บทที่ 4 หนูนาที่น่ารักของทุกคน
พอล ละ จากเครื่องดนตรีประจำตำแหน่ง เดินตรงมาที่ “นีน่าพวกเราคงไม่ออกไปหาอะไรกิน...มื้อเที่ยงรบกวนนีน่าช่วยจัดการให้ด้วย ได้มั้ย?”
หนูนาตื่นจากภวังค์ไอเดียร์ที่มันพุ่ง “ เดี๋ยวคืนนี้จะไปปั่นโครงเรื่องเสนอสำนักพิมพ์”คิดได้ดังนั้น “ค่ะ...พวกคุณอยากทานอะไรกัน เดี๋ยวนีน่าจัดการให้...”
“ได้ทุกอย่างครับ พวกเราทานง่ายๆ แต่พีทแพ้ถั่วครับ”
“ค่ะ....รับทราบค่ะ...รอสักครู่นะคะ”
“OH!…WOW…” ทันทีที่หนูนาออกจากห้องไป เสียงเหล่าสมาชิกในวงก็ร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน ยกเว้นปีเตอร์ที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับเพื่อนร่วมวง เพราะรู้สึกหวงเธออย่างไม่เข้าใจตัวเอง
“ผู้หญิงไทยว่ากันว่าสวยแล้ว แต่นีน่าพ่วงด้วยความน่ารักน่าทะนุถนอมมาก…ว่ามั้ย พีท” จอนนี่พูดขึ้นมาพร้อมถามปีเตอร์ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์สื่อความหมายบางอย่าง
“ไม่รู้สิ...คงต้องไปถามแคทรีนดูนะ” คำตอบของปีเตอร์ ทำเอาจอนนี่หุบยิ้มทันที
“ไอ้นี่! เล่นของสูง...แฮะ” จอนนี่ร้องออกมา
“Ha..Ha...Ha” เหล่ามาชิกที่เหลือต่างหัวเราะชอบใจ
ก็อก ก็อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเอียน ผู้จัดการก็ก้าวเข้ามาพร้อมปิดประตู
“ขอโทษ...ผมติดประชุมพึ่งเสร็จเลยให้นีน่าแวะเข้ามาแนะนำตัวกับพวกคุณก่อน” แล้วสายตาก็กวาดมองไปทั่วห้องเพื่อมองหาหญิงสาวที่เอ่ยนามออกไป
“เธอออกไปจัดการอาหารเที่ยงให้พวกเรา” ปีเตอร์ตอบข้อสงสัยจากสายตาของเอียน
“อืม!...ดี...ผมดีใจที่พวกคุณโอเคกับเธอ เธอเป็นเด็กดีและขยันมาก” เอียนพยักหน้ารับรู้พร้อมให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวหญิงสาวเพิ่ม
“นีน่า...มีแฟนหรือคนรักเหรอยัง?” สตีฟที่เงียบอยู่นานถามขึ้น พร้อมชายตาแอบไปมองนักร้องนำของวง เห็นว่ากำลังก้มหน้า แต่ท่าทางนิ่งๆแบบนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าคงตั้งใจฟังคำตอบอยู่
“ฮา ฮา ฮา เป็นคำถามที่ดีสตีฟ แต่ผมไม่แน่ใจในเรื่องนี้ มันเรื่องส่วนตัวของเธอ...แต่เท่าที่รู้จักเธอมากว่าสองสัปดาห์ ผมไม่เคยเห็นใครที่นี่ที่เธอจะสนิทเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่รู้คือเธอทำงานสองที่ คือที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนกับที่นี่และไปเรียน เพราะฉะนั้นเสียใจด้วยนะ ผมไม่รู้จริงๆพวกคุณคงต้องสังเกตและถามเธอเอง...”
“เฮ้ย!!!...” สตีฟร้องอย่างเสียดาย “ว่าแต่ว่าคุณเอียน มีอะไรเหรอเปล่าครับ” ถามต่อทันที
“ไม่มีอะไร...พวกคุณซ้อมต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้ว แค่เข้ามาดูความเรียบร้อย...ถ้างั้นผมขอตัว” ก่อนจะเดินออกจากห้องเอียนหันกลับมาพูด“ ผมลืมบอก นีน่าเขาจะมีเรียนด้วย เดี๋ยวพวกคุณถามกันเองนะ เพราะเธอมีหน้าที่ดูแลพวกคุณกับห้องนี้” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทุกคนเพียงพยักหน้ารับทราบไม่มีใครกล่าวอะไรกันอีก ต่างก็ซ้อมเพลงกันต่อจนกว่ามื้อเที่ยงจะพร้อม
เมื่อทุกคนจัดการอาหารมื้อเที่ยงเรียบร้อยวันนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนจากข้อมูลที่ได้รับจากเอียน คงเดากันได้ทันทีว่ามาจากร้านที่เธอเคยทำงาน หลังจากเสร็จแล้วทุกอย่างต่างก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง กลุ่มศิลปินก็เข้าไปในส่วนของการซ้อม ส่วน หนูนาหลังจากเก็บทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็มานั่งที่โซฟา เพื่อรอรับคำสั่งว่าใครต้องการอะไร เธอไม่เคยเห็นการซ้อมดนตรีกันมาก่อนและอีกสามวันศิลปินกลุ่มนี้ต้องออกงาน พวกเขาซ้อมเพลงที่จะไปเล่นและมีมุขน่ารักกล่าวทักทายแฟนเพลงบรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ เพราะพวกเขาเหล่านี้ร่วมงานรู้จักกันมาหลายปีแล้วนั่นเอง หนูนานั่งดูมาได้สักพัก ไหนๆก็ไหนๆไม่มีใครเรียกใช้เธอก็เลยตัดสินใจหยิบ MacBook ในกระเป๋าออกมา
“ขอปั่นนิยายเรื่องใหม่ส่งโครงเรื่องไปที่เมืองไทยสักหน่อยดีกว่า” คิดได้ดังนั้นเธอหยิบหูฟังเสียบและเปิดเพลงฟัง ขณะปั่นนิยายมันเป็นวิธีการสร้างสมาธิของเธอในการเขียน แต่คราวนี้เป็นอัลบั้มเพลงของกลุ่มศิลปินในห้องแห่งนี้ เพราะเธอจะเขียนโดยบุคลิกตัวละครที่จะโลดแล่นในนิยายของเธอคือพวกเขา “จังหวะรักมาเฟีย (Mafia’s Rhythms Of Love)” คือชื่อของเรื่องผลงานชิ้นนี้
อิริยาบทของเธอนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตาชายหนุ่มที่ถูกตั้งฉายาเลย ตอนนี้เขาเห็นเธอนั่งกับพื้นวาง MacBook กับโต๊ะกลางที่บริเวณโซฟา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขากลับอยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร...
“เป็นอะไรว๊ะ! ทำไมถึงอยากรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังฟังอะไร คิดอะไร ทำอะไร” เพราะอยู่ๆแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทุกคนในห้องก็ต่างทำหน้าที่ของตัว จนเวลาล่วงมาพอหันไปดูนาฬิกาก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว เป็นไรอัลที่เอ่ยกับสมาชิกในวง
“...วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะ พรุ่งนี้สายๆ เรามาซ้อมกันอีกรอบ”
หนูนาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ปีเตอร์เดินออกจากห้องซ้อมแล้ว มานั่งที่โซฟาใกล้เธอที่สุด และก้มหน้ามาเกือบใกล้หน้าเธอแต่จ้องไปที่หน้าจอ MacBook ว่าเธอกำลังทำอะไร ซึ่งเป็นภาษาที่เขาอ่านไม่ออก แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าเป็นภาษาไทย เพราะตัวอักษรคล้ายๆกับที่ปักไว้ตรงหน้าอกตุ๊กตาพวงกุญแจที่ขโมยของเธอมา ซึ่งเขาไปหาคำตอบของบทความนั้นมาแล้วจึงเอ่ยถามเธอว่า “หนูนา...กำลังทำอะไรเหรอ?”
