บทที่ 5 คนละฟากฟ้า (130%)
“ไงวะเพื่อน มีสาวสวยมาออดอ้อนไม่เคยห่างเลยนะแก” เคลวินแขวะมาร์โคด้วยความหมั่นไส้ ทันทีที่อีกฝ่ายเดินยิ้มเผล่เข้ามาหา
“แหงล่ะ ก็คนมันหล่อนี่หว่า ช่วยไม่ได้” มาร์โคไม่คิดจะปฏิเสธหรือโต้แย้งถ้อยคำที่เพื่อนตั้งใจกระแนะกระแหนเลยสักนิด แถมยังยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างแรง
“ไอ้ห่า หมั่นไส้คนหล่อว่ะ!” ราฟาเอลทนไม่ไหวจึงจัดไปให้เพื่อนรักหนึ่งดอก
“ระวังนะโว้ย แกจะได้สาวเฉิ่มมาเป็นเมีย” แดเนียลเปรยด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ไม่มีทาง ผู้หญิงมันก็ต้องแรงๆ สิครับไอ้คุณเพื่อน มันถึงจะซู่ซ่าถึงใจ ไม่แรงจะเอามาทำไม ถ้ายิ่งจืดชืดเป็นยาเย็นอย่าได้สะเออะมาเสนอตัวให้นายมาร์โค ดิมิเทียส คนนี้เชียว พ่อจะไล่ตะเพิดเข้าให้ ถ้าได้ผู้หญิงแบบนั้นมาทำพันธ์ฉันขอไปบวชดีกว่าว่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เพื่อน” มาร์โคยืนยันเสียงแข็งว่าไม่มีทางชายตาแลสาวเฉิ่มเบ๊อะแน่ แค่คิดเขาก็กระอักกระอ่วนเต็มทนแล้ว
“ฮะๆๆ แล้วฉันจะคอยดูแล้วกัน ว่าแกจะแน่ซักแค่ไหน” แดเนียลหัวเราะเสียงดังสนั่นให้กับท่าทางสยดสยองของไอ้เพื่อนตัวดี
“คนอย่างนายมาร์โค ไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนั้นอยู่แล้ว ยิ่งสาวเอเชียยิ่งขอบาย แค่คิดก็หมดอารมณ์แล้ว ให้ตายสิ!” สุดหล่อพูดด้วยท่าทางไม่ชอบใจ เพียงแค่กระหวัดคิดไปถึงว่าตนจะต้องควงสาวเอเชีย ตัวเล็กเหมือนคนเป็นโปลิโอ ไม่มีอะไรน่าพิสมัยเลยสักนิดในสายตาของเขา
“แต่ฉันได้ยินมาว่า คุณลุงจะจับคู่แกกับสาวเอเชียนี่หว่า แล้วจะรอดเร้อ…ไอ้เพื่อนยาก” ครั้นมาร์โคได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาไม่เคยสนใจจะถามถึงเธอคนนั้นด้วยซ้ำ และไม่ใส่ใจว่าเธอจะมาจากไหนและเป็นใคร
“เฮอะ…ไม่รู้อะไรซะแล้ว คนอย่างมาร์โคกลัวพ่อซะที่ไหนกัน” มาร์โคทำเสียงขึ้นจมูก นายมาร์แชลผู้เป็นบิดารบเร้าอยากให้เขาไปเจอกับลูกสาวเพื่อนท่านมานานแล้ว แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ แถมยังบอกพ่อว่าแค่เมียคนเดียวเขามีปัญญาหาเองได้ แต่ถ้าอายุครบสามสิบห้าแล้วพ่อยังไม่เห็นหน้าเมียเขา มาร์โคก็คงต้องทำตามเงื่อนไขที่พ่อวางไว้ โดยการแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนพ่ออย่างไม่มีข้อแม้
“เออ…ไอ้ลูกเทวดา!” เคลวินได้แต่แดกดันด้วยความหมั่นไส้เกินจะทนไหว
“ไอ้ขี้คุย เอาให้ชนะนะเว้ย พวกฉันรอเปิดแชมเปญอยู่” ราฟาเอลยักคิ้วให้ด้วยความท้าทาย พร้อมทั้งถือโอกาสอวยพรเพื่อนรักไปในตัว
“ไปยกขวดแชมเปญมารอเลยเพื่อน เพราะยังไงงานนี้ฉันก็ชนะขาดลอยอยู่แล้ว” คนมั่นใจในตัวเองสูงไม่ยี่หระต่อคำถากถางของเพื่อนรักเลยแม้แต่น้อย
“หมั่นไส้คนขี้โอ่ว่ะ รีบไปเถอะ ฉันรอดูแกวาดลวดลายแทบไม่ไหวแล้ว” แดเนียลตะโกนใส่หน้ามาร์โคด้วยความหมั่นไส้ พร้อมไล่ให้ไปที่สนามแข่ง เพราะเห็นว่าเวลาจวนจะมาถึงแล้ว
“เออ…แล้วทำไมวันนี้พวกแกไม่ลงแข่งด้วย หรือกลัวจะแพ้ฉันวะเพื่อน” มาร์โคเลิกคิ้วถามสามหนุ่มที่เหลือด้วยความแปลกใจ เพราะทุกครั้งทั้งสี่ต้องลงประชันฝีมือกันตลอดไม่เคยขาด ด้วยต่างก็คลั่งไคล้ความท้าทายผาดโผนเหมือนๆ กัน
“กลัวชนะแกน่ะสิไม่ว่า อวยให้ตัวเองดีจริงไอ้นี่” เคลวินแขวะคนหลงตัวเองเบาๆ
“ส่วนฉันเพลียว่ะ ไม่ไหวจะขับรถ เพราะเมื่อคืนดึกไปหน่อย” แดเนียลพูดด้วยท่าทางเนือยๆ พอสะสางงานเสร็จเขาก็สั่งให้ลูกน้องไปเรียกคู่ขามาทำให้เตียงอุ่นที่คอนโดทันที กว่าจะเสร็จสมอารมณ์หมายก็ปาเข้าไปเกือบสว่างคาตา ก็แม่เสือสาวออกจะร้อนแรงซะขนาดนั้น เขาก็เลยออกอาการเมื่อยล้าอย่างที่เห็น
“แล้วแกล่ะไอ้ราฟ ไม่เอาหน่อยเหรอวันนี้” มาร์โคหันไปถามราฟาเอลที่ยืนล้วงกระเป๋า ส่งยิ้มให้สาวพริตตี้นางหนึ่งอย่างไม่ค่อยจะสนใจบทสนทนาเท่าที่ควร
“งานนี้ฉันก็ขอบาย เพราะเพิ่งนั่งเครื่องกลับมาจากเวเนซุเอลาเมื่อวาน ยังไม่หายเหนื่อยเลยว่ะ” เจ้าพ่อค้าเพชรตอบด้วยสีหน้าเพลียๆ เพราะตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาต้องวิ่งรอกไปตรวจงานตลอด จนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน อยากหาสาวมาแนบกายใจจะขาดแต่ก็ไม่ว่างเอาซะเลย พอวันนี้มาเจอสาวสวยถูกใจก็เลยโปรยเสน่ห์ล่อเสียหน่อย
“โอเค งั้นฉันไปล่ะ” เมื่อเข้าใจในเหตุผลของการไม่ลงประลองฝีมือของเพื่อนซี้ในครั้งนี้ มาร์โคก็ถือหมวกกันน็อค แล้วตบท้ายด้วยเสียงห้าวทุ้ม
“โชคดีว่ะเพื่อน” ทั้งสามต่างอวยพรให้มาร์โค จึงได้รับการโบกมือและยักคิ้วบอกเป็นนัยว่าของมันแน่อยู่แล้ว ยังไงสนามนี้เขาก็ต้องเป็นเจ้าสนามให้ได้ เพราะสิ่งที่ท้าทายคือสิ่งที่คู่ควรกับคนอย่าง มาร์โค ดิมิเทียส เป็นที่สุด ยิ่งยากเขายิ่งอยากได้และก็ต้องได้มาครอบครอง
ร่างสูงสง่าที่เต็มไปด้วยความมาดมั่นและมาดแมนของมาร์โค ในชุดนักแข่งสีดำแถบแดงยืนคุยกับทีมงานอยู่ใกล้ๆ รถคันหรูคู่ใจ รถเเข่งของเขามีความโดดเด่นกว่ารถทุกคัน บวกกับตำแหน่งแชมป์ของสนามแห่งนี้สามปีซ้อน ทำให้มาร์โคเป็นที่สนใจของทั้งผู้ชมและเหล่าบรรดาสื่อมวลชน
ชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเพียงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นรถ ใบหน้าคมคายภายใต้แว่นกันแดดไม่ลืมที่จะเงยขึ้นมาโปรยยิ้มทรงเสน่ห์และโบกมือให้สาวๆ ที่ข้างสนาม ให้ได้ใจละลายไปตามๆ กัน และขยิบตาส่งไปให้ริชชี่อย่างมีความหมาย จึงได้รอยยิ้มเชิญชวนและท่าทางแสนเย้ายวนเป็นการตอบแทน เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยว่ารางวัลงามอยู่นี่ ท่าทางของหล่อนส่งผลให้เลือดหนุ่มสูบฉีดพลุ่งพล่านไปทั้งร่าง
แล้วการแข่งขันก็เปิดฉากขึ้น พอสาวสวยในชุดรัดรูปสีแดงเพลิงยกผ้าสีแดงชูขึ้นแล้ววาดลง เท่านั้นแหละ รถทุกคันก็พุ่งทะยานออกจากจุดสตาร์ตทันที เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ เสียงดอกยางครูดกับพื้นผิวถนนและกลิ่นควันยาง รถทุกคันในสนามต่างขับเคี่ยวกันด้วยความเร็วและแรงอย่างไม่มีใครยอมใคร ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรการแข่งขันยิ่งดุเดือดและชวนลุ้นระทึกขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ชมระดับกิตติมศักดิ์ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ทนไม่ไหวต้องวิ่งลงมาเกาะขอบสนาม เช่นเดียวกับกองเชียร์คนอื่นๆ
พอมาถึงโค้งสุดท้าย รถหมายเลขเก้าของมาร์โคกับรถคู่แข่งจากค่ายรถยนต์ดังก็เบียดบี้กันเพื่อจะเข้าเส้นชัย บรรดาผู้ชมทั้งหลายต่างพากันลุ้นระทึก รถทั้งสองคันต่างผลัดกันขึ้นนำ แล้วช่วงทางตรงก่อนจะเข้าเส้นชัยประมาณสองร้อยเมตร มาร์โคก็ตบเกียร์พุ่งทะยานแซงคู่แข่งเข้าเส้นชัยไปได้อย่างสวยงาม
จากนั้นเสียงกองเชียร์ก็เฮลั่นสนาม พร้อมปรบมือให้กับฝีมืออันเก่งกาจของแชมป์ในปีนี้ ทุกคนต่างพากันคิดว่า น่าอิจฉาคนอย่างมาร์โค ดิมิเทียส ยิ่งนัก ชายหนุ่มเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรกรีก แถมยังหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปซะทุกเรื่อง ช่างเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์อะไรเยี่ยงนี้ ให้ตายสิ!
