บทที่ 5 จิวอัน

"ทำไมข้าเห็นว่านางงดงามดังเทพีสวรรค์"

ชิงกวานขมวดคิ้ว

"นั่นอาจเป็นเพราะท่านอ๋องกับนางมีวาสนาต่อกัน แต่ก็อีกนั่นแหละนางเป็นชายาเฉิงอู๋อ๋อง"

"แย่งชิง…."

ชิงกวานเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจแย่งชิงหญิงอัปลักษณ์ทั้งๆ ที่มีหญิงงามมากมายพร้อมจะทอดกายปาหยางอ๋องคิดอะไรอยู่

"ท่านอ๋อง ทำไมถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้"

"ข้าพบหน้านาง แต่นางหาได้อัปลักษณ์ไม่"

พูดความจริงที่พบเห็นมา

"เป็นไปได้อย่างไร นางอัปลักษณ์เพียงนั้นจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร"

ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในเมื่อที่เขาเห็นอ้ายฉิงอัปลักษณ์จนแทบจะอยากจะมองใบหน้านั้นของนาง

"ข้าเองก็สงสัยไม่น้อย หากดื่มสุราคงคิดว่าด้วยฤทธิ์สุราเป็นแน่"

ปาหวางอ๋องยิ้มบางๆ

"ท่านอ๋องอาจด้วยเวทมนตร์ ผู้คนต่างเล่าขานว่านางล้วนมีมนตร์ดำ"

พูดถึงเรื่องเล่าลือที่เคยได้ยินมา

"เช่นนั้นข้าควรจะพบนางดูสักครั้งจะดีไหม"

"ท่านอ๋องจะเข้าไปในจวน เฉิงอู๋อ๋องอีกหรือไร"

"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น"

หวงเฉิงอู๋แช่น้ำอุ่นสบายอารมณ์ปิดเปลือกตา เหมือนกำลังหลับ

ความคิดวิ่งวนในหัวนางอัปลักษณ์แต่ฮ่องเต้กับแต่งนางให้เขา บิดานางแม้จะไร้ปากเสียงแต่ใครบ้างไม่รู้ว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญเพียงใดในเมื่อบิดานางเป็นทั้งคู่เขยเกี่ยวดองเป็นญาติแลัวยังเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันมาก่อน ความสนิทชิดเชื้อไม่ต้องเอ่ยถึง

ใบหน้าซีกขวาของนาง ทำเอาเขาไม่อาจละสายตา ดวงตาเศร้าสร้อยหวานฉ่ำแต่ติดที่ใบหน้าซีกซ้ายที่เผลอมองครั้งใดจึงต้องเบือนหน้าหนีเสีย ด้วยใบหน้าที่มีแผลเป็นปูดโปนจนน่ากล้วแม้แต่รอบดวงตายังไม่เว้นต้องเรียกว่าน่าสยดสยอง

"ท่านพี่ข้าถูตัวให้"

ฟางหลินเข้ามาในห้องแช่น้ำอุ่นด้วยอาภรณ์น้อยชิ้นนางคงให้สององค์หญิงกลับไปเสียแล้วจึงเข้ามาที่นี่ได้

ลุกพลวดขึ้นจากน้ำ

"ข้ากำลังจะขึ้นจากน้ำพอดี เจ้ามาช่วยข้าสวมอาภรณ์ดีกว่าข้าจะกลับเข้าไปที่วังหลวง"

"ท่านพี่ ทำไมต้องไปตอนนี้ด้วยย่ำค่ำแล้ว"

ซบหน้าลงบนอกแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามเปลือยเปล่าหยดน้ำเกาะพร่างพราว

"ข้าตั้งใจ เข้าเฝ้าฝ่าบาท มีเรื่องคาใจอยากจะถามให้รู้เรื่องกันไป"ดึงเสื้อคลุมมาคลุมตัวมิดชิด

"ข้าเร่งไปถึงวังหลวงก่อนมืด"

"ท่านพี่ รีบไปรีบมา"

รู้สึกผิดหวังยิ่งแต่ไม่อาจทัดทาน

"ไม่ต้องรอเสวย ข้าอาจเสวยพร้อมฝ่าบาทที่นั่น"

ฟางหลินทำหน้าละห้อยเฉิงอู๋ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก

สวมเสื้อคลุม ก้าวเดินออกจากห้องไป

วังหลวง

“อืมลมอะไรหอบมาถึงนี่”

“หวงเฉิงอู๋ถวายพระพรฝ่าบาท”

“กำลังคิดว่าเฉิงอู๋เพิ่งจะแต่งงาน คงไม่มีเวลามาร่วมเสวยกับข้า”

“ฝ่าบาทเฉิงอู๋เองมีเรื่องอยากถามไถ่ อย่างที่บุรุษควรกระทำเช่นกัน”

พูดด้วยน้ำเสียงห้าวหาญจน หวงฉีจิ้งอดที่จะสงสัยท่าทีนั้นไม่ได้

“ว่ามา”

“เฉิงอู๋ ไม่เข้าใจในพระประสงค์ของฝ่าบาทที่แต่งชายารองในครั้งนี้ นางเองหาได้สะสวยอย่างที่ควรจะเป็น และอีกอย่างหากจะแต่งชายาให้กับเฉิงอู๋ด้วยความหวังดีเหตุใด...จึงต้องแต่งหญิง...อัปลักษณ์”

ถามตรงจุด

“ข้าคิดว่าข้าพูดกับเจ้าเข้าใจเสียแล้วไม่ต้องพูดกันซ้ำอีก เจิ้งอ้ายฉิงเป็นหลานของฮองเฮาอีกทั้งใช้ชีวิตลำบากที่ตระกูลเหว่ย บิดาแม้จะเอ็นดูนางแต่นางก็ไร้มารดาคอยปกป้อง เหว่ยจื่อหยวนกับข้าก็สนิทสนมกันยิ่งเรื่องนี้ข้าจึงคิดว่าเหมาะสมยิ่งแล้ว”

“ฝ่าบาทเฉิงอู๋ไม่อาจฝืนใจหากว่าข้าจะไม่ร่วมแท่นนอนกับนางด้วยใบหน้าที่อัปลักษณ์ของนาง เกรงว่ายิ่งจะทำให้นางพบกับความอัปยศมิสู้ฝ่าบาท ให้ข้าหย่ากับนางเสียนางจึงจะได้ไม่ต้องแบกรับความขมขื่น”

“อย่างไรเสียนางก็แต่งเข้าไปในจวนอ๋องของเจ้าแล้ว เฉิงอู๋สามีภรรยาถูกใจหรือไม่ก็แค่ทำหน้าที่กันไป ชายาเอกของเจ้าแต่งมาร่วมปียังไร้ทายาทสืบสกุล บางทีมีชายารองอีกคนอาจมีลูกสมใจ”

พูดยิ้มๆ ไม่ได้มองว่าหวงเฉิงอู๋ มีสีหน้าเช่นไร

“ข้าไม่กดดัน แต่ด้วยกิริยาของอ้ายฉิงแม้ใบหน้านางจะไม่เป็นที่ต้องตา แต่ทว่าท่าทีชดช้อยนั้นบางทีเจ้าลองมองนางเสียใหม่อาจ เปลี่ยนความคิดของเจ้าได้”

หวงเฉิงอู๋ยังจำ น้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งป่าของอ้ายฉิงได้ดีหรือว่าสวรรค์เมตตาชดเชยให้นางกันแน่

“ไม่รักนางข้าไม่ว่า แต่สามีภรรยาอย่างไรสักวันก็ต้องร่วมเตียง ฮองเฮาเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่ง เฉิงอู๋เจ้านับถือฮองเฮาดุจมารดาหากเรื่องนี้นางได้ยินเข้าก็คงไม่สบายใจเพราะนางยังคิดว่าเจ้ามิใช่คนที่มองใครแค่เพียงภายนอกเท่านั้น อีกอย่างฮองเฮาเอ็นดูหลานคนนี้ยิ่งด้วยขาดแม่และยังมีใบหน้าอัปลักษณ์ไร้คนคบหา พากันตัดสินนางแค่เพียงภายนอก ฮองเฮามักจะพูดเรื่องนี้กับข้าบ่อยๆ นางหวังว่าเจ้าจะแตกต่างจากคนอื่น”.

ร่ายมาเสียยาว หวงเฉิงอู๋ถอนหายใจ

“หากข้า ไม่ยอมร่วมแท่นนอนกับนางก็เท่ากับข้าผิดกับฮองเฮาใช่หรือไม่”

น้ำเสียงยโสอย่างที่เคยทำ

“เรื่องนี้ยากจะแยกแยะผิดถูกแต่ หวงเฉิงอู๋ข้าอยากให้เจ้าลองมองนางเสียใหม่”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป