ตอนที่ 7 งานแต่งลูคัส

ตอนที่ 7 งานแต่งลูคัส

หนึ่งเดือนผ่านไป

ลูคัสกับมุกดาจัดงานแต่งขึ้นอย่างใหญ่โต ท่ามกลางญาติทั้งสองฝ่ายต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง และคนที่รู้สึกว่าแผนการของท่านได้เริ่มแล้ว ท่านยืนมองงานแต่งด้วยความดีใจ ที่ลูกชายของท่านสละโสดไปแล้วหนึ่ง และต่อมาท่านก็จะต้องได้หลาน นี่เป็นความหวังเล็กๆของคนแก่

ส่วนเรื่องโรงพยาบาลท่านไม่เป็นห่วง ใครชนะก็ได้ไป เพราะท่านยังมีโรงเรียนแพทย์อีกหนึ่ง คนที่แพ้ท่านก็จะให้ไปดูแลตรงส่วนนั้นแทน แต่ไม่ว่าจะยังไง ทั้งสองส่วนมันก็ต้องเชื่อมโยงกันและสุดท้าย ทั้งสองคนก็จะต้องช่วยกันดูแลอยู่ดี แต่อาจจะแบ่งส่วนกันไปบริหารก็เท่านั้น

ทางด้านนาธานที่มาร่วมแสดงความยินดีกับงานแต่งของพี่ชาย โดยมีลูกชายของเขายืนเคียงข้าง แล้วสาวที่ไหนล่ะจะกล้าเข้ามา นาธานยืนใส่ชุดหล่อและข้างๆก็คือพอร์ชลูกชายวัยสี่ขวบ ใส่ชุดสูทเหมือนกัน สีเดียวกัน และยืนอยู่ข้างๆกัน

ส่วนเรื่องของพอร์ช คนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่าพอร์ชคือลูกบุญธรรมของนาธาน ส่วนคนอื่นไม่รู้ และเขาก็ไม่เคยคิดจะพูดเรื่องนี้ ส่วนพอร์ชเองแกรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเข้าโรงเรียนแล้ว เพราะสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่มีแม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ นาธานจึงค่อยๆเล่าให้พอร์ชฟังจนพอร์ชเข้าใจ ดีที่พอร์ชเป็นเด็กฉลาดเข้าใจง่าย

“แด๊ดดี๊ครับ แด๊ดดี๊ไม่อยากมีงานแบบนี้บ้างเหรอครับ” พอร์ชเอ่ยขึ้นตามประสาเด็กที่อยากเห็นวันที่แด๊ดดี๊ของแกมีวันนี้บ้าง

“พอร์ชอยากมีแม่ไหม” นาธานเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่นของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ

“พอร์ชมีแด๊ดดี๊ไม่มีแม่ก็ได้ครับ” พอร์ชตอบอย่างเอาใจคนเป็นพ่อ ถึงพอร์ชจะอยากมีแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆก็จริง แต่ทุกวันนี้พอร์ชก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร แถมยังมีความสุขดีมากอีกด้วย

“พอร์ชอยากมีแม่แบบไหน” นาธานเอ่ยถามพอร์ชอีกครั้ง ทั้งสองคนพ่อลูกกำลังยืนมองเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเข้าพิธีแต่งงานในแบบพิธีของไทย

“ใจดี รักพอร์ช รักแด๊ดดี๊ครับ” คำตอบของพอร์ช ทำให้นาธานถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขายังมองไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเลย คนที่รักลูกของเขาและรักเขา

ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหนกัน แล้วมีหรือเปล่าเขาก็ยังไม่รู้เลย ส่วนเรื่องเงื่อนไขของแด๊ดดูเหมือนว่า คนแพ้ก็คงต้องเป็นเขาอีกตามเคย นาธานเริ่มทำใจเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว

“แล้วเธอคนนั้นอยู่ไหนล่ะ”

“ขอพรกับพระเจ้าสิครับ” นาธานหันไปมองลูกชายวัยสี่ขวบ แล้วยกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม เพราะเขาไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว

“แล้วพระเจ้าจะให้เราจริงๆเหรอ”

“ไม่รู้สิครับ เห็นแด๊ดดี๊อ่านหนังสือนิทานหลอกเด็กให้พอร์ชฟังอยู่บ่อยๆ เห็นพระเจ้าก็ประทานพรให้ทุกที ไม่ลองไม่รู้นะครับ” พอร์ชหยิบเรื่องนิทานที่นาธานชอบอ่านให้ฟังก่อนนอนอยู่บ่อยๆเอามาพูด

“งั้นเราลองมาขอพรให้พระเจ้าช่วยกันดีไหมครับ” นาธานพูดไปตามน้ำเอาใจคนเป็นลูกชาย ถึงเขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ก็ตาม

“ดีครับ” ทั้งสองพ่อลูกทำท่าหลับตาลงแล้วอธิษฐานในใจ

สักพักใหญ่ๆ โซเฟียที่มาร่วมงานแต่งด้วยก็เดินเข้ามาหานาธาน กอดบ่าเพื่อนแล้วกระซิบถามถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้สึกว่าน่าจะเป็นเพื่อนเจ้าสาว

“ผู้หญิงคนนั้นใครวะ” โซเฟียส่งสายตาไปทางผู้หญิงคนหนึ่งให้เพื่อนดู เขารู้สึกสนใจเธอคนนั้นเป็นอย่างมาก นั่งมองมาก็นานแล้ว อยากเข้าไปทำความรู้จักแต่ก็ยังไม่มีจังหวะ

“เพื่อนเจ้าสาวมั้ง ทำไมสนใจเธอเหรอ” นาธานเอ่ยถามเพื่อนอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะรู้ว่าเรื่องผู้หญิงสำหรับโซเฟียมันมากมายเหลือเกิน จนนาธานแอบรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาทันทีเลย

“เห็นหุ่นแล้วซีดดีว่ะ” ใบหน้าของเธอนั้นสวย ผิวขาว หน้าอกบึ้ม เอวคอดกิ่ว ช่วงตัวเพรียว ก้นงอนสวย ขาเรียว แถมชุดเกาะอกสีขาวที่เธอใส่ยิ่งทำให้หุ่นของเธอดูเซ็กซี่ขึ้นอีกเป็นกองเลย และเธอคนนั้นก็ยืนอยู่ข้างเจ้าสาวไม่ห่าง ค่อยช่วยจัดชุด จัดหน้า จัดผม เวลาช่างกล้องกำลังถ่ายรูป

“เบาได้เบา ที่นี่ไม่มีเหยื่อให้มึงล่าหรอก ไปหาที่อื่นเถอะ” นาธานมองตามไปที่ผู้หญิงคนนั้น โดยที่นาธานเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่โซเฟียรู้สึก

“กูก็แค่...” โซเฟียกำลังจะแก้ตัว แต่นาธานที่รู้ทันว่าสมองของเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

“สนใจ” นาธานหันมามองหน้าเพื่อนอย่างรู้ใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา โซเฟียไม่เคยเปลี่ยนความมักมากให้น้อยลงได้เลย มีแต่จะมากขึ้นทุกวัน มันชอบลากผู้หญิงขึ้นเตียงแล้วตบด้วยเงินจำนวนไม่น้อย แลกกับการไม่ผูกมัด

“อือ มึงรู้จักเธอไหม” โซเฟียยังไม่ยอมหยุด แล้วก็ไม่ปฏิเสธด้วยว่ารู้สึกสนใจเธอคนนั้นจริงๆ ขนาดนาธานส่งสายตาด่าแล้ว แต่โซเฟียก็ยังไม่สนใจสายตาของเพื่อน เพราะสิ่งเดียวที่เขากำลังสนใจอยู่ตอนนี้ก็คือผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวคนนั้นต่างหาก

“ไม่รู้จัก” นาธานหันมาพูดเหมือนคนเสียอารมณ์ ละอาในความหื่นขอเพื่อน ที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลา

แล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเวลาเข้าหอ

มุกดาเป็นคนไทย งานแต่งวันนี้จึงจัดขึ้นตามประเพณีไทยทุกอย่าง และได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อย แล้วเวลานี้ก็เป็นเวลาสำคัญของทั้งสองเช่นกัน ทางคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่าย เข้ามาร่วมอวยพรกันในห้องหอของทั้งสอง พอเสร็จพิธีพวกท่านก็กลับออกไป ปล่อยให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอยู่กันตามลำพัง บรรยากาศภายในห้องหอเริ่มตึงเครียดทันทีที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายออกไปกันหมดแล้ว

“เอ่อ...” ลูคัสเองก็รู้สึกเกร็งๆอยู่มากเช่นกัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเห็นเธอขยับก้นหนีไปนิดนึง

“พี่หมอ ขอมุกอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอรีบพูดขึ้น ก่อนที่สิ่งที่อยู่ในหัวของเธอจะเกิดขึ้น

“อื้อ...ไปสิ” ลูคัสทำเสียงสูงเมื่อเห็นเธอพูดแทรกขึ้นมา เขาจึงต้องรีบเก็บอาการทันที

แต่เมื่อมุกดาพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำแล้ว เธอกลับเพิ่งรู้ตัวว่า เธอเองไม่สามารถถอดชุดที่เธอใส่อยู่ได้ เพราะเธอเอื้อมมือไปรูดซิปที่ด้านหลังไม่ถึง เธอช่างใจอยู่สักพัก จากนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินออกมาหาเขาที่ด้านนอกห้องน้ำ แล้วก็เห็นว่าเขายังนั่งอยู่บนเตียงที่เดิมยังไม่ได้ลุกไปไหนเลย สายตาของเขามองมาที่เธอเป็นคำถาม ก็เธอเข้าไปนานแล้ว แต่กลับออกมาด้วยสภาพเดิมก่อนที่จะเข้าไป

“พี่หมอคะ มุกรูดซิปไม่ถึง พี่หมอช่วยรูดซิปที่ด้านหลังให้มุกหน่อยได้ไหมคะ” มุกดาเอ่ยเสียงเบา ทั้งเขินทั้งอายแต่จะให้ทำยังไงได้ ก็เธอทำเองไม่ได้นี่น่า สามีของเธอจึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายและดีที่สุดแล้วในตอนนี้

“หันหลังมาสิครับ” มุกดาค่อยๆหันหลังให้เขา ลูคัสเอื้อมมือไปที่ด้านหลังขาวเนียนของเธอ จากนั้นเขาก็ค่อยๆรูดซิปลงให้เธอด้วยใจจดใจจ่อ พอรูดลงมาถึงเอวจนเสร็จ มุกดาก็รีบเอ่ยขอบคุณ จากนั้นเธอก็เดินเร็วๆเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ มุกดาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นสามีของเธอนั่งอยู่ที่โซฟามองมาที่เธอ ลูคัสรอจะใช้ห้องน้ำต่อ แอบคิดว่าผู้หญิงทำไมถึงต้องอาบน้ำนานขนาดนี้ ซึ่งมันทำให้ลูคัสถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็เดินสวนกับเธอเข้าห้องน้ำไป

ไม่นานนักลูคัสก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นภรรยาของเขานอนอยู่บนเตียงหันหลังให้ เธอทำท่าเหมือนว่าเธอนั้นได้หลับไปแล้ว แต่ลูคัสรู้ได้ทันทีว่าเธอยังไม่หลับแน่นอน เพราะเขาเข้าไปในห้องน้ำแค่เวลาเพียงไม่นานนัก และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังกลัว และคงยังไม่พร้อมที่จะทำเรื่องอย่างว่ากันตอนนี้ เขาเองก็ไม่อยากบังคับ ลูคัสจึงตัดสินใจพูดขึ้นว่า…

“มุกกลัวพี่ขนาดต้องรีบหลับเลยเหรอ คืนนี้พี่ไม่ทำอะไรมุกก็ได้ ไม่ต้องเกร็งถ้ายังไม่ง่วงก็ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนก็ได้” เมื่อลูคัสพูดจบมุกดาก็ลืมตาขึ้น เธอยิ้มเขินเมื่อถูกเขาจับได้ เธอไม่เคย เธอเขิน แล้วเธอก็ยังไม่พร้อมด้วย

“จริงนะคะ” เธอลืมตาขึ้นมาเห็นเขายังเปลือยท่อนบนอยู่เลยด้วยซ้ำ มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเท่านั้นที่พันเอวอยู่ แต่เธอก็ทำเป็นใจกล้าคุยกับเขา

“จริงสิ” หนุ่มยุโรปหุ่นสมส่วน กล้ามแขนเป็นมัดๆ แผ่นอกแน่นหน้าท้องมีรอนสวยได้รูป มุกดาแอบสำรวจหุ่นสามีของเธออย่างช่วยไม่ได้ ก็เขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอเอง

“พี่หมอคะ มุกรู้ว่าพี่หมออยากมีลูก แต่ขอเวลาให้มุกอีกหน่อยได้ไหมคะ” เธอกลั้นใจพูดออกมา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยาหรอกนะ แต่เธอแค่ขอเวลาอีกหน่อยก็เท่านั้น

“ขอเวลา...” เขาเลิกคิ้วสูง พลางทวนคำพูดของเธอเมื่อสักครู่

“ค่ะ” มุกดาลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เธอกำลังทำใจดีสู้เสือ และก็หวังว่าเสืออย่างเขาจะให้เวลาแมวอย่างเธอบ้าง

“เท่าไหร่” เขาถามพร้อมกับยืนกอดอกจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธออย่างจับจ้อง

“หนึ่งเดือน”

“นานเกินไป พี่ให้มุกได้แค่อาทิตย์เดียว” ที่ลูคัสยอม ก็เป็นเพราะว่าเขาควรจะให้เวลากับมุกดาได้ปรับตัวบ้าง และที่สำคัญยังไงเขาก็เป็นต่อ เพราะนาธานน้องชายของเขายังหาเมียไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ก็ได้ค่ะ อาทิตย์เดียวก็ยังดี” มุกดาพูดออกมาเสียงเบา แต่ก็รู้สึกขอบคุณเขาที่ยังให้เวลากับเธอบ้าง ถึงเธอจะทำใจในเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่พอเวลานี้มาถึงจริงๆเธอก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี

ลูคัสเดินเข้าห้องแต่งตัวไป แล้วกลับออกมาที่เตียงนอนอีกครั้ง ด้วยชุดนอนแขนยาวขายาว เขานั่งลงบนเตียง จากนั้นก็เอนตัวนอนลงปิดไฟ เพราะเวลานี้มันก็ดึกมากแล้ว

“ขอแค่กอดได้ไหม” ลูคัสต้องการที่จะสร้างความเคยชินให้กับภรรยาของเขา และอ้อมกอดของเขานี่แหละจะทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย และในที่สุดเธอก็จะยอมในเรื่องนั้นกับเขาเอง นี่มันคือทฤษฎีง่ายๆที่เขาเคยเรียนหมอมา และหลังจากนี้เขาคงต้องใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาทำให้เธอยอมให้ได้ เพราะถ้าเร็วเท่าไหร่นั่นก็แปลว่าเขาจะได้มีลูกเร็วขึ้นเท่านั้น

“ได้สิคะ” เมื่อได้รับอนุญาตจากเธอแล้ว ลูคัสไม่รอช้าดึงเธอเข้ามากอดไว้หลวมๆ แล้วนอนคุยกันต่อจนเผลอหลับไป ด้วยความเหนื่อยล้าจากงานแต่งในวันนี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป