บทที่ 3 บทที่ 2 จุดจบเพื่อเริ่มต้น

เสี่ยวเย่วหยามาดูแลเสี่ยวจิ่วฮวาทุกวัน นางทำทุกอย่างด้วยความจริงใจและไม่มีการเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย เสี่ยวจิ่วฮวาที่ขยับตัวและพูดไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นความรู้สึกบางอย่างในใจก็ปรากฏชัดเจนขึ้นมา

มันคือความรู้สึกละอายใจ

เสี่ยวเย่วหยาป้อนโจ๊กให้เสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย

"น้องรอง เจ้ากินได้เยอะกว่าทุกวัน อีกไม่นานคงหายดีแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ข้าให้คนหายาดีๆ มาให้เจ้าแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะต้องหายแน่นอน ท่านแม่สอนข้าว่าให้มีเมตตากับพี่น้อง รักกันให้มากๆ ท่านแม่ดีกับข้ามาก การที่ข้าได้ดูแลเจ้าก็นับว่าเป็นการตอบแทนท่านแม่ เมื่อเช้าท่านแม่มาเยี่ยมข้าในวัง ท่านแม่รู้ว่าเจ้าป่วย ข้าเองไม่กล้าบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าให้ท่านแม่รู้ จึงบอกท่านเพียงว่าเจ้าล้มป่วยเพราะถูกไอเย็น ท่านแม่จึงสั่งให้คนนำยามาให้ อีกทั้งของที่เจ้าชอบกินด้วย ขอโทษนะ วันนั้นข้าไม่ได้บอกความจริงกับเจ้าเรื่องของฝ่าบาท เพราะเจ้าไล่ข้า ข้าจึงไม่ได้บอกเจ้า อีกทั้งหูตาในวังย่อมมีไม่น้อย หากข้าพูดมากไปอาจจะไม่ส่งผลดีต่อเราสองพี่น้อง หากข้าบอกเจ้าเร็วกว่านี้เจ้าก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้ น้องรอง ข้าขอโทษ เจ้าต้องรีบหายไวๆ นะ"

เสี่ยวจิ่วฮวาดวงตาแดงก่ำ หลังจากที่ถูกหามออกมาจากตำหนักมังกร นางกำนัลคงคิดว่านางคงไร้ทางรอดแน่แท้ จึงไม่สนใจนางไม่ทำดีกับนาง ปล่อยนางตามยถากรรม จะมีก็เพียงแต่เสี่ยวเย่วหยาที่มาดูแลนางทุกวัน

คนอื่นๆ ที่ทำดีกับนางก็เพียงแค่อำนาจที่นางมี แต่กับเสี่ยวเย่วหยาไม่ใช่ พี่สาวที่นางดุด่าทุบตีกลับดูแลนางเป็นอย่างดีในยามที่นางลำบาก

จนกระทั่งเสี่ยวจิ่วฮวาหายดีแล้ว นับแต่นั้นก็ไม่ได้หาเรื่องเสี่ยวเย่วหยาอีก ลำคอของนางเริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังพูดได้ไม่ชัดเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งเสี่ยวเย่วหยายังเล่าให้นางฟังว่า ตนเองเป็นลมไปเสียก่อนจึงถูกหามออกมา ฝ่าบาทไม่พอพระทัยจึงลดเบี้ยหวัดและลดตำแหน่งนางเป็นเพียงกุ้ยเหริน เสี่ยวจิ่วฮวากลับมีความคิดหนึ่งขึ้นมา

ช่างเป็นโชคดีของเจ้าแล้วเสี่ยวเย่วหยา มิเช่นนั้นเจ้าคงถูกหามเป็นศพออกมาจากตำหนักเป็นแน่!!

แม้จะไม่ได้พูดคุยสนทนากันดีเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ แต่ก็นับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากกว่าทุกๆ ครั้ง ระยะหลังมานี้ฮ่องเต้มักไม่เรียกพวกนางแล้ว ได้ยินว่าคัดเลือกสตรีใหม่เข้าวังมา ส่วนนางสนมคนเก่าเช่นพวกนางล้วนมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่ต้องคอยรับใช้ฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น

หนึ่งปีหลังจากนั้น ฮ่องเต้ทรงกวาดล้างพวกกบฏและขุนนางที่มีอำนาจมากเกินไปในราชสำนักรวมถึงตระกูลเสี่ยวของนางด้วย เสี่ยวไป่ฟงลอบส่งจดหมายให้คนของเขาที่แฝงตัวอยู่ในราชสำนักมามอบให้นางและเสี่ยวเย่วหยา บอกว่าคืนนี้จะพานางและพี่สาวหนีออกจากวังกลางดึก ตอนนี้วังหลวงระส่ำระสายแล้ว อีกไม่นานเชื้อพระวงศ์จะถูกสังหารจนหมดสิ้น และยังบอกอีกว่าฝ่าบาทคิดจะยึดตราพยัคฆ์ประจำตระกูลเสี่ยวหวังแย่งอำนาจทหารในมือของท่านพ่อ หากสิ้นท่านพ่อและพี่ชายไปเหล่าทหารตระกูลเสี่ยวย่อมต้องยอมรับฮ่องเต้เป็นนายคนใหม่อย่างไม่มีข้อแม้ แต่ท่านพ่อไม่ยอมจึงแอบเข้าร่วมกับจวิ้นอ๋องวางแผนจะลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันในคืนนี้

เหตุการณ์เร่งด่วนเกินไปจนเสี่ยวจิ่วฮวามึนงง เป็นเสี่ยวเย่วหยาที่มีสติรีบจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้อย่างระมัดระวังและเงียบเชียบ

กลางดึกคืนนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาและเสี่ยวเย่วหยาหนีออกจากวังได้ด้วยการช่วยเหลือของเสี่ยวไป่ฟง เมื่อหันกลับไปมองที่วังหลวงก็พบว่าตอนนี้ไฟไหม้แทบไม่เหลือ แคว้นผิงเป่ยแตกแล้ว

รถม้าเคลื่อนตัวไปกลางดึกท่ามกลางป่าเขาที่มืดทึบสองข้างทาง ก่อนจะหยุดลงที่ชายป่า เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาและเสี่ยวเย่วหยาลงมาจากรถก็พบกับเสี่ยวฮูหยินมารดาของตน เสี่ยวฮูหยินที่เห็นบุตรสาวทั้งสองปลอดภัยก็โผเข้ามากอดด้วยความดีใจ ก่อนจะร้องไห้ออกมา

เสี่ยวจิ่วฮวาไม่เอ่ยสิ่งใด คล้ายว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนางจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม

"ท่านแม่รีบหนีก่อนเถิด คนของท่านอ๋องส่งจดหมายมาแจ้งว่าฝ่าบาททรงหลบหนีจากการลอบสังหารได้ และอาจจะหลบหนีมาทางเดียวกับพวกเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นย่อมไม่ปลอดภัยแน่ เราต้องไปที่ค่ายทหารของจวิ้นอ๋องโดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย!!"

เสี่ยวไป่ฟงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน ท่านอ๋องส่งจดหมายลับมาแจ้งว่าให้พวกเขาจงรีบไปรวมตัวที่นอกเมืองหลวงทันทีเพื่อความปลอดภัย แล้วท่านอ๋องจะรีบเสด็จตามมาพร้อมกับท่านพ่อ

แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้หนีไป ก็มีธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาแทงที่ไหล่ซ้ายของเสี่ยวไป่ฟง เสี่ยวจิ่วฮวาตกใจลนลานหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นฮ่องเต้นั่นเอง

"พวกเจ้าจะหนีไปที่ใด ส่งตราพยัคฆ์คุมกองกำลังทหารมาให้ข้า!!!"

เสี่ยวฮูหยินจับมือบุตรสาวทั้งสองเอาไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองฮ่องเต้อย่างเกลียดชัง เสี่ยวไป่ฟงไม่ยอมแพ้แม้จะเจ็บไม่น้อยก็ยังสู้ไม่ถอย จนเขาเริ่มต้านไม่ไหว จึงหันมาเอ่ยกับแม่และน้องสาว

"รีบหนีเร็วเข้า ไป!!!"

เสี่ยวฮูหยินพาบุตรสาววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต บ่าวไพร่ที่ติดตามมาถูกสังหารจนตายหมดแล้ว สามคนแม่ลูกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตโซซัดโซเซหนีเข้าไปหลบซ่อนในป่า

"อาจิ่ว!!!"

เสี่ยวจิ่วฮวาเดิมทีร่างกายก็ยังไม่สู้ดีเท่าใดนัก นางจึงล้มลงไปกับพื้น เสี่ยวฮูหยินรีบเข้ามาประคองบุตรสาวของตนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย

"อาจิ่ว เจ้าอดทนอีกหน่อย แม่จะพาเจ้าหนีไปเอง"

เสี่ยวฮูหยินนำกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่น้ำป้อนให้นางดื่มอย่างห่วงใย ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยน สามแม่ลูกหลบซ่อนที่หลังต้นไม้ใหญ่ เสี่ยวเย่วหยาหันมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเอ่ย

"ท่านแม่ นี่มันเรื่องใดกันเจ้าคะ"

เสี่ยวฮูหยินกอดเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย

"ฝ่าบาททรงเป็นบ้าไปแล้ว เขาสั่งฆ่าขุนนางทุกคนเพราะกลัวว่าจะถูกแย่งอำนาจ หวังแย่งชิงตราพยัคฆ์และกำลังทหารของเรา เมื่อรู้ว่าตระกูลเสี่ยวไม่ยอมสวามิภักดิ์ ซ้ำยังพาพวกเจ้าหนีรอดออกมาได้ เขาก็บ้าคลั่งสั่งฆ่าคนไปทั่ว ราษฎรล้มตายไปไม่น้อย อีกทั้งเพื่อต้องการยึดกำลังทหารที่ตระกูลเราฝึกฝนมาอย่างดี ถึงกับใส่ร้ายว่าตระกูลเสี่ยวเข้าร่วมกับกบฏ บิดาเจ้าจึงตัดสินใจสนับสนุนจวิ้นอ๋อง เปิดประตูเมืองหลวงให้จวิ้นอ๋องเข้ามาสังหารฝ่าบาท ช่างน่าเจ็บใจนัก ที่พวกเราปกป้องบ้านเมืองแทบตาย แต่กลับไม่มีค่าในสายตาคนอย่างเขาเลย!!"

เสี่ยวจิ่วฮวาไอออกมาอย่างรุนแรง นางเหนื่อยเหลือเกิน เสี่ยวฮูหยินที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเอ่ยกับบุตรสาวทันที

"แม่จะประคองเจ้าเอง แม่จะไม่ทิ้งเจ้า อาจิ่ว แม่ขอโทษ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม่จะชดเชยให้เจ้าทุกอย่าง แม่จะไม่ด่าทอต่อว่าเจ้าให้เจ็บช้ำใจเลย เรื่องนี้โทษเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องโทษนังอนุสารเลวผู้นั้นที่ทำให้เจ้านิสัยเช่นนี้"

เสี่ยวจิ่วฮวาดวงตาแดงก่ำ ความหวาดกลัวสุดขีดทำให้ลำคอของนางตีบตัน รู้สึกเจ็บในลำคอจนพูดไม่ออก นางทำท่าจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก เสี่ยวฮูหยินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันไปเอ่ยถามเสี่ยวเย่วหยา

"อาจิ่ว เหตุใดเจ้าไม่พูดเล่า!! เย่วหยา เหตุใดน้องสาวเจ้าจึงเป็นเช่นนี้"

เสี่ยวเย่วหยาปล่อยโฮออกมาก่อนจะเล่าความจริงทั้งหมดให้มารดาได้ฟัง เสี่ยวฮูหยินที่ได้ยินอย่างนั้นก็โกรธแค้นฮ่องเต้มากขึ้นไปอีก

"ท่านแม่ ฮึก ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ข้าควรจะปกป้องอาจิ่วให้ดี"

"เอาเถิด นี่เป็นเรื่องที่เกินกำลังของเจ้า เราต้องรีบหนีไปก่อน เร็วเข้า แม่จะพาพวกเจ้าหนีเอง"

เสี่ยวเย่วหยาพยักหน้า เสี่ยวฮูหยินเองก็ประคองเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว้ ท่ามกลางความมืดที่เงียบสงัด ทำให้ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าชัดมากขึ้นทุกที จนกระทั่งประชิดตัวสามแม่ลูก

"ส่งตราพยัคฆ์มา!!! ข้ารู้ว่าอยู่ที่พวกเจ้า สามีและบุตรชายเจ้าซ่อนมันเอาไว้ที่เจ้าใช่หรือไม่เสี่ยวฮูหยิน"

เสี่ยวเย่วหยาหันไปมอง ก่อนจะต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าในมือฮ่องเต้คือศีรษะของพี่ชายนางที่ดวงตาเบิกโพลง เสี่ยวฮูหยินกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเสียใจ ฮ่องเต้โยนศีรษะของเสี่ยวไป่ฟงมาตรงหน้าพวกนาง ก่อนจะง้างคันธนูเล็งมาทางพวกนางอย่างโหดเหี้ยม เสี่ยวเย่วหยาที่เห็นเช่นนั้นรีบเอาตัวเองบังเสี่ยวฮูหยินและเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว้ทันที

"เย่วหยา!!!"

ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าพุ่งเข้าใส่ร่างของเสี่ยวเย่วหยาจนร่างกายนางโชกไปด้วยโลหิต เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะใช้แรงที่เหลือพยายามตะโกนออกมา

"พี่หญิง!!!"

เสี่ยวเย่วหยากระอักโลหิตออกมา ก่อนจะจับมือของเสี่ยวฮูหยินและเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว้

"หนีไป!! ไป!!!"

นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักเสี่ยวฮูหยินและเสี่ยวจิ่วฮวาให้หนีไป ก่อนจะล้มลงขาดใจตายตรงนั้น เสี่ยวจิ่วฮวาร้องไห้โฮออกมา  ภาพวันเก่าๆ ที่เสี่ยวเย่วหยาดูแลนางปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

เสี่ยวฮูหยินร้องไห้ออกมาพลางก่นด่าฮ่องเต้อย่างเกลียดชัง

"ตราพยัคฆ์ของตระกูลเสี่ยวพวกข้ามอบให้ท่านอ๋องไปแล้ว คนชั่วเช่นพระองค์ไม่สมควรได้ครอบครองมันหรอก"

"นังสารเลว!!!"

"ท่านแม่!!!"

"อาจิ่ว!! หนีไป!!!"

"ไม่!!! ท่านต้องไปกับข้า ท่านห้ามทิ้งข้านะท่านแม่ ฮือ!!!"

"ไปเถอะ!! แม่ขอโทษ แม่ไม่ดีเอง จนตายแม่ก็ปกป้องเจ้าไม่ได้เลย แม่ผิดไปแล้วอาจิ่ว ฮือ แม่ผิดไปแล้ว!!!"

"ไม่!!! เป็นข้าที่ผิดเอง!!! ข้าผิดเอง หากไม่มีข้าสักคน พวกท่านก็คงหนีไปได้แล้ว ฮือ ข้ามันตัวอัปมงคล ท่านแม่ ข้ามันดื้อรั้น ไม่เคยเชื่อฟังท่านเลยสักครั้ง ข้ามันคนไม่ดี!!!"

เสี่ยวฮูหยินกระอักโลหิตออกมา นางถูกลูกธนูหลายดอกแทงเข้าที่แผ่นหลัง หญิงวัยกลางคนยื่นมือที่โชกเลือดจับไปที่ใบหน้าของบุตรสาวอย่างรักใคร่ ก่อนจะเอ่ย

"อาจิ่ว เจ้าฟังแม่นะ เจ้าคือบุตรสาวของแม่ เจ้าคือคนที่พวกเรารัก แม่ไม่เคยโทษเจ้าเลย เด็กดี แม่ไม่เคยถือสาเจ้าเลย"

"ฮือ ท่านแม่ เป็นข้าที่ทำลายอนาคตพี่หญิง เป็นข้าที่ดึงนางมาตายด้วย เป็นข้าที่ทำลายงานแต่งนาง เป็นข้าเอง ฮือ!!!"

"อาจิ่ว ฟังแม่!! หนีไป!!!"

"ท่านแม่!!!"

ฟิ้ว ฉึก!!!

เสี่ยวฮูหยินผลักเสี่ยวจิ่วฮวาออกจากตน ก่อนที่ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าจะพุ่งเข้ามาที่แผ่นหลังของนางอีกครั้ง เสี่ยวจิ่วฮวาราวกับคนเสียสติ นางก้าวขาไม่ออก ลนลานทำสิ่งใดไม่ถูก ดวงตาคู่งามมองดูฮ่องเต้ที่ได้ชื่อว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นสามีของนางด้วยสายตาที่หวาดกลัว

สามีจิตใจอำมหิตของนาง!!!

ฮ่องเต้เติ้งเจี๋ยจ้องมองเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย

“เจ้าเป็นสนมของข้านี่นา ข้าจำเจ้าได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้ากลับไม่ภักดีต่อข้า จะว่าไปเจ้าก็งดงามถูกใจข้าอยู่เหมือนกันนะนี่ กลับวังไปกับข้าดีหรือไม่ ให้ข้าใช้แส้ฟาดเจ้าสักสิบครั้งเป็นการลดโทษ แล้วข้าจะเลื่อนตำแหน่งเจ้าเป็นกุ้ยเฟยดีหรือไม่?”

เสี่ยวจิ่วฮวาส่ายหน้าด้วยความลนลาน เติ้งเจี๋ยที่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ย

“ข้าเกลียดยิ่งนักนังสนมดื้อด้านเช่นนี้ ในเมื่อมอบสุราดีให้เจ้าไม่ยอมรับ เช่นนั้นก็รอรับสุราลงทัณฑ์เสียเถิด ข้าจะให้เจ้าไปรอปรนนิบัติข้าในปรโลกก็แล้วกัน!!!”

เติ้งเจี๋ยง้างคันธนูขึ้น ตอนนี้เขาเหมือนคนบ้าที่ไล่ฆ่าคนเพื่อความสนุก เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลงรอรับความตาย แต่ทว่ากลับได้ยินเสียงฆ่าฟันกันเกิดขึ้น เมื่อนางลืมตาขึ้นก็พบว่าเบื้องหน้ายามนี้นองไปด้วยเลือด เติ้งเจี๋ยถูกสังหารแล้ว

“ท่านอ๋อง!! สังหารฮ่องเต้ทรราชสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวจิ่วฮวาทำสิ่งใดไม่ถูกเหมือนคนเสียสติไปแล้ว นางเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าผาเสียแล้ว

"แม่นาง อย่าขยับ ด้านหลังเป็นหน้าผา เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าคือจวิ้นอ๋อง ข้ามาช่วยพวกเจ้าช้าไป ขออภัยด้วย!!!"

แต่ทว่ากลับช้าไปเสียแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาพลัดตกลงไปที่หน้าผา บุรุษผู้นั้นยื่นมือไปหมายจะจับนางเอาไว้ แต่กลับไม่อาจคว้าจับนางได้แม้แต่ปลายอาภรณ์ ร่างของนางลอยละลิ่วลงไปเบื้องล่าง ภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นคือใบหน้างดงามหวานล้ำที่อาบย้อมไปด้วยหยดน้ำตาและแววตาที่ว่างเปล่าน่าสงสารคู่นั้น

ร่างของเสี่ยวจิ่วฮวาตกลงกระแทกกับพื้น นางรู้สึกเหมือนว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกละเอียดออกเป็นเสี่ยงๆ เสี่ยวจิ่วฮวากระอักโลหิตออกมา ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนจนมองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น

นางหลับตาลง ภาพเก่าๆ วนย้อนกลับมาอีกครั้ง ภาพที่นางทำร้ายเสี่ยวเย่วหยา ภาพที่นางทะเลาะกับท่านแม่และดื้อรั้นเอาแต่ใจ ภาพที่นางทุบตีบ่าวไพร่ ภาพที่พี่ชายและท่านพ่อดีต่อนาง ภาพที่นางกลั่นแกล้งทุกคนเหยียบหัวคนที่ต่ำกว่า ทำลายชีวิตที่ดีของพี่สาวตนเอง

เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลงก่อนจะสะอื้นไห้ออกมา ยามนี้บาปกรรมส่งผลกับนางแล้ว นางต้องตายอย่างโดดเดี่ยว สูญเสียทุกสิ่งเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงของนางเอง คิดว่าหนทางตรงหน้าคือทางสู่แดนสวรรค์สู่อำนาจที่นางถวิลหา เหอะ อำนาจอย่างนั้นหรือ มันคือหนทางเดินสู่ขุมนรกต่างหาก

ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย พี่หญิง!!! ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้ารู้สำนึกแล้ว!!

จวบจนฟ้าใกล้สาง เสี่ยวจิ่วฮวาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว ดวงตาของนางเลือนราง มองเห็นภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน นางรู้สึกหายใจติดขัด เหมือนคนกำลังใกล้ตาย

เสี่ยวจิ่วฮวาปวดร้าวไปทั้งตัว นางกระอักโลหิตออกมาอีกครา ก่อนจะสิ้นใจตายอย่างโดดเดี่ยว หิมะค่อยๆ ตกลงมาปกคลุมร่างบอบบาง คล้ายกับต้องการไว้อาลัยให้แก่ชีวิตที่แสนโง่เขลาของนาง

ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย พี่หญิง ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษ หากสามารถย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตได้อีกครั้ง ข้าจะไม่ดื้อรั้นกับพวกท่านอีก

สายลมพัดผ่านมาช้าๆ บนพื้นหญ้าร่างของสตรีน้อยผู้โชคร้ายนอนตายอย่างไร้ญาติมิตรและคนดูใจ เรื่องราวของนางค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลาและถูกลืมเลือนไปชั่วนิรันดร์

บทก่อนหน้า
บทถัดไป