บทที่ 2 เซ็กซี่ ขี้เหงา เอาแต่ใจ (1)

[พาร์ท : ขาล]

ย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน

ผมกระดกเหล้าอยู่ในคลับ ที่ปลายหางคิ้วแตกเพราะมีปัญหากับเทคนิกวิทยาลัยตรงข้ามนิดหน่อย เรามีปัญหากันเรื่องแหวนรุ่นที่ออกแบบคล้ายกันโดยบังเอิญ แน่นอนว่าอีกฝ่ายเป็นพวกอีโก้จัดไม่ชอบเหมือนใคร เลยยกพวกมาตะลุมบอนระหว่างที่ผมกับเพื่อนขึ้นรถเมล์ด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแค่นั้น

แต่ก็อย่างว่า ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายมันสูงเหมือนตึก ขนาดแค่มองหน้ากันยังไม่พอใจจนแทบฆ่ากันตาย นับประสาอะไรกับแหวนรุ่นที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แทนศักดิ์ศรีฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ของเด็กช่าง

แต่ถ้าถามว่าเรื่องนั้นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ผมให้ความสำคัญจนถึงขั้นมานั่งก๊งเหล้ากับเพื่อนทั้งที่ปกติจะนอนอยู่บ้านมั้ย

ไม่ว่ะ ผมไม่ได้ใส่ใจ

ผมก็แค่อกหัก แล้วก็กำลังหาที่พึ่งทางใจที่ไม่ใช่การจีบผู้หญิงคนใหม่ และมันก็มาลงตัวที่น้ำเมามากกว่า

“พี่หมี่อายุยี่สิบห้าแล้ว ก็ไม่แปลกมั้ยวะที่จะมีคนคุย” เพื่อนในกลุ่มเดียวกันเริ่มเข้าประเด็นที่จี้ใจมาตลอดขึ้นในขณะที่นั่งกระดิกตีนชงเหล้าอยู่อีกฝั่ง ผมนั่งเงียบ ก่อนที่จะเสยผมยาวๆ ของตัวเองขึ้นอย่างหัวเสีย

“กูรู้ ไม่ต้องย้ำ” เสียงที่เปล่งออกไปห้วนจัดซะจนเพื่อนต้องเงียบกันทั้งกลุ่ม เพราะมันรู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องของเธอ มักจะมีอิทธิพลในใจผมเสมอ เพราะถ้าเกิดพูดอะไรไม่เข้าหูกว่านี้ ผมอาจจะลงมือทำอะไรลงไปก็ได้

ผมชื่อ ‘ขาล’ เป็นเด็ก ปวส. ปีหนึ่ง เทคนิคเครื่องกลหรือเรียกง่ายๆ ว่าเด็กช่างยนต์อย่างที่รู้จักกันทั่วไป เห็นแบบนี้จะให้พูดว่าวันๆ มีแต่เรื่องตีกันก็ไม่ถูก เพราะเด็กช่างก็เหมือนนักเรียนนักศึกษาทั่วไป แค่เน้นไปทางสายอาชีพ เรียนหนักไม่ต่างกับสายอื่น แต่ไม่ได้เรียนทุกวัน มันเลยมีบ้างที่บางวันจะต้องมีเรื่อง เพราะพอผู้ชายมาอยู่รวมกันมากๆ ปัญหาก็เกิดขึ้นง่าย และมักจบด้วยการใช้กำลัง

ใช่ และผมก็เป็นหัวหน้าเทคนิกเครื่องกลรุ่นปัจจุบัน ที่ควบคุมกลุ่มเด็กช่างยนต์เป็นจำนวนเกือบร้อยในวิทยาลัย นั่นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครง่ายๆ ต่อยตีเก่ง ตัวใหญ่กว่าคนอื่นด้วยส่วนสูง 190 พร้อมลายสักเต็มตัว ท่าทางโดดเด่นที่ดูจะเป็นผู้นำคนได้ ก็เลยได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่ปีที่แล้ว

ซึ่งผมมีชีวิตที่เลือดร้อนอย่างงี้เป็นปกติมาตลอด จนกระทั่ง ‘เธอ’ บอกว่าอยากให้ผมหยุด

ใช่ และเธอที่ว่าก็คือผู้หญิงในบทสนทนาที่ทำให้ผมช้ำใจจนถึงที่สุดในวันนี้ หลังจากที่รู้มาว่าเธอมีคนคุยจากที่ปล่อยตัวโสดมาจนอายุยี่สิบสี่ ไม่สนว่าจะเป็นใครด้วย เพราะถ้ายิ่งรู้อาจจะเกิดอาการอยากตามไปฆ่ามันให้แหลกคามือที่อาจริมายุ่งกับผู้หญิงที่ผมหมายปองมานานก็ได้

เธอชื่อ ‘บะหมี่’ เป็นเจ้าของชื่ออาหารที่ผมชอบเป็นอันดับหนึ่ง และยังเป็นชื่อของผู้หญิงที่ผมชอบมาตั้งแต่เด็กจนโต

พี่หมี่เป็นลูกสาวของลุงบ้านข้างๆ ผมกับเธอรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมในตอนนั้นมันก็แค่เด็กผู้ชายทั่วไปที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร รู้แค่อย่างเดียวว่าพี่บะหมี่คือผู้หญิงที่คอยเล่นกับผมตั้งแต่ยังเด็ก เธอหน้าตาสวย ผมดำขลับยาวถึงหลัง และตัวเล็กน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงคนแรกๆ ได้มั้งในชีวิตผม และผมก็แอบชอบเธอมาโดยตลอด

พี่หมี่เคยพูดกับผมว่าสเป็คผู้ชายในฝันของเธอจะต้องเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง ตัวใหญ่ แข็งแรง ซึ่งผมก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างให้เป็นอย่างที่เธอชอบ จากเด็กผู้ชายตัวเล็กเท่าลูกหมา กลายเป็นยักษ์ใหญ่ ผมสัก ต่อยตี ทำทุกอย่างให้เธอเห็นว่าผมแข็งแกร่งกว่าผู้ชายคนอื่น

พี่หมี่เริ่มเรียนหมอและจบออกมาทำงานเป็นแพทย์หญิงที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมรู้ว่าเธอโสดมาจนอายุยี่สิบสี่ จนเมื่อไม่กี่วันรู้จากสายมาว่าเธอเริ่มไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนึง ซึ่งดูทรงน่าจะยังเป็นแค่คนคุย

ไม่ว่าจะหน้าไหนก็ตาม กูชอบเธอก่อน กูมองมาตั้งนาน ทำทุกอย่างเพื่อพี่หมี่คนเดียว คนที่เธอจะคบด้วยต้องเป็นกูดิวะ

แต่ในบางทีก็รู้สึกหงุดหงิดกับความใจแคบของตัวเองเหมือนกันว่ะ

ให้ตาย แม่งเพราะพูดกี่ทีว่าชอบ พี่หมี่ก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เธอเป็นผู้หญิงที่ผมเดาใจไม่เคยถูก

ช่างแม่งละกัน แดกเหล้าให้เมา แล้วกลับไปคลั่งรักต่อจนกว่าจะตาย

ยังไงก็เลิกชอบไม่ได้อยู่แล้ว

“เฮ้ยๆ ไอ้ขาล มึงใจเย็น” เพื่อนร่วมวงเหล้ามองผมที่ยกขวดวอดก้าซดลงคออย่างบ้าคลั่ง ผมกระดกจนครึ่งขวดพร้อมกับใช้หลังมือปาดริมฝีปาก ไอ้ช้ำอ่ะมันช้ำอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ตัดใจแค่เพราะรู้ว่าเธอคุยๆ กับใคร ก็คงไม่

ผมผงกหัวไปข้างหลัง เอนตัวพิงกับเก้าอี้ วอดก้าแค่นี้ไม่ทำให้ผมเมาได้หรอก เพราะผมเมาอย่างอื่นไปแล้วไง

อย่างเช่น... เมารักพี่หมี่

จนสายตาตวัดไปที่โต๊ะข้างหลัง มีผู้หญิงในเรือนผมสีชมพูอ่อนเต้นส่ายสะโพกได้รูปอย่างยั่วยวนอยู่กลางวง ผมจ้องไปที่เธอนิ่ง ก่อนที่จะแค่นหัวเราะ

คิดว่าอกหักเฉยๆ เลยมาที่นี่เหรอไง

ชีวิตผมขับเคลื่อนด้วยพี่หมี่ ที่ทำอยู่อ่ะ จงใจล้วนๆ

นั่นก็เพราะว่าทุกวันเสาร์เธอจะไม่ต้องเข้ากะกลางคืน พี่หมี่ก็จะมาปลดปล่อยที่คลับนี้เป็นประจำ และผมก็จะตามมาเป็นสตอล์กเกอร์เฝ้าเธอทุกครั้ง เหมือนชีวิตมีเวลาว่างมาก

น่าตลกดีที่ทำยังไงก็ตัดใจจากเธอไม่ได้

และเพราะหุ่นสะบึมเย้ายวนของคนตัวเล็กที่โยกอย่างเร้าอารมณ์อยู่ตรงนั้น แม้ว่าจะเป็นมุมอับที่เธอถือโอกาสปลดปล่อยความเครียดจากงาน แต่ก็ยังสะกดสายตาของผู้ชายทั่วไปให้มองมาที่เอวคอดกิ่วที่พลิ้วไหวอยู่ดี

ชุดที่ใส่วันนี้ก็โป๊น่าดู

ไม่ชอบ รู้มั้ย

ผมกัดฟันแน่นตอนที่กำขวดเหล้าจนแทบแหลก เพื่อนในวงเหล้าเองก็พอรู้ใจว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ เลยได้แต่นั่งกระดกเหล้าลงคอมองผู้หญิงแถวๆ นี้ไปเงียบๆ ไม่มีใครกล้ามองไปทางพี่หมี่ตรงนั้นแม้เธอจะสะกดสายตาแค่ไหน เพราะรู้ดีว่าผมมันขี้หวงเหมือนหมาบ้า

จนกระทั่งมีผู้ชายคนนึงมายุ่มย่ามกับเธอ ผมถึงได้หยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินออกไปโดยไม่มีเสียงห้าม พวกมันรู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง และไม่มีใครห้ามเวลาผมโกรธได้

หมับ

ฝ่ามือหนาคว้าข้อมือเล็กของผู้หญิงในชุดเดรสเกาะอกสั้นให้หันกลับมา หลังจากที่เห็นว่าเธอกำลังจะชนแก้วกับไอ้หน้าไหนสักคนในคลับ พี่หมี่ชะงัก เธอตัวเล็กเพราะส่วนสูงแค่ 158 เลยต้องแหงนหน้าขึ้นมองผมที่รวบไหล่มนเข้ามาชิดอก จนผู้ชายที่ตั้งท่าจะชนแก้วกับเธอต้องถอยหนีไปเพราะท่าทางผมมันกำลังหวงเธอได้ที่จนมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากสีหน้า

“อะ น้องขาล” ถึงผมจะโตจนตัวใหญ่กว่าเธอมากขนาดนี้ พี่หมี่ก็ยังทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่ดี ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังโดนหึงหวงจนแทบบ้า จะทำยังไงก็ไม่เคยรู้ “บังเอิญจังเลย”

“ครับ บังเอิญ” ผมโกหก ทั้งที่จริงๆ จงใจมาแดกเหล้าที่นี่เพราะรู้ว่าเธอจะมาปล่อยตัวในนี้ ถ้าบอกว่าผมแค่หวง คงไม่ใช่ เพราะผมทั้งหวง ทั้งห่วง และจะตามเธออยู่แบบนี้จนกว่าเธอจะถีบหัวส่งผมไปแบบ ‘จริงจัง’ “พี่หมี่ปล่อยตัวจังนะครับวันนี้”

อดที่จะดุไม่ได้ เพราะรู้ว่าพี่หมี่เขาขี้ยั่ว แต่ก็ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่

“อื้อออ วันนี้เจอเรื่องแย่ๆ ที่โรงบาลมาอ่ะ” ร่างเล็กซุกหน้ากับอกหนาของผมอย่างออดอ้อนเหมือนที่เธอทำประจำ และผมไม่รู้ว่าเธอเจตนาเพราะเธอมีใจ หรือเธอแค่ขี้อ่อย แต่ก็ไม่เคยห้ามที่เธอเข้ามาแหย่แบบนี้เหมือนกัน “พี่เมามากเลยยย”

“ผมรู้” ใช่ ถ้าอ้อนเก่งถูไถเก่งขนาดนี้ คงเมาพอตัว

“ขาลไปส่งพี่ที่ห้องหน่อยสิ” ดวงหน้าหวานเงยหน้าขึ้นชันคางกับอกหนาของผมพร้อมกับคำเชิญชวนกลายๆ พาลทำให้ใจสั่น

ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ชิน แต่เธอเป็นคนที่ผมชอบมาก แถมตอนนี้ผมก็เมาอยู่ด้วย

“ที่คอนโดพี่เหรอครับ” โคตรชอบ อยากพาเธอกลับตอนนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งก๊งเหล้าไม่ถึงชั่วโมง แต่ต้องทำเหมือนไม่รู้สึกเหี้ยอะไร

“อื้อ พี่รู้ว่าขาลรู้ว่าพี่ออกมาอยู่คนเดียวแล้ว ใช่มั้ยคะ”

“ใช่ ผมรู้” ผมตอบเพราะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอหมด ไม่ว่าจะเรื่องโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ไม่ว่าจะที่อยู่คอนโดที่เธอย้ายออกไป กับพี่หมี่ผมว่าง่ายเสมอ กับคนอื่นผมอาจจะไม่เป็นมิตร แต่สำหรับเธอ แค่ขอมา ผมทำให้ได้ทุกอย่าง เเม้ว่าเธอจะเห็นผมเป็นแค่ตัวเลือกในชีวิตเธอก็ตาม “แต่ผมติดรถเพื่อนมา”

“ขับรถพี่ก็ได้นะคะ เดี๋ยวพี่ให้กุญแจ” เธอพูดแทรกเสียงเนิบนาบ พร้อมกับควักพวงกุญแจจากร่องอกขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากชุดเกาะอกที่ผมพิจารณาตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าถอดโคตรง่ายออกมา ไออุ่นจากกุญแจรถที่วางบนฝ่ามือ ทำให้ผมกำมันแน่น

“ถ้าเมา ก็ให้ผมไปส่ง อย่าไปทำแบบนี้กับใคร”

ผมพึมพำ ทั้งที่รู้ว่าพี่หมี่ไม่ได้สนใจหรอก เธอไม่เคยคิดจะมองผม เธอทำกับผมเหมือนที่ทำกับผู้ชายทุกคนที่สนใจเธอ ผมรู้ว่าพี่หมี่ไม่อยากมีแฟน ไม่อยากจริงจังกับใคร แต่การที่เธอเลือกที่จะคุยกับใครทั้งที่รู้ว่าผมตามจีบอยู่ ผมก็เดาใจเธอไม่ถูกเหมือนกัน

แต่ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายบอกให้เธอเลิกคุยทั้งที่ในใจผมโคตรอยากจะทำแม่งแค่ไหน เอาตรงๆ มั้ย ผมกลัวเธอเกลียดผม

กับเรื่องอื่นเดือดเป็นบ้า แต่พอกับเธอ ก็แค่ลูกหมาเชื่องๆ ตัวนึง

ผมรู้แค่ว่า ผมคงไม่โกรธเธอ แล้วจะยอมตื้อเธออยู่แบบนี้ จนกว่าพี่หมี่จะมองผมเป็นมากกว่าน้องชายสมัยเด็กในสักวันนึง

ผมไม่ได้แคร์ว่าเพื่อนในวงเหล้าจะรอ ไว้ค่อยแชทไปบอกก็ได้ว่าปลีกตัวออกมากับพี่หมี่แล้ว พวกมันคงไม่กล้าแย้งอะไรหรอก

ก็ลองแย้งดู เดี๋ยวก็จะได้รู้ว่าจะได้เจอกับอะไร ทุกคนบนโลกถ้าไม่ใช่พี่หมี่ ผมก็ไม่แคร์ทั้งนั้น

ผมประคองร่างบางมาที่รถฮอนด้าซีวิคสีแดงที่พี่หมี่เคยบ่นว่าอยากได้แล้วก็ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจนสำเร็จ เงินเดือนเธอแม่งเยอะกว่าเงินเดือนที่ผมขอพ่อแม่ไปวันๆ เพราะเขาอยากให้ผมเรียนให้จบก่อน จะไปตีรันฟันแทงกับใครก็ได้ แต่ขอแค่เรียนให้จบ

พ่อกับแม่ไม่ได้คาดหวังกับคนอย่างผมมาก เพราะเขารู้ว่าผมแอบชอบพี่สาวข้างบ้านที่เป็นถึงแพทย์หญิงดีเด่นและรายได้เป็นแสน ครอบครัวพี่หมี่ก็หมอทั้งบ้าน ผมเลยต้องพยายามทำตัวเองให้ดีเพื่อให้เหมาะสมกับเธออยู่แล้ว

ไม่รู้พี่เค้าจะเอาผมมั้ย แต่ผมคิดไว้ก่อนเลยไง

พี่หมี่ถูกผมประคองร่างอรชรเข้าไปที่ที่นั่งข้างคนขับ เธอโอบรอบคอผมไว้เพื่อกันสะดุด และปล่อยให้ผมเป็นคนนำพาเธอ หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตเกินตัวล้นออกมานอกเกาะอกสีชมพูที่เหมือนกับสีผมของเธอยามเมื่อเธอเอนหัวมาพิงขอบประตูรถด้วยความเมา

ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก

ให้ตาย ใหญ่อะไรขนาดนี้วะ แม่ง

“พี่หมี่ นั่งดีๆ หน่อย” ผมพยายามหักห้ามอารมณ์ส่วนตัวที่พลุ้งพล่านจนแทบบ้า พร้อมกับปรับเบาะให้เอนลง มองจากมุมนั้นก็เห็นเป็นภูเขาสองลูกที่ตั้งตระหง่านและกระสับกระส่ายไปตามแรงส่ง ยิ่งทำให้ห้ามใจยากขึ้น

ผมเอื้อมเข็มขัดไปรัดโดยเลี่ยงภูเขาสองลูกนั้น แล้วปิดประตูหักดิบตัวเอง ก่อนที่จะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ สตาร์ทรถ แล้วขับออกไป

หัวใจเต้นแรงตลอดทางที่รู้สึกว่าคนตัวเล็กที่เบาะข้างๆ ขยับตัว เธอหันหน้าไปทางกระจกรถ พาลทำให้เวลาเหลือบตาไปมอง ก็เห็นต้นคอขาวผ่องที่ไม่มีริ้วรอยอะไรเด่นชัดมากขึ้น มันขาว และเนียนตาไปซะทุกส่วน

เวรเอ้ย

ผมกัดฟันแน่น และอดทนไปจนถึงคอนโดของเธอ

พอมาถึงก็ต้องรับหน้าที่อุ้มเธอขึ้นไปบนห้อง จนผมแอบรู้สึกเหมือนตัวเองโรคจิตหน่อยๆ ที่รู้ได้แม้กระทั้งเลขชั้นและเลขห้องที่เธออยู่ ผมอุ้มพี่บะหมี่ในท่าผู้หญิง พยายามไม่มองไม่สนใจผิวสัมผัสนุ่มๆ และกลิ่นหอมจากกายสาวของเธอ ในขณะที่จะไปยืนอยู่หน้าประตูห้อง

“พี่หมี่ครับ กุญแจห้อง” ผมเรียกชื่อคนในอ้อมแขน เธอปรือตาขึ้นมา ไม่ได้ตื่นที่อยู่ในอ้อมแขนของผม แต่กลับล้วงกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋าถือส่งให้ผมอย่างว่าง่าย

ไว้ใจผมมากไปรึเปล่า

เอาตรงๆ ปะ ตอนนี้ผมแม่งคิดไม่ดีเลยนะ

จนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ผมถือวิสาสะควานหาสวิตช์ไฟ แล้วปิดประตูด้วยมือข้างที่ว่าง ก็อย่างว่า พี่หมี่ทั้งตัวเล็กเลยตัวเบายังกับขนนก อุ้มด้วยมือข้างเดียวก็ได้แล้ว

ผมเดินเข้าไปวางร่างอวบอัดลงบนเตียงนอนในห้องของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องของพี่หมี่ ผมเลยกวาดสายตาไปมองรอบๆ เพื่อเก็บรายละเอียด ห้องนี้ตกแต่งด้วยสีม่วงอมชมพู มีโต๊ะเครื่องแป้ง เตียงที่ดูเป็นทรงผู้หญิง กับตู้เสื้อผ้า และของแค่ไม่กี่อย่าง

โคตรตื่นเต้น แม้ว่าภายนอกจะทำหน้านิ่งแค่ไหน

ห้องเธอแม่ง... บรรยากาศเหมาะที่จะมีเซ็กซ์โคตรๆ

“ขาล...” เสียงหวานดังขึ้นตอนที่ผมยืนตัวใหญ่กวาดสายตามองรอบห้องเธออยู่ ผมหลุบตาลงมอง ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าข้อมือหนาโดนคว้า

“พี่?” ผมเรียกชื่อเธอ พร้อมกับมือหนาที่ถูกฝ่ามือเล็กบีบแน่น ร่างอรชรที่นอนอยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมองผม แววตาของเธอหยาดเยิ้ม ก่อนที่จะทันรู้สึกตัว พี่หมี่ก็ยันตัวลุกขึ้นมา แล้วรั้งชายเสื้อผมฉุดให้เข้ามาใกล้ๆ เธอ

“ขาล ขาลรู้มั้ย” เธอกระซิบชิดกับหน้าท้องหนาที่ถูกกั้นด้วยเสื้อยืดสีเทาของผม เรือนร่างยั่วยวนชิดใกล้กับหน้าท้องแกร่งจนผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ “พี่โดนบอกเลิกอีกแล้ว”

“ครับ?” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไร แล้วร่างบางก็เม้มริมฝีปากแน่น

“พี่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยเข้ากับใครได้เลย” เธอเริ่มน้ำตาคลอต่อหน้าผม พึมพำปรับทุกข์ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ร่างกายอวบอัดนั่นยังแนบชิดในท่าทางที่อันตราย “พี่ไม่อยากมีแฟนตอนนี้ พี่ไม่อยากจริงจัง ทำไมไม่มีใครเข้าใจพี่เลย ทำไมไม่มีใครรอพี่ได้เลย ทำไมต้องทำเหมือนพี่เป็นผู้หญิงง่ายๆ”

“...”

“ทำไม... ทั้งที่พี่ยังไม่พร้อมมีใคร แค่อยากคุยไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง”

เธอคงหมายถึงผู้ชายที่เธอคุยๆ อยู่ด้วยใช่มั้ยวะ

พอรู้แบบนี้ก็เจ็บดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยรู้ว่าพี่หมี่ต้องการอะไร เธอเลยไม่มีแฟนสักที แต่ผมมันก็แค่คนโง่ดักดานคนนึง ที่เจ็บแล้วไม่เสือกจำ

“ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงไม่อยากจริงจังกับใครตอนนี้เหมือนกัน” ผมโพล่งออกไป พร้อมกับคว้าไหล่ขาวจัดนั่นเข้ามาแนบตัวด้วยฝ่ามือแกร่ง “เอาจริงๆ มั้ย ผมเดาใจพี่ไม่เคยออก”

“...”

“แต่ถ้าเป็นผม ผมรอพี่ได้นะ” ผมเลือกที่จะโพล่งมันออกไป ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมแสดงออกว่าชอบเธอ โคตรชอบพี่หมี่จนแทบคลั่ง แม้ว่าเธอจะไม่เคยให้คำตอบ ไม่เคยทำอะไรไปมากกว่ากอดกับผมในฐานะน้องชาย “ผมรอพี่ได้ตลอดแหละว่ะ ถ้าพี่ต้องการอะไร ขอแค่บอกผมมา”

“...”

“แค่มองผมเป็นผู้ชายคนนึงก็พอ” แววตาสีน้ำตาลอ่อนช้อนขึ้นมองหน้าผมที่กลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกสั่นขึ้นลง แม่งเป็นครั้งแรกที่ผมเอาแต่ใจกับพี่หมี่ เพราะผมไม่อยากให้เธอจำกัดผม แล้วทำมันแค่กอดในสถานะแค่นั้น

ผมอยากทำมากกว่านั้นกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมองผมเป็นแค่ของเล่นก็ตาม

“ขาล” เธอเรียกชื่อผม มือเล็กๆ ค่อยๆ สอดเข้าไปใต้ชายเสื้อยืด ลูบไล้ที่ซิกแพคหนาของผมใต้เสื้ออย่างอ้อยอิ่ง ซึ่งนั่นทำให้ผมโคตรตื่นเต้น “เธอแน่ใจเหรอ”

“ผมแน่ใจ” ผมตอบกลับไปทันควัน ใช่ เพราะผมไม่อยากทำแค่กอดแล้วว่ะ ผมไม่อยากเป็นแค่น้องชายที่เอาแต่รอเธอไปวันๆ แล้วหมาก็คาบไปแดก อะไรที่เป็นโอกาส ผมจะเอาตัวเองเข้าไปแทนที่แม้ว่าแม่งจะเสี่ยง และไม่ได้เหี้ยอะไรกลับมา

“แล้ว...” เธอเลื่อนมือขึ้นไต่สูงกว่าเดิม จนชายเสื้อของผมเลิกขึ้นมาด้วย ซิกแพคเป็นลอนหนาโผล่ออกมา ริมฝีปากบางกดจูบเบาๆ ที่กล้ามหน้าท้องของผมด้วยความมึนเมา พร้อมกับคำพูดที่ออกมาจากความคิดชั่ววูบของเธอ “ถ้าพี่อยากมีเซ็กซ์กับขาลตอนนี้เลยล่ะ”

“...”

“ขาลจะยอมพี่มั้ยคะ”

[จบพาร์ท : ขาล]

ท่ามกลางความเงียบสงัดภายในห้องนอนที่น่ารักของฉัน ฉันที่เมาจนประคองสติได้ไม่มากนักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่รับรู้ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าพร้อมที่จะเป็นของเล่นของฉันมากกว่าใคร

ฉันรู้ดี รู้มาโดยตลอดว่าน้องขาลชอบฉันมากจนแทบเรียกได้ว่าคลั่ง

ฉันรู้ดี ว่าน้องขาลตามฉันไปที่คลับทุกคืนวันเสาร์ที่ฉันไม่มีงาน

เพราะรู้ก็เลยจงใจชนแก้วกับผู้ชายคนนั้น เพื่อให้เด็กตัวใหญ่คนนั้นเดินเข้ามาหาด้วยความหึงหวง และเชิญชวนให้น้องขาลไปส่งฉันที่ห้อง

ก็เพราะน้องขาลน่ะฮอตมากเลยน่ะสิ ทั้งร่างกายกำยำติดคล้ำนิดๆ ตัวสูงใหญ่เหมือนหมีป่า ซิกแพคเป็นลอนหนาที่ยั่วยวน กับรอยสักเต็มทั้งตัว เหมือนเขาจะรู้ดีว่าฉันชอบแบบนี้ ลุคเถื่อนๆ แบบนี้แต่ท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนหมาน้อยเชื่องๆ ที่รักแค่เจ้าของเพียงคนเดียว

ถ้าอยากจะขออะไรที่เห็นแก่ตัว อย่างเช่นวันไนท์กับน้องขาลสักครั้ง เพื่อปลดปล่อยความเครียดเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ทั้งหมด และปล่อยตัวปล่อยใจไปกับร่างสูงใหญ่ตรงหน้าสักครั้ง เขาจะว่ามั้ยนะ

ใบหน้าคมกร้าวนิ่งไปเมื่อได้ยินคำขอที่เห็นแก่ได้ของฉัน ใช่ เพราะฉันรู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมมีใครในตอนนี้ งานที่ทำอยู่ทำให้ฉันไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปใส่ใจใครได้เต็มร้อย ฉันเคยมีความรักแล้วเจ็บปวด เลยมองมันเป็นแค่ของเล่น และกลายเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย และดูง่ายอย่างเต็มรูปแบบ

แต่ผู้ชายที่ฉันจะขอแบบนี้... มีไม่กี่คนหรอก

ส่วนมากที่เจอ พวกเขามักจะถอยห่างออกไป เพราะความไม่ชัดเจนที่ฉันมอบให้ และทำเหมือนว่าฉันมีทางเลือกมากมาย พวกเขาแค่ต้องการเซ็กซ์ แต่ปฏิเสธในสิ่งที่ฉันเป็น

เอาจริงๆ มั้ย ฉันเฮิร์ทนะ ทุกครั้งเวลาที่ใครต่อใครปฏิเสธตัวตนของฉัน

ก็ฉันไม่พร้อม ทำไมไม่เข้าใจกันเลยนะ เพราะงั้นก็เลยเวอร์จิ้นอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยไงล่ะ

ก็มันไม่มีใครที่คลิกกับใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป