บทที่ 4 บทที่ 3 ก้าวหนี่งก้าว ถอยหลังสองก้าว

บทที่ 3 ก้าวหนี่งก้าว ถอยหลังสองก้าว

“ที่นี่ที่ไหน” ซือเหยาถามออกไป อย่างน้อย ๆ หากนางรู้ว่าตนอยู่ห่างจากจวนของสามีไม่ไกลจะได้แอบเข้าไปกระโดดบ่อน้ำเสียอีกรอบ

“แคว้นหยาง เมืองชายแดนตะวันตก ที่นี่เป็นกระท่อมที่ข้าเปิ

ดเป็นโรงหมอ

หลินซือเหยาคิด

สามีเก่านางอยู่แคว้นฉู่

นี่คงเป็นอีกมิติหนึ่ง

สุดท้ายนางก็ยังไม่ได้กลับบ้าน

“เจ้าเป็นใครหรือ ชื่ออะไรมาจากที่ใด จะให้ข้าติดต่อคนที่บ้านให้หรือไม่” ชายหนุ่มถามยืดยาวแต่ซือเหยากลับตอบสั้น ๆ

“ข้าไม่รู้” เพราะไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ใด และชายตรงหน้าคือมิตรหรือศัตรู นางจึงแสร้งทำเป็นความจำเสื่อมเอาไว้ก่อน ความกังวลกัดกินหัวใจ หากเขารู้ว่านางมาจากอีกมิติ มีความรู้ความสามารถ บุรุษตรงหน้าอาจคิดหาประโยชน์จากนางอย่างที่หลี่อวิ้นรุ่ยทำกับนาง

ซือเหยาเลือกที่จะไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่ทำเป็นรู้ทุกสิ่ง สุดท้ายก็ได้กลายเป็นเพียงแค่คนประหลาด

“ข้าจำอะไรไม่ได้เลย”

ใบหน้าของไป๋อวิ๋นฉายแววประหลาดใจ บ่อน้ำที่นางตกลงไปมีความพิเศษ อีกทั้งชุดที่นางสวมใส่ตอนที่เขาพาร่างนางขึ้นมาก็แปลกตา และตัวเขาก็ไม่ใช่หมอธรรมดาแต่เป็นหมอเทวดาตามที่ชาวบ้านเรียก ไม่มีทางที่หญิงสาวตรงหน้าจะความจำเสื่อมได้ นอกเสียจาก...นางต้องการให้เป็นอย่างนั้น

“หัวของเจ้าคงได้รับการกระทบกระเทือน” ในเมื่อหญิงสาวต้องการหนีเขาก็จะช่วย นี่ก็ถือเป็นหน้าที่ของหมอเหมือนกัน “เช่นนั้นอยู่ที่นี่ให้ข้ารักษาจนกว่าจะหายดี” ไป๋อวิ๋นเดินไปเทยามาให้อีกฝ่ายก่อนจะยื่นให้

“ดื่มตอนร้อน ๆ รสชาติจะยังพอทนไหว”

ซือเหยายื่นมือออกไปรับ คราแรกที่ยาพวกนั้นโดนลิ้น ความขมแผ่ซ่านไปทั่ว แต่มันกลับค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

แม้จะยังไม่ไว้ใจคนตรงหน้า แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ดูบังคับขู่เข็ญนางก็จะแสร้งตามน้ำไปก่อน ขอเพียงแค่ร่างกายแข็งแรง จะลองหาวิธีกลับบ้านอีกครั้งก็คงไม่ยากนัก

เมื่อร่างกายของหญิงสาวเริ่มฟื้นตัว นางก็เริ่มสังเกตเห็นวิถีชีวิตของชายหนุ่มที่ได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ แม้ภายนอกเขาจะดูเหมือนหมอธรรมดา แต่ชาวบ้านที่แวะเวียนกันมา รวมถึงคนมีเงินที่ยอมมาสถานที่ที่ดูธรรมดาแห่งนี้กลับเรียกเขาว่าหมอเทวดา

ผู้คนต่างเคารพนับถือเขา ชายหนุ่มแม้จะไม่ได้รับเงินจากทุกคน แต่ก็ไม่เคยขาดอาหาร มีชาวบ้านนำของมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน มีคนคอยช่วยเหลือตลอด ส่วนเงินก็ได้จากเหล่าคหบดีหรือขุนนางที่มารักษา

แม้ไป๋อวิ๋นจะดูเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาหากไม่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้ดูเย็นชา แม้จะไม่แสดงออก แต่การกระทำของเขาไม่ต่างอะไรจากนักบุญโปรดสัตว์เลยแม้แต่น้อย

มิเพียงแค่เรื่องรักษาคน แต่หากมีเด็กน้อยถามถึงความรู้ทั่ว ๆ ไปชายหนุ่มก็พร้อมจะสอน

ซือเหยามองดูเขาจัดยา ตรวจชีพจร และจัดเตรียมสมุนไพร เขาวนเวียนทำเช่นนี้ตั้งแต่เช้ายันคำเพียงคนเดียว แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แรก ๆ นางก็ช่วยทำอาหารให้ แต่มันกลับแทบจะไม่ได้ถูกแตะต้องหากคนที่รักษาของวันนั้นไม่กลับไปจนหมด

เมื่อสังเกตอีกฝ่ายที่ยุ่งอยู่ทั้งวัน ต่างจากตนเองที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งจุดหมายจึงเอ่ยคำที่ทำให้ชีวิตของนางมีความหมายมากขึ้นออกไป

“ให้ข้าช่วยอะไรบ้างได้หรือไม่ ข้าอาจจะไม่รู้เรื่องสมุนไพร แต่ข้ารู้หนังสือ อย่างน้อย ๆ ก็จำอักษรได้ อ่านออกเขียนได้”

หลินซือเหยา ถามอีกฝ่ายขณะที่อีกฝ่ายกำลังจัดเตรียมสมุนไพร เอาไว้สำหรับวันพรุ่ง

ดวงตาคมหันมามอง ก่อนจะที่จะขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ข้าช่วยเตรียมอะไรง่าย ๆ ก็ได้ ตามคำสั่งของท่านหมอ ไม่ทำให้ท่านยุ่งยากหรอก”

ไป๋อวิ๋นพยักหน้า “เช่นนั้นก็หั่นสมุนไพรนี้เป็นแว่นตามนี้ ข้าจะทำตัวอย่างเอาไว้ เจ้าก็ทำตาม วันพรุ่งหากมีอะไรให้เจ้าช่วยเหลือข้าก็จะบอก”

“เจ้าค่ะ” หลินซือเหยาไม่ทันได้ฉุกใจคิดด้วยซ้ำว่าทำไมตอนนี้นางไม่ต้องกินยาแล้ว และทำไมเขาถึงไม่ถามถึงความทรงจำของนาง

นางมัวแต่คิดว่าได้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องรับรู้อะไรเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้กลับบ้านแต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร แล้วยังอาจจะได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย

ไป๋อวิ๋นมองหญิงสาวที่ตั้งใจทำงานที่เขามอบหมาย เขาแค่อยากรู้ว่าเพราะอะไรนางถึงได้ไม่อยากจำเรื่องเก่า ๆ เช่นนี้

ต่อให้นางบอกมาว่าจำได้เขาก็ไม่ได้คิดจะไล่นางออกไปทันทีหรอก แต่ยิ่งนางทำเช่นนี้ สุดท้ายแล้วนางอาจจะลืมเลือนตัวตนที่แท้จริงของตนไปเลยก็ได้

เรื่องภายก่อนทำให้เจ็บช้ำขนาดไหนกันจึงทำให้คนคนหนึ่งเลือกจะเป็นคนป่วยเช่นนี้

วันแล้ววันเล่า หลินซือเหยาเริ่มเคยชินกับชีวิตใหม่ เช้าตื่นขึ้นมาช่วยดูแลกระท่อมเล็ก ๆ จัดเตรียมสถานที่เอาไว้สำหรับคนไข้ พร้อมกับหุงหาอาหารจากข้าวของที่บรรดาคนที่เชื่อถือในตัวของไป๋อวิ๋นเอามาให้

ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก แต่แท้จริงแล้วเร็วมาก เพราะยามนี้นางมาอยู่ที่นี่หลายเดือนแล้ว

แม้จะไม่สามารถหวนคืนกลับไปยังยุคที่เกิดได้ แต่หญิงสาวก็เริ่มลืมความเจ็บปวด แม้จะไม่หมดสิ้น แต่ก็ทำให้บนใบหน้ามีรอยยิ้มได้บ้างแล้ว และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้ใจคนมองสั่นไหว

“ท่านหมอ ข้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋อวิ๋นพยักหน้า “วันนี้ช่วงบ่ายจะไปตลาดซื้อของนะ เจ้าก็บอกคนที่มาด้วย หากใครมาไกลก็ให้พวกเขาไปพักที่กระท่อมเนินเขา”

“เจ้าค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป