมื่อความอดทนสิ้นสุด ตรีนุชตอกกลับทันทีเหมือนกัน เธอหรี่ตามองไปทางเสี่ยอู เห็นเขามองมาที่เธอ ความคิดบางอย่างปราดขึ้นกลางสมอง เรียวปากจึงได้แย้มยิ้มหวานหยด
ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเพชรพญาจะทันขยับ เรือนร่างนุ่มอุ่นหอมกรุ่นจากน้ำหอมราคาแพงก็ปราดลงมาที่ตักแถมยังสอดแขนขึ้นกอดคอเขาอีกด้วย ตาคมลุกโพลง หน้าตาดุเครียดเคร่ง จับแขนเรียวจะดึงออก แต่เธอเกร็งแขนกอดคอเขาแน่น ตาช้อนขึ้นมองอย่างท้าทาย
ตรีนุชเบียดเนื้อเบียดตัวเข้าเสียดสีกับร่างกายแกร่งแน่นมัดกล้ามเนื้อ จงใจบดเบียดบั้นท้ายบนหน้าตักกว้าง กระโปรงสั้นรัดรูปเลื่อนขึ้นเกือบถึงโคนขาอ่อน
“ตรีนุช!” เพชรพญาคำรามเสียงต่ำ จ้องสบตาอย่างเอาเรื่อง
