บทที่ 2 การต่อรอง
วันนี้เป็นวันครบกำหนดเวลาการใช้หนี้ห้าแสนแล้ว และตอนนี้ผมกับพี่ไอก็กำลังถูกล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์สามคน โดยที่มีอีกหนึ่งคนนั่งอยู่บนโซฟาทั้งที่เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ส่วนเจ้าบ้านอย่างพวกผมสองคนกลับต้องมานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขาแทน
“ยังไงวะไอ้ไอ วันนี้มึงถึงกับให้น้องสาวมึงอยู่ด้วยเลยเหรอ?” คนที่นั่งอยู่บนโซฟาพูดขึ้น ถึงแม้หน้าตาของเขาจะดูดีจนน่าหลงใหลแค่ไหน แต่นิสัยกับการกระทำของเขามันช่างแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด มันเลยทำให้เขาเป็นได้แค่คนที่น่าขยะแขยงคนนึงสำหรับผมเท่านั้น
“ผมขอผลัดไปอีกซักอาทิตย์ได้ไหมครับ เงินตั้งห้าแสนกับเวลาแค่ห้าวันผมหาให้ไม่ทันจริงๆ นะครับพี่มาร์ค” พี่ไอพยายามที่ยกมือข้างที่เจ็บเพื่อไหว้คนตรงหน้าแต่ก็ทำได้แค่ประสานมืออย่างแกนอยู่ตรงช่วงเอวเท่านั้น ซึ่งคนๆ นั้นก็ไม่ได้สนใจจะมองพี่ชายผมเลยด้วยซ้ำ
“มึงยังกล้าต่อรองอีกเหรอวะ? ทั้งที่มึงก็รู้กฎดีอยู่แล้ว มึงลองคิดดูนะถ้าหากวันนั้นคนที่แพ้คือไอ้คริส มันก็ต้องเอาเงินมาให้มึงตั้งแต่หลังแข่งจบแล้ว นี่กูยังเห็นว่าเป็นมึงกูถึงยอมยืดเวลาให้ตั้งห้าวัน” คนชื่อมาร์ค หยิบมีดพับออกควงเล่นอย่างน่าหวาดเสียว พร้อมๆ กับที่ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนก็เข้ามารุมจับตัวพี่ไอไว้ ก่อนจะดึงเอามือของพี่ไอไปวางบนโต๊ะหน้าโซฟา
“โอ๊ย!! เจ็บ โอ๊ย!! อุ่น ช่วยพี่ด้วยซิ พี่ไม่อยากถูกตัดนิ้วนะอุ่น" พี่ไอหันมามองผมด้วยน้ำตาที่นองหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองอีกคนที่นั่งบนโซฟา
“ไอ้ไอกฎเค้ามีไว้ให้รักษาและกูไม่ชอบแหกกฎ ถ้าวันนี้มึงไม่มีเงินมาให้ กูก็คงจำเป็นต้องเอาอย่างใดอย่างหนึ่งในตัวมึงมาแทน” ไอ้คนใจร้ายนั่นจิ้มปลายมีด พับไว้ใกล้ๆ กับนิ้วก้อยของพี่ไอ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ขู่และเขาคงจะตัดนิ้วพี่ไอแน่ๆ
"เดี๋ยวก่อนครับ!” ผมรีบร้องห้าม เพราะคงทนดูพี่ไอเจ็บไม่ได้ เมื่อมาถึงขั้นนี้ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องช่วยพี่ไอจนถึงที่สุด
‘ขอโทษนะครับพ่อ’
“หือ”ปลายตาคมของเขาตวัดกลับมามองที่หน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก
“ผมขอเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ เดี๋ยวผมจะขายบ้านมาใช้หนี้ให้นะครับ” ผมพยายามเก็บความกลัวเอาไว้ ยิ่งถูกเขาจ้องมองแบบนี้ทำให้ผมรับรู้ถึงความน่ากลัวของผู้ชายตรงหน้า
“ทีแรกเห็นหน้าหวานๆ ก็นึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก แต่ดูเหมือนมึงจะมีความกล้ามากกว่าพี่ชายมึงนะ” เขาพูดพร้อมลุกขึ้นมาใกล้ผม ก่อนจะโน้มตัวลงมาใช้ปลายแหลมของมีดพับที่เคยขู่พี่ไอมาลากเกลี่ยไปบนแก้มของผม
“วันนี้ผมขอจ่ายก่อนสองแสนสามได้ไหมครับ และอีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะหาส่วนที่เหลือมาคืนให้”
เขาดึงตัวกลับไปยืนทำท่าคิดในขณะที่อีกมือก็ควงมีดพับเล่มนั้นเล่นไปด้วย
“ถ้ากูบอกว่าไม่ได้ละ มึงจะว่าไง?” เขาหยุดคงมีดพับหลังจากที่มันถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าน้ำเสียงยังคงความดุและคุกคามได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
"งั้นก็คงต้องปล่อยให้พี่ไอถูกตัดนิ้ว หรือถูกฆ่าตายแต่พวกคุณก็จะไม่ได้อะไรเหมือนกัน" ผมพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนจะตอบเขาไปทั้งที่รู้สึกถึงปากที่สั่นระริกด้วยหลายอารมณ์ที่ผสมกันอยู่ในหัวทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งกลัว ทั้งกังวล แต่ถึงยังไงผมก็ต้องกดมันเอาไว้
"อุ่น! ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ นี่พี่เป็นพี่ของอุ่นนะ อุ่นต้องช่วยพี่ซิ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องนะอุ่น ฮือๆๆ" พี่ไอเริ่มร้องไห้โวยวายและเขย่าตัวผม หลังจากที่เห็นท่าทางแบบนี้ของผม ส่วนผมเองเลือกที่จะไม่มองหน้าพี่ไอแต่ยังคงจ้องหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ ผมรู้ว่ามันเสี่ยงแต่อย่างน้อยมันก็เป็นทางรอดเดียวที่พอจะทำได้ในตอนนี้
กล้าๆ ไว้นะอุ่น!
"ที่มึงพูดมาก็จริงนะกูเห็นด้วย อีกอย่างคนอย่างไอ้ไอค่าตัวมันไม่น่าจะถึงสามหมื่นด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันตายไปตอนนี้กูก็ไม่ได้เงินห้าแสนคือ ถือว่าข้อเสนอมึงใช้ได้" ผมกำมือแน่นจนหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะกลัวคำตอบที่แตกต่างจากนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพี่รับข้อเสนอของผมใช่ไหม?”
“ใช่! ก็รับข้อเสนอของมึง แต่ว่าถึงยังไงมันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอยู่ดี"
“หมายความว่ายังไง?”
“ใจเย็น กูรับปากว่าจะยังไม่ทำอะไรพี่ชายมึงในวันนี้ แต่เรื่องเวลาหาเงินกูแค่ต้องการหลักประกัน เพื่อให้มั่นใจว่ากูจะได้เงินคืนจริงๆ”
“แล้วผมจะต้องทำยังไงพี่ถึงจะยอมให้เวลาผมหาเงิน” ต่อกรกับคนธรรมดาสำหรับผมมันก็ยากแล้ว แต่นี่ผมกำลังต่อกรกับมาเฟียที่มีทั้งความโหดร้ายและเล่ห์เหลี่ยมรอบตัวแบบเขา บางทีผลเสียมันอาจจะมากกว่าที่ผมประเมินไว้ก็ได้
คนชื่อมาร์คเดินอ้อมมาทางข้างหลังของผม ก่อนที่จะมองผมด้วยสายตาแปลกๆ นิ้วชี้ของมันแตะถูกเอาไปแตะที่ริมฝีปากเหมือนกับว่ากำลังสำรวจหาอะไรในตัวผมอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ได้! กูจะยอมยืดเวลาให้พวกมึงหาเงินส่วนที่เหลือตามที่ขอ แต่มึงต้องเข้าใจไว้ก่อนนะว่าโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ” แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือหนานั้นแตะลงมาที่บ่าพร้อมกับขยำอย่างแรงจนผมต้องร้องออกมา
“โอ๊ย!!” ทั้งที่พยายามกลั้นไว้แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังเผลอหลุดร้องออกไป
“หึๆ ถ้าอย่างงั้นระหว่างที่มึงสองคนหาเงินที่เหลือมาให้กู มึงต้องมาเป็นเด็กของกู เพื่อเป็นตัวประกัน”
“ไม่!/ได้!” ทั้งผมกับพี่ไอต่างก็พูดออกมาพร้อมกัน หากแต่เป็นคนละความหมายกัน สำหรับผมคำตอบคือไม่เพราะผมเป็นคนไม่ใช่สิ่งของที่ใช้ขัดดอก แต่สำหรับสิ่งที่พี่ไอพูดไปนั้น ‘อุ่นเป็นน้องพี่นะ’
“งั้นก็แล้วแต่มึงละกัน กูถือว่ากูให้โอกาสพวกมึงมามากแล้ว ทั้งที่ไม่เคยให้โอกาสแบบนี้กับใคร ถ้ามึงไม่ตกลงงั้นก็เลือกเอาเองแล้วกันนะว่าจะจ่ายเงินทั้งหมดตอนนี้หรือจะให้กูเอาชีวิตพี่มึงไปแทน!” ไอ้มาร์คมันพูดจบก็หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องของมันมาจับหัวของพี่ไอกดลงไปแนบบนโต๊ะ ก่อนที่มันจะแบมือออกแล้วลูกน้องของมันก็เก็บมีดพับเล่มนั้นกลับไป แล้วเปลี่ยนเป็นปืนสั้นสีดำมาแทน
ไอ้มาร์คมันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อรอฟังคำตอบ พร้อมกับปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่ตรงตำแหน่งขมับของพี่ไอ
ความกดดันที่เหมือนกับโลกทั้งใบหล่นมาทับอยู่บนตัวผมจนกระดูกมันแทบจะแตกสลาย ยิ่งเวลาที่สายตาคมๆ นั้นจ้องมองทำเอาผมนี้แทบละลายไปด้วยความกลัว
“คิดเร็วหน่อย กูไม่มีเวลามารอคำตอบของมึงทั้งวัน”
“.....” ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี
“อุ่น ตกลงเถอะนะ พี่กลัว พี่ยังไม่อยากตายนะอุ่น ฮือๆ อุ่น” พี่ไอยังพยายามใช้มือข้างที่พอขยับได้แม้จะเจ็บอยู่เอื้อมมาหาผมทั้งที่หัวขยับไม่ได้จนผมรู้สึกสงสาร
“ผมตกลง ตอนนี้คุณปล่อยพี่ไอได้แล้ว” ผมพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนจะพูดมันไปแบบนั้น ช่างเถอะทางไหนที่ช่วยพี่ไอได้ผมก็ต้องทำใช่ไหม?
ผมหลับตานึกย้อนไปถึงคำพูดของแม่ที่เคยบอกให้พวกผมคอยดูแลกันและกัน เพราะผมกับพี่ไอเรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ผมที่คิดและทำตามสิ่งที่แม่บอกเพียงคนเดียว แต่สำหรับพี่ไอผมเองไม่แน่ใจว่าจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า
“ปล่อยมันได้แล้ว” ไอ้มาร์คสั่งลูกน้องของมันปล่อยตัวพี่ไอแล้ว ก่อนที่พี่ไอจะรีบขยับตัวมาแอบอยู่ด้านหลังของผม
“กูให้เวลามึงไปเก็บของใช้ส่วนตัวสามชั่วโมง เดี๋ยวกูจะให้คนมารับ”
“เดี๋ยวสิ! ทำไมผมเก็บของ? แล้วจะมารับผมไปที่ไหน?”
“บ้านกู”
“แล้วทำไมผมต้องไปอยู่ที่บ้านคุณด้วย”
“กูไม่ชอบใช้ของมั่วกับใคร เด็กของกูมันก็ต้องเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น”
“.....” ผมพูดอะไรไม่ออก ผมก้มลงมองดูมือตัวเองที่กำแน่นจนสั่นและควรจะเจ็บมาก แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากใจเท่านั้นที่บอบช้ำ
ผมคงเข้าใจผิดไปเองที่คิดว่าการให้ผมไปเป็นเด็กของเขา หมายถึงจะให้ผมไปเป็นเบ้ ไปเป็นเด็กรับใช้ที่คอยทำเรื่องผิดกฎหมายให้พวกเขา แต่คำพูดของเขามันชัดเจนอยู่แล้วว่าหมายถึงอะไร
“มึงจะร่ำลากันนานแค่ไหนก็ได้นะ แต่ถ้าอีกสามชั่วโมงยังไม่พร้อม มันจะมีแค่ตัวมึงเท่านั้นที่ได้ไป” พูดจบ ไอ้มาร์คก็เดินออกไปจากบ้าน พร้อมกับลูกน้องอีกสามคน เพียงไม่นานผมก็ได้ยินเสียงรถที่ขับออกไปจากบ้าน
“อุ่น พี่ขอโทษนะ เป็นเพราะพี่แท้ๆ อุ่นถึงต้อง.. ฮึก” พี่ไอจับที่ไหล่ผม ก่อนจะซบหน้าลงมาร้องไห้ที่หลังผม
“พี่ไอ อุ่นขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ พวกเราไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วนะพี่ไอ ทั้งบ้าน หรือแม้แต่ชีวิตของอุ่นเอง”
“อุ่นไม่ต้องห่วงนะ พี่จะรีบหาเงินไปคืนพวกมันให้เร็วที่สุด ฮือๆ”
“อุ่นไม่อยู่แล้วพี่ต้องรักษาตัวดีๆ ด้วยนะ”
สายลมจางๆ ที่พัดผ่านเข้ามาทำให้ผมรู้ว่าน้ำตามันกำลังจะไหล แต่ผมต้องเข้มแข็ง ผมจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้ใครมาคิดว่าผมอ่อนแอเด็ดขาด
“อุ่น”
ผมจับมือไออกจากไหล่ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเองเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋ารอให้คนของไอ้มาร์คมารับ โดยไม่ได้หันไปมองพี่ไออีก
