บทที่ 4 ซ่อนเงาสวาท บทที่ 4
มัทรีรีบแย้งแต่ดูเหมือนคริสเตียนไม่สนใจ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า
“พี่อยากให้เราคุยเรื่องระหว่างเราให้เข้าใจเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นพี่อยากให้เธอคิดถึงมันทีหลัง”
“พี่กำลังออกคำสั่งกับฉันนะคะ...ฉันไม่ใช่นายทหารใต้บังคับบัญชาของพี่นะคะคริสเตียน”
“เปล่าเลย คารีน่า...พี่กำลังพูดเรื่องของเราต่างหาก”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นราวกับมีบางอย่างวาบไหวและมันทำให้มัทรีเริ่มอ่อนไหวอีกครั้ง ทำไมเธอต้องเกิดความรู้สึกแบบนี้ด้วย มันไม่ใช่ความรู้สึกธรรมดาที่น้องสาวรู้สึกกับพี่ชาย...ก็ในเมื่อเธอเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขาเท่านั้น
“เมื่อก่อนพี่อาจไม่ค่อยได้พูดคุยกับเธอ แต่ตอนนี้พี่คิดว่าเราควรมีเวลาที่จะได้ปรับความเข้าใจกัน”
ปรับความเข้าใจอย่างนั้นหรือ?...เขาพูดเหมือนชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังเข้าใจผิดกันอย่างไรอย่างนั้น
“การที่เธอไม่พูดอะไรแสดงว่าเธอตอบตกลงพี่แล้ว พรุ่งนี้พี่จะมารับเธอที่นี่...เวลานี้”
เขาตัดบทแต่สายตาของเขายังอ้อยอิ่งอยู่ที่ดวงหน้าแสนหวานของหญิงสาว ความสวยของมัทรีสะกดใจเขาและทำให้ไม่อาจละสายตาไปจากความผ่องผาดนั้นได้เลย
มัทรีไม่ตอบทว่าสีหน้าและแววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล ในขณะที่คริสเตียนยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของน้องสาวบุญธรรม อะไรบางอย่างบอกเขาว่า เขายังไม่อยากกลับไปที่พักตอนนี้ เขายังอยากนั่งอยู่ตรงนี้อีกนาน ๆ และความรู้สึกนั้นก็รุนแรงเหมือนพลังกระเพื่อมของน้ำ
“พี่จะกลับล่ะนะ” เขากล่าวออกมาในทีสุดหลังจากทั้งสองตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่
“ค่ะ”
มัทรีพยักหน้าแต่ความรู้สึกนั้นบอกเธอว่าเธอยังไม่อยากให้คริสเตียนกลับตอนนี้ และเมื่อเขาออกไปจากห้องนั้นแล้วหญิงสาวก็ยังคงนั่งมองที่บานประตู มันช่างประหลาด ทั้งที่เธอกลัวว่าเขาอาจยังมีความคิดเดิม ๆ นั่นคือตั้งแง่กับเธอทุกครั้งแต่ราวกับมีพลังรุนแรงในตัวของเขาที่กำลังสั่นไหวหัวใจของเธอ
บทที่ 4
“นี่เป็นครั้งแรกที่พี่มาปารีส”
คริสเตียนเอ่ยขึ้นขณะมือกุมพวงมาลัยบังคับให้รถเอสยูวีคันหรูแล่นไปตามถนนสายหลักใจกลางมหานครปารีสหลังจากไปรับน้องสาวบุญธรรมที่คลีนิคซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแซน
มัทรีคิดว่าเธอจะปิดคลีนิคและไม่ยอมออกมาพบพี่ชายตามกฎหมายตอนแรกแต่แล้วหญิงสาวก็ทนทานต่อความรู้สึกบางอย่างที่รบเร้าเธอไม่ไหว เธอออกมารอเขาจนได้และไม่ลืมที่จะบอกให้อลานา ผู้ช่วยที่รู้ใจกลับบ้านไปเสียก่อนพร้อมทั้งบอกว่าเธอติดธุระด่วน
“เธออยู่ที่นี่หลายปีแล้วหรือคารีน่า?”
คริสเตียนซึ่งวันนี้อยู่ในชุดลำลอง เสื้อยืดกางเกงเดนิมและสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีนัยน์ตาของเขาถามขึ้นขณะหักพวงมาลัยรถเข้าไปจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรมสุดหรูโฟร์ ซีซั่น
“ก็หลังจากเรียนจบน่ะค่ะ...ฉันเปิดคลินิกอยู่ที่นี่เพราะฉันหลงรักแม่น้ำแซน”
“เธอไม่คิดถึงบ้านบ้างหรือ?”
คำถามนั้นดังขึ้นพร้อมกับที่เขาจอดรถลงและดับเครื่องยนต์ แต่ก่อนที่คุณหมอสาวจะตอบกลับก็ต้องชะงักเมื่อคริสเตียนเอี้ยวตัวมาด้านข้างที่เธอนั่งอยู่ เขาช่วยปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
มัทรีแทบจะลืมหายใจ คริสเตียนตัวโตมากจนไหล่ของเขาเบียดไหล่เล็กของหญิงสาว เธอไม่รู้ว่าจะขยับห่างได้อย่างไรเพราะหลังชนกับคานประตูและจังหวะนั้นเองที่หญิงสาวรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดเขาอีกครั้ง
ใบหน้าคร้ามเข้มอยู่ใกล้เธอมาก กลิ่นน้ำหอมแบบชายชาตรีของเขา ลมหายใจของเขาทำให้มัทรีมือเท้าเย็นเยียบเพราะแรงเสียดสีจากร่างกายใหญ่โตนั้น
และดูเหมือนคริสเตียนจะปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยให้เธอไม่เสร็จโดยง่าย อาจเป็นเพราะมือหนาใหญ่ของเขาทำให้ดูเหมือนหยิบจับของในที่แคบได้ลำบาก แต่หญิงสาวแทบไม่รู้ตัวเลยว่าชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างกัน
“ว่ายังไงล่ะ คารีน่า...เธอคิดถึงบ้านบ้างไหม?”
เขาถามด้วยเสียงแผ่วต่ำเมื่อจัดการปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวของหญิงสาว แต่ไหล่ของเขายังคงเบียดชิดและใบหน้าคร้ามคมยังคงอยู่ใกล้เธอแค่คืบ มัทรีจ้องหน้าเขานิ่ง มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มทรงอำนาจคู่นั้น
“ค่ะ...ฉันคิดถึงบ้าน...ฉันยังคงคิดถึงที่นั่นเสมอ”
“แต่เธอก็แทบไม่กลับบ้านเลย หลายปีแล้วซีนะ”
“ฉันก็คิดว่าพี่มีครอบครัวไปแล้วและครอบครัวของพี่ก็คอยดูแลแม่ ฉันคิดว่าอย่างนั้น”
เขาส่ายหน้าและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย “เธอคงไม่เชื่อว่าพี่ยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร พี่ทำงานอยู่แต่ในกองทัพจนเพื่อน ๆ ล้อกันว่าพี่ชอบไม้ป่าเดียวกันหรือเปล่า แล้วเธอล่ะ คารีน่า เธออยู่ที่นี่คงมีแฟนแล้วซีนะ หนุ่มฝรั่งเศสออกจะโรแมนติก”
ผู้ชายเยอรมันก็โรแมนติกไม่ต่างกัน...เธออยากพูดอย่างนั้นแต่ก็ต้องเก็บมันไว้ข้างใน
“ฉันโสดค่ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบหมอที่ใส่แว่นตาหนาเตอะและต้องตรวจคนไข้ทั้งวันหรอกนะคะ”
“เธอใส่แว่นตาหรือคารีน่า?”
“ฉันใส่ตอนเรียนน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ฉันใส่คอนแท็คเลนส์”
คริสเตียนเผลอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลซึ่งเป็นสีของดวงตาตามธรรมชาติของมัทรี
“แล้วตอนนี้ล่ะ...เธอใส่มันหรือเปล่า?”
คุณหมอสาวนิ่งไป ทำไมเขาต้องจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอราวกับว่าอยากมองให้มันทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น เขาทำเหมือนไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับสีของดวงตาหรือคอนแทคเลนส์ มัทรีอยากระบายลมหายใจเพราะรู้สึกถึงความอัดอั้นที่มันบีบรัดอยู่ข้างในเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ และในที่สุดเธอก็ส่ายหน้าไปมา
