บทที่ 7 ตอนที่ 7
ภายหลังจากร่างท้วมของลุงทองก้าวออกไปจากห้อง ครั้นเมื่อสำนึกผิดชอบชั่วดีของแม่ลูกอ่อนกลับคืนมา มาลีก็ยิ่งรู้สึกอับอายที่หล่อนต้องพลั้งเผลอไปเพราะความว้าเหว่ที่กร่อนกินใจมานานนับปี
‘ไม่น่าเลย... ฮื่อๆ’
มาลีนอนน้ำตาไหลพราก ภาพใบหน้าซื่อๆ ของสามีที่ผุดวาบเข้ามาในสมอง ทำให้ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดและขมขื่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
สุดท้ายมาลีก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน หล่อนรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์เอาไว้ได้
‘ลุงทองไม่น่าทำฉันเลย เสียแรงที่อุตส่าห์ไว้วางใจว่าลุงเป็นผู้ใหญ่ใจดี... ที่ไหนได้ ฮื่อๆ’
ความผิดหวังในตัวของลุงทองทำให้มาลีคร่ำครวญอยู่ในอก จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกขยะแขยงร่างกายของตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งทำกับลุงทองเมื่อครู่น้ำตาของแม่ลูกอ่อนก็ไหลนองออกมาอาบใบหน้าอีกครั้ง
หญิงสาวเอามือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนโต๊ะ มาลีรู้ดีว่าภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ชีวิตของหล่อนจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว
มาลีนอนครุ่นคิดเสียใจอยู่นาน กระทั่งเสียงร้องจ้าของไอ้แดงที่ดังลั่นขึ้นมาช่วยฉุดหล่อนออกจากภวังค์คิดอันฟุ้งซ่านสับสน
“โอ้ย... ”
มาลีสะดุ้งโหยง ขณะขยับลงมาจากโต๊ะ รู้สึกเจ็บแปลบ แสบที่ซอกขาจนเผลอร้องออกมา เพราะว่าขนาดอาวุธประจำกายของลุงทองนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“แม่มาแล้วจ้ะ”
หล่อนเอ่ยพลางรีบตรงเข้าช้อนร่างจ้ำม่ำของลูกชายขึ้นมาจากเปล รู้ว่าไอ้แดงคงหิวนม
ทว่าในขณะที่กำลังจะบีบหัวนมป้อนใส่ปากลูกน้อย คราบน้ำลายเหนียวๆ ของลุงทองที่ยังเปรอะเปียกอยู่กับหัวนมทั้งสองข้างก็ทำให้แม่ลูกอ่อนชะงัก
มาลีรู้สึกขยะแขยงที่ลูกชายจะต้องมาดูดนมต่อจากปากของไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างลุงทอง
“เอ็งรอแม่เดี๋ยวนะลูก”
มาลีค่อยๆ วางร่างจ้ำม่ำของลูกชายลงในเปล รีบเดินเข้ามาในห้องน้ำ ใช้สบู่ลูบล้างเต้านมอวบคัดทั้งสองข้างจนสะอาดสะอ้าน ก่อนจะกลับออกมาป้อนนมลูกน้อยที่นอนลืมตาโพลงอยู่ในเปล
มาลีป้อนนมลูกทั้งที่ร้องไห้ ความสะทกสะท้อนใจบางอย่างทำให้หยาดน้ำตากลมเกลี้ยงกลิ้งลงอาบนวลแก้ม
“ไม่น่าเลย... ”
แม่ลูกอ่อนพึมพำเสียงแผ่วด้วยความเสียใจ ขณะปลดปล่อยความคิดฟุ้งซ่านจนควบคุมไม่ได้
มีบ้างที่มาลีนึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง หล่อนคิดว่าถ้าวันนี้ไอ้บุญล้อมผู้เป็นสามีอยู่ด้วย เรื่องราวเลวร้ายทั้งหลายก็คงไม่เกิด
ไอ้แดงกินนมจนหลับปุ๋ยคาอก มาลีวางลูกลงในเปลด้วยอาการทะนุถนอมแล้วรีบตรงเข้าห้องน้ำอีกครั้ง
หญิงสาวคว้าขันน้ำพลาสติกตักขึ้นมาราดล้างเนื้อตัว ขัดถูสบู่จนทั่วทุกหลืบรูในร่างกาย พยายามล้างคราบคาวความใคร่และราคีคาวที่ลุงทองฝากเอาไว้ทุกซอกทุกมุมของร่างกาย
“ฮื่อๆ... ”
มาลีร้องไห้ไปอาบน้ำไป หล่อนขัดถูสบู่จนเนื้อตัวเป็นรอยแดง ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันจะลบล้างรอยราคีคาวที่ลุงทองได้ฝากเอาไว้ในชีวิตของหล่อน
มาลีสาดน้ำใส่หว่างขาของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ควักล้วงสลับสาดน้ำล้างเหมือนคนเสียสติย้ำคิดย้ำทำ ทั้งที่รู้ดีว่าร่างกายนี้ยังเป็นของหล่อน ลุงทองไม่ได้อะไรติดมือกลับไป... เพราะสิ่งที่สูญเสียแท้จริงก็คือ ‘ความรู้สึก’ ต่างหาก ไม่ใช่รอยช้ำจ้ำแดงหรืออาการแสบโพรงสวาทที่ลุงทองทำเอาไว้
มาลีรู้ว่าความเจ็บแปลบแสบรูสามารถหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน แต่รอย ‘แผลในใจ’ ต่างหากที่จะติดตัวหล่อนไปจนวันตาย
หลังจากร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา มาลีกระโจมอกออกมาจากห้องน้ำ หล่อนสูดหายใจแรงแล้วปาดน้ำตาทิ้ง พยายามปลุกปลอบตัวเองว่าให้ลืมเรื่องร้ายๆ ในคืนนี้ เพื่อที่จะก้าวผ่านคืนนี้ไปให้ได้
ร่างอ่อนล้าของแม่ลูกอ่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนเล็กๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เพราะว่าเมื่อครู่ลุงทองจัดหนักจนหล่อนแทบลืมหายใจ
มาลีคว้าหมอนข้างมากอด พยายามข่มตาให้หลับ หล่อนภาวนาขอให้ตื่นขึ้นมาในตอนรุ่งเช้าแล้วพบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นความฝันทีเถอะ... สาธุ
“วันรุ่งขึ้น”
มาลีตื่นนอนแต่เช้าตรู่ ตอนนั้นดวงตะวันยังไม่ทันจะโผล่พ้นขอบฟ้าด้วยซ้ำ เสียงไก่ตัวผู้ยังขันคลอสลับกับเสียงร้องของนกกาเหว่าที่ดังแว่วมาจากบ้านกำนันที่อยู่ท้ายซอย
ขณะที่หล่อนกำลังก้มๆ เงยๆ ง่วนงุ่นอยู่กับการซักเสื้อผ้าของลูกชาย ค่อยๆ บิดผ้าแล้วพาดตากเอาไว้ที่ราวไม้ไผ่หลังบ้าน ตอนนั้นมาลีหารู้ไม่ว่ามีสายตากระหายสวาทของใครคนหนึ่งกำลังจับจ้องมองเรือนร่างเย้ายวนของหล่อนด้วยอารมณ์กระสัน
