บทที่ 5 หนูนาที่น่ารักของผม

ทันทีที่ได้ยินเสียงและสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ใกล้ตัวมาก หนูนาก็หันไปด้วยความตกใจ ทำให้ตอนนี้หน้าเธอกับปีเตอร์ห่างกันแค่คืบ ซึ่งเขาหันหน้ามารอเธอก่อนอยู่แล้ว  พอเห็นหน้านักร้องหนุ่มใกล้ๆทำเอาหนูนาลืมหายใจ  ตาโตจ้องเขาตาไม่กะพริบจน ปีเตอร์ต้องบอก “หายใจด้วยสิ” พร้อมกับยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นอาการของหนูนา “น่ารักแฮะ” คิดในใจ

“อืม...กำลัง...เขียน...นิยาย...ส่ง...สำนักพิมพ์....” หนูนาตอบแบบตะกุกตะกัก เพราะต้องเตือนตัวเองให้หายใจไปด้วย พร้อมกับค่อยๆถอยหน้าออกห่างทีละนิด

“หนูนา...เขียนนิยายด้วยเหรอเนี่ย!!...ว่าแต่เรื่องเกี่ยวกับอะไร ขออ่านด้วยได้มั้ย?”

“อือ!...คือ...” จะให้บอกได้อย่างไรก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา น่าอายตายเลย

“ไม่ได้ค่ะ...เป็นความลับเพราะยังเขียนไม่เสร็จ...คือ หนูนา...พึ่งเริ่มเปิดเรื่องใหม่เมื่อครู่เอง...คงให้คุณทราบและอ่านไม่ได้...เพราะมันเป็นภาษาไทยหนูนาเขียนส่งสำนักพิมพ์ที่ไทย” อธิบายด้วยความลืมตัวเผลอแทนตัวว่า ‘หนูนา’ ตามคำเรียกของ   นักร้องนำอย่างลืมตัว...

ปีเตอร์รับฟังและพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มกับแววตาบ่งบอกความดีใจอย่างชัดเจนที่หนูนาแทนตัวเองกับเขาว่า ‘หนูนา’ โดยที่เธอเป็นไปตามธรรมชาติไม่รู้ตัวสักนิด และยิ่งได้มองหน้าเธอใกล้ๆอีกครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้หลับหนูนามีดวงตาที่กลมโต ขนตางอนยาวอย่างธรรมชาติรับกับดวงตา จนเขาอยากจะจับมาชิมและจูบปากอิ่มที่ช่างเจรจานี้จริงๆ  พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆที่น่าจะมาจากกลิ่นแป้งบวกกลิ่นสาวช่างน่าหลงใหลนักจนไม่อยากถอยห่างจากเธอเลย

สมาชิกในกลุ่มต่างก็เดินมาที่เธอเพื่อที่จะมากล่าวคำลา และก็เดินออกจากห้องไป  “พีท นายยังไม่กลับเหรอ?” และเป็นไรอัลที่หันมาถาม

“อืม...สักพัก...บาย”  พูดเพียงแค่นั้นและกล่าวลา  โดยสายตาไม่ได้หันมองคู่สนทนาด้วยเลย

“บาย...” ไรอัลกล่าวลาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่  “บาย..นีน่า”

“บาย...” หนูนากล่าวพร้อมยิ้มน่ารักส่งให้ไรอัล ทำให้ปีเตอร์ที่เห็นถึงกับหน้าตึงใส่ทั้งสองอย่างลืมตัว

“เอ่อ!...คือคุณจะกลับตอนไหนคะ?” ทันทีที่ไรอัลเดินออกไป หนูนาก็หันมามองนักร้องหนุ่มที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว

“ถามทำไม...” ปีเตอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เนื่องจากอารมณ์ยังค้างกับสถานการณ์เมื่อครู่

“เป็นอะไรของเขา ถามดีๆอยู่ๆก็มาทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่ยังไงไม่รู้”    หนูนาคิดแต่ตอบกลับไปว่า “คือฉันจะต้องรอปิดห้องค่ะถ้าพวกคุณไม่ใช้ห้องแล้ว” พอได้ฟังคำตอบของเธอทำให้ปีเตอร์ที่อารมณ์ค้างอยู่เมื่อกี้นี้เพิ่มความขุ่นมัวมากไปอีก เพราะจากตอนแรกแทนตัว ‘หนูนา’ เป็น ‘ฉัน’ ทำให้ปีเตอร์ขบกรามแน่นและลุกจากตรงนั้น คว้าเสื้อโค้ชแล้วก็เดินออกจากห้องไปเลย

“การกระทำแบบนั้นคงหมายถึง กลับแล้วสินะ” หนูนาบ่นกับตัวเองและมองอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าศิลปินอารมณ์ต้องแปรปรวนแบบนี้

ปีเตอร์ตอนนี้นั่งอยู่ในรถแต่ยังไม่เคลื่อนรถออกจากที่จอดรถของตึกด้วยความรู้สึกที่หงุดหงิด

“ทำไมถึงหงุดหงิดแบบนี้ว่ะ..” บ่นกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเองหรือว่าจะคิดถึงเจซี เพราะเขากับเจซีไม่ได้เจอกันมากว่าสองเดือนกว่า เพราะเขาต้องไปทัวร์คอนเสิร์ต พอเขากลับมาเธอก็ต้องไปเดินแบบที่ฝรั่งเศษอีกสามสัปดาห์ได้แต่คุยโทรศัพท์กันบ้างเวลาว่างที่ไม่ตรงกันจึงไม่ค่อยได้คุย ทั้งเขาและเธอต่างก็ชินเพราะรู้จักคบหากันมากว่าสิบปี ถ้าเป็นคู่อื่นคงแต่งงานไปแล้ว แต่ระหว่างเขากับเธอต่างก็ไม่มีใครเร่งรัดใคร  หรือแสดงความต้องการที่จะอยากแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวกัน

แต่ความรู้สึกของเขาที่เป็นอยู่นี้ เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เขาพึ่งเจอได้แค่สองวัน เมื่อนั่งทบทวนแต่ก็ยังหาคำตอบกับความรู้สึกนี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจปล่อยมันไปและขับรถอออกไป ด้วยความรู้สึกที่ค้างคา....

เช้าของอีกวันของหนูนารถไฟใต้ดินเป็นยานพาหนะที่เธอใช้เดินทางจากหอพักไปสตูดิโอเหมือนอย่างทุกวัน  นิวยอร์กเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาความเจริญมากที่สุด เมืองที่ไม่เคยหลับไหลซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจรวมถึงบันเทิง แต่สำหรับหนูนาตั้งแต่เธอได้เป็นสมาชิกเมืองที่ไม่เคยหลับใหลชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดต้องประหยัดและต้องหางานที่สามารถเรียนไปด้วยได้นั้นเวลาในแต่ละวันของเธอก็ไม่พออยู่แล้ว  เธอมีเป้าหมายในชีวิตสำหรับเด็กกำพร้าที่ไม่รู้จักพ่อแม่  เติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้บั่นทอนชีวิต กับเป็นแรงกระตุ้นให้เธอต้องเติบโตมาอย่างคนมีคุณภาพ และปัจจุบันเธอก็สามารถมาเรียนต่อระดับปริญญาโทที่อเมริกา อีกสองปีเท่านั้นเธอบอกกับตัวเองว่าเธอต้องทำให้ได้

หนูนาเมื่อมาถึงสตูดิโอก็จัดการงานตามหน้าที่ แต่วันนี้เธอได้หอบหิ้วถุงอาหารมื้อเช้าสำหรับกลุ่มศิลปิน

“ไม่แน่ใจว่าปกติพวกเขากินอะไรเป็นมื้อเช้า เอาน่า!...ถือซะว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง มี ดีกว่าไม่มีอะไรเลย” คิดได้แบบนั้นก็จัดวางทุกอย่างที่โต๊ะกลางตรงมุมโซฟาที่ทั้งเธอและกลุ่มศิลปินชอบมานั่งพักผ่อนและนั่งคุย เพราะมุมนี้จะอยู่ริมห้องใกล้หน้าต่างเห็นวิวแห่งนครนิวยอร์ก และหยิบกระดาษเขียนอะไรบางอย่างวางไว้ที่โต๊ะและคว้าเป้ออกจากห้องไป

“WOW!!!!” ทันทีที่ปีเตอร์ผลักประตูสตูดิโอเข้ามาก็ได้ยินเสียงของพอล กับเห็น ไรอัล ยืนกอดอกมองบางสิ่งที่วางอยู่และกระดาษ...............

บทก่อนหน้า
บทถัดไป