บทที่ 8 Chapter 8
เพชรพญาพยักหน้าเนิบๆ เป็นการเรียกก่อนจะมองเลยไปยังความวุ่นวายที่หน้าผับ เด็กหนุ่มอึกอักแต่ปฏิเสธไม่ออก ยกมือไหว้เจ้านายของญาติผู้พี่ จำต้องเดินไปขึ้นรถ นั่งหน้าคู่กับยศกร
“สามล่ะ”
“อยู่ในนั้นอะดิพี่โย ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง พี่โยช่วยยัยสามหน่อยนะพี่”
“อายุยังไม่ถึงริมาเที่ยวที่แบบนี้ คิดอะไรกัน ก็รู้อยู่ว่ากฎหมายเขาเอาจริงเอาจัง” ยศกรดุน้อง
เพชรพญากวาดสายตาไปยังด้านหน้าของผับแห่งนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบยืนคุมเชิงอยู่ด้านหน้า เขาสั่งยศกรให้เคลื่อนรถไปจอดยังจุดที่ไม่มีคนสนใจแต่สามารถมองเห็นหน้าผับได้ชัดเจน
ไม่นานจากนั้น เจ้าหน้าที่อีกชุดเดินออกมาจากในผับ ตามด้วยนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่งที่ถูกต้อนออกมาขนาบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“นั่นไง ยัยสาม!” พิริยะร้องบอก เมื่อมองเห็นเพื่อนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
เพชรพญาจับตามองอยู่ก่อนแล้ว เขาเปิดประตูรถหลังจากที่สั่งให้ทั้งสองคนรออยู่ในรถ ท่ามกลางความกระวนกระวายใจของพิริยะที่เป็นห่วงเพื่อนมาก
ร่างสูงสมาร์ตของเพชรพญาเดินเอื่อยๆ ตรงไปยังบุคคลอีกคนที่ไม่ใช่ตรีนุช
“ไง สารวัตร”
เสียงทักคุ้นหู พันตำรวจโทสิงหา ต้องละสายตาจากเหล่าเยาวชนหันไปมองคนเรียก
“อ้าว เสี่ย... มาเที่ยวด้วยรึไงครับ” แววตาของนายตำรวจเต้นระยับ เมื่อมองหน้าเรียบขรึมของเพื่อน เขาปลีกตัวออกมาเพื่อคุยกับเพชรพญาตามลำพัง
สารวัตรสิงหา คือนายตำรวจหนุ่มรูปร่างสูง ผิวเข้มคล้ำ
“แต่หน้าตาแบบนี้คงไม่ได้มาด้วย”
“ก็เออสิ มีเรื่องให้แกช่วยหน่อยว่ะ”
“อะไรวะ เสี่ยเพชรมีเรื่องอะไรจะไหว้วานบอกมาได้เลยเพื่อน”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนฝูง คำพูดคำจาก็เป็นไปในทางกระเซ้าเหน็บแนม
เพชรพญาปรายตาไปมองทางกลุ่มเยาวชนที่กำลังถูกต้อนขึ้นรถกระบะ สารวัตรสิงหามองตาม
“เด็กผู้หญิงเสื้อน้ำเงินนั่น”
“เฮ้ย พวกนั้นมีความผิดนะ บางคนฉี่ม่วง เสพยา อายุไม่ถึงเกณฑ์”
“ปล่อยตัวเด็กผู้หญิงแค่คนเดียวไม่เหลือบ่ากว่าแรงมึงหรอกน่าไอ้สารวัตร” เสียงห้าวเรียบดังเบาๆ สีหน้าคนพูดไร้อารมณ์อื่นใด “แล้วกูก็ง่วงมากด้วยวันนี้ มึงอย่าเสือกเรื่องมาก”
“โหย ไอ้เสี่ย นี่คุณมึงกำลังข่มขู่เจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่นะครับ ผมแจ้งความกลับได้นะ คนอื่นอาจจะเกรงใจเสี่ยเพชร แต่กระผมมันพวกใจซื่อมือสะอาดกล้าได้กล้าเสียพร้อมชนกับอิทธิพลมืดทุกอย่างนะจะบอกให้”
“เออ กูเห็นแล้ว มือถือสากปากถือศีลละไม่ว่า” เพชรพญาทำหน้ารำคาญ “ยัยเด็กนั่นทำอะไรผิด”
“อายุไม่ถึงเกณฑ์ ดูเหมือนว่าจะเล่นยาด้วยนะ”
“ตรวจแล้วเหรอ”
“ยัง แต่อาการแปลกๆ น่ะ”
“อย่าให้มีประวัติด้วยล่ะ กูให้ไอ้โยขับรถเลยไปหน่อย เอาตัวเธอมาให้ด้วย”
พูดจบ เสี่ยหนุ่มวัยฉกรรจ์หน้าตาเรียบขรึมก็เดินกลับไปที่รถทันที
สารวัตรสิงหาได้แต่เจริญพรตามหลัง มองเพื่อนรักอย่างอยากจะตั๊นหน้ามันสักที
“ดีนะ งานนี้ไม่มีนักข่าว หาเหาใส่หัวกูจริงๆ เลยไอ้คุณเพื่อนเอ๊ย”
เขาบ่น แต่เดินกลับไปที่หน้าผับ เรียกจ่าท่านหนึ่งให้ดึงตัวแม่สาวน้อยเจ้าปัญหาลงมาจากรถ ก่อนจะพาเดินไปด้านหน้ารถ ผ่านเลยไปกระทั่งถึงรถเก๋งสีดำคันใหญ่ ประตูเปิดออกทันทีที่ไปถึง
“เธอไปคันนี้” สิงหาสั่ง ดันตัวสาวน้อยให้ก้าวขึ้นรถ
ตรีนุชที่กำลังอยู่ในอาการครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ จำต้องก้าวขึ้นไปนั่ง ก่อนจะชะงักนิ่งขึงเมื่อมองเห็นคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ตามองสบกัน
สิงหาก้มหน้าลงมาพูดกับเจ้าของรถ
“เลี้ยงเหล้ากูด้วย”
เพชรพญาพยักหน้าให้เพื่อนก่อนประตูจะปิดลง รถเคลื่อนออก เขาเหลือบมองสบตาปรือๆ ของสาวน้อยข้างกายด้วยสายตาดุ
“เป็นไงบ้างยัยสาม” พิริยะชะโงกหน้ากลับมาถามเสียงร้อนรนปนยินดี
“นึกว่าจะซวยแล้วนะสิ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบายเลย” ตรีนุชตอบเบาๆ พร้อมหลับตา เนื้อตัวเธอเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแปลกๆ
ยศกรมองสบตาเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง
“เอาไงดีครับ”
“กลับบ้านตอนนี้ไม่ได้นะพี่โย น้าเปรมเอาตาย แล้วดูสภาพยัยสามสิพี่” เด็กหนุ่มพิริยะรีบพูดขึ้น อยากจะเอื้อมมือไปจับตัวเพื่อนก็เกรงสายตาดุคมของเพชรพญา
“งั้นไปบ้านฉันก่อนก็แล้วกันพี่โย ไว้ให้ยัยสามดีขึ้นฉันจะไปส่งมันที่บ้านเอง”
“ร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก โอย... พี่โยขับรถเร็วไปเปล่า สามมึนหัวไปหมดแล้ว”
เพชรพญาปรายตาไปมองเด็กหนุ่ม แววตาที่มองตรีนุชไม่ได้มีอะไรเคลือบแฝง แต่เขาจะปล่อยให้เด็กหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังได้ยังไง โดยเฉพาะอีกคนกำลังงุ่นง่านเพราะถูกยากระตุ้นกำหนัดแบบนี้
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับไหล่เล็ก รั้งไว้ เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายคล้ายจะหัวทิ่ม หน้าคะมำลงจากเบาะ แต่ทำให้คนตัวบางเอนมาพิงไหล่เขา ความร้อนผ่าวแผ่ออกมาบาดผิวเนื้อ ขณะที่เจ้าตัวสั่นเทาเป็นระลอก
“ไปห้องของกูก็แล้วกัน”
ห้องพักหรูหราในอาคารสูงแปดชั้น คอนโดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของจังหวัดรอยต่อกรุงเทพมหานคร คือสถานที่ที่เพชรพญาใช้พักผ่อนในบางครั้งบางคราก็พาหญิงสาวที่เขาถูกตาพึงใจมาหาความสุขความสำราญตามฉบับผู้ชายในคอนโดแบบนี้ แต่ไม่ใช่ที่นี่
ระยะทางจากผับมาที่คอนโดใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพราะถนนโล่ง ตรีนุชกลับรู้สึกว่าเธอทรมานมากขึ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายสั่น ซอกขาวูบวาบแปลกๆ แบบที่อธิบายไม่ถูก เนื้อตัวร้อนวูบวาบเหมือนมีไฟมานาบ
