บทที่ 9 กามเทพไม่เคยหลับใหล (75%)
“ไม่จำเป็น อ้อ…อยากทำความรู้จักกับฉัน แล้วถามฉันซักคำหรือยัง ว่าอยากรู้จักนายหรือเปล่า และขอบอกไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน ว่าฉันไม่ได้อยากรู้จักนายเลยสักนิด” ยิ่งเขาใช้สายตาจาบจ้วงหยาบคายมองเธอ บุปผชาติก็ยิ่งโมโห กำหมัดน้อยเข้าหากันแน่น ใบหน้าละอ่อนแดงระเรื่อด้วยไฟโทสะ
ฝ่ายมาร์โคเห็นท่าทีอย่างนั้นก็ยิ่งพอใจ แม่หนูน้อยไม่เพียงหวานแต่เธอยังมีความร้อนแรงแฝงอยู่ แถมดูท่าสาวเฉิ่มของเขาจะทันคนซะด้วย เห็นท่าทางเรียบๆ นิ่งๆ ไร้เดียงสา และใสซื่อบริสุทธิ์อย่างนี้ ด่าแต่ละทีก็แทบหน้าชา คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่จะเอาเธอมาเป็นภรรยาในอนาคตอันใกล้ หนุ่มจอมเจ้าเล่ห์คิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
จากนั้นบุปผชาติก็ผลักอกหนาออกห่างกาย แล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมออกไปจากไอ้ฝรั่งสุดเถื่อนและแสนเผด็จการทันที เพราะเริ่มทนไม่ไหว อยากจะด่าทออีกฝ่ายมากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะด่าด้วยถ้อยคำไหนดี คิดคำด่าอันเจ็บแสบให้สมกับความหยาบคายของเขาไม่ออกเลยจริงๆ
ตั้งแต่เล็กจนโตบุปผชาติแทบจะไม่เคยด่าใคร เธอใสซื่อบริสุทธิ์ ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นลูกคุณหนูโดยแท้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพูดจาหยาบคาย และที่สำคัญเธอจะไม่ชอบทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจของใครในที่สาธารณชน ถึงแม้เธอจะดูนิ่งๆ ไม่ชอบตอแยกับใคร แต่ก็รู้เท่าทันคน สามารถตอบโต้ได้อย่างทัดเทียมหากเหลืออดจนทนไม่ไหว เฉกเช่นในกรณีนี้ เธอระงับอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ
วันนี้เขาทำให้เธอปรี๊ดแตกได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่คนอย่างบุปผชาติสามารถควบคุมอารมณ์ได้ในทุกสถานการณ์ แต่กับผู้ชายตรงหน้าทุกอย่างกลับเหนือความคาดหมาย เขาทำให้เธอเปลี่ยนจากคนพูดจาไพเราะกลายเป็นคนปากไว ถึงแม้ว่ามันจะดูขลุกขลักกระอึกกระอักไปบ้าง แต่เธอก็ยังพยายามที่จะด่าเขาให้ได้ กว่าจะด่าอีกฝ่ายออกมาได้แต่ละคำก็ต้องคิดแล้วคิดอีกจนหืดขึ้นคอ ซึ่งคำด่าเหล่านั้นล้วนจดจำมาจากในละคร ทำไมมันไม่ง่ายเหมือนแก้สมการคณิตศาสตร์นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงได้คำตอบเรียบร้อยโรงเรียนบุปผชาติไปแล้ว
“หึ หึ…มันไม่ยากเกินความสามารถของฉันหรอกสาวน้อย อีกไม่นานเธอต้องมาสยบแทบเท้าฉันแน่ แล้วเจอกันนะจ๊ะ เบบี๋ของนายมาร์โค” มาร์โคมองตามหลังร่างบอบบางไปจนสุดสายตา ขณะพึมพำออกมาคนเดียวอย่างยิ้มๆ พร้อมคิดแผนการขึ้นมาในหัวอย่างเสร็จสรรพ ว่าต้องเอาเธอมาเป็นของเขาให้ได้ในไม่ช้านี้ มันไม่ยากเกินอิทธิพลตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ของเขาไปได้หรอก แต่หารู้ไม่ว่าในอนาคตคนที่จะสยบอยู่แทบเท้าของอีกฝ่ายมันอาจจะเป็นตัวเขาเองก็ได้ จากเสือร้ายก็อาจกลายเป็นแมวเชื่องๆ เพราะฝีมือสาวเอเชียอย่างบุปผชาติ เพราะอนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว
พอกลับถึงบ้านมาร์โคก็รีบเอารูปเบบี๋ของเขา ซึ่งเคลวินแอบถ่ายไว้ในมือถือไปให้ลูกน้องคนสนิท แล้วออกคำสั่งให้อีกฝ่ายไปจัดการหาประวัติของเธอโดยละเอียดมาให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้ เพลย์บอยหนุ่มหมายมาดไว้ในใจว่าจะต้องรีบเอาตัวไปเสนอหน้าทำความรู้จักกับแม่หนูน้อยของเขาให้ลึกซึ้งกว่านี้ ถึงแม้เธอจะไม่อยากรู้จักกับเขาแต่เขาก็จะตามตื้อซะอย่าง…ใครจะทำไม!
ทำความรู้จักกันไว้ไม่เสียหลาย พอเธอมาดำรงตำแหน่งเมียเขาอย่างเต็มตัวแล้วจะได้ไม่เสียเวลามาทำความรู้จักกัน แต่เอาเวลาเหล่านั้นไปทำอย่างอื่นกับเธอแทน ตอนนี้ในหัวสมองอันชาญฉลาดคิดได้เป็นฉากๆ เชียวล่ะ ว่าจะทำอะไรร่วมกับเธอบ้าง ซึ่งแต่ละอย่างดีๆ และห่ามหื่นทั้งนั้น ช่างคิดเข้าข้างตัวเองดีแท้พ่อคนเจ้าเล่ห์และสุดแสนเอาแต่ใจ แล้วถ้าสาวเจ้าดันไม่เล่นด้วยสุดหล่อจะไม่เต้นเป็นเจ้าเข้าหรืออย่างไร
บริษัทดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป
วันนี้มาร์โคมาทำงานเช้ากว่าปกติ พอมาถึงบริษัทก็เรียกให้ลูกน้องคนสนิทเอาประวัติของแม่หนูน้อยมาให้ด้วยความใจร้อน อยากได้เธอมาแนบกายเร็วๆ เพลย์บอยหนุ่มได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ทั้งที่แต่ก่อนสองตาแทบไม่อยากจะแลสาวเอเชียตัวเตี้ยม่อต้อ ยิ่งเฉิ่มเชย ไร้รสนิยมในการแต่งตัวด้วยแล้ว เขายิ่งไม่คิดจะเฉียดร่างเข้าใกล้ให้กลิ่นบ้านนอกติดกายแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
แต่มาวันนี้ความรู้สึกของเขากลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มาร์โครู้สึกอยากใกล้ชิดสาวน้อยเอเชียที่ติดอยู่ในห้วงคำนึงใจจะขาด ความรู้สึกบ้าๆ กำลังทำให้เขาจะคลั่งเสียให้ได้ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตของชายผู้เพียบพร้อมเช่นมาร์โค ดิมิเทียส แต่วันนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
สิบนาทีต่อมา…เอกสารเกี่ยวกับประวัติของหญิงสาวก็มาอยู่ในมือของมาร์โคเป็นที่เรียบร้อย แล้วเขาก็ได้รู้ว่าแม่สาวใสวัยละอ่อนมีนามว่าบุปผชาติ ดิลกรัตนกุล หรือแก้ม อายุยี่สิบเอ็ดปี กำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเล็ก พ่อเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย เธอเป็นสาวน้อยจอมอัจฉริยะ ไอคิวสูงปรี๊ด เรียนจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี
“ให้ตายสิ! นี่แม่คุณเป็นคนหรือยอดมนุษย์ที่หลุดมาจากต่างดาวกันแน่วะ ทำไมถึงได้เก่งขนาดนี้” มาร์โคได้แต่อึ้งและทึ่งกับความสามารถอันหลากหลายของสาวน้อย จนต้องพึมพำอยู่คนเดียว ถึงหน้าตาและการแต่งตัวของเธอจะดูเฉิ่มเชย แต่หัวสมองเธอไม่ได้เชยเหมือนสารรูปเลยสักนิด เรียกว่าหัวกะทิเลยต่างหากล่ะ
ท่านประธานหนุ่มรู้สึกพึงพอใจกับข้อมูลส่วนตัวของสาวน้อยที่เขาได้รับ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น เพราะนึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีประวัติการทำงานของเธอเลย แล้วอีกฝ่ายมาทำอะไรกับแก๊งสุดเชยของเธอที่นี่กันนะ ความสงสัยใคร่รู้ทำให้เขาทนไม่ไหวจนต้องกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาหน้าห้องเข้ามาพบอีกครั้ง
ไม่นานเลขาหนุ่มร่างยักษ์ก็มายืนสงบนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของผู้เป็นเจ้านาย
“ไอ้รัสเซล ประวัติของบุปผชาติ ที่ฉันสั่งให้แกไปหามามีแค่นี้เหรอวะ?” เสียงนิ่งเอ่ยถามลูกน้องคู่ใจทันควัน
“ครับนาย ไม่ว่าข้อมูลจากสำนักไหนก็เหมือนกันหมดครับ” รัสเซลจนปัญญาจริงๆ ทั้งที่เขาพยายามเสาะแสวงหา แต่ประวัติของเธอที่ได้มาจากทุกที่ต่างเหมือนกันทุกตัวอักษรไม่มีผิดเพี้ยน
ทั้งสองหนุ่มไม่รู้ว่านายบริรักษ์พยายามใช้อำนาจเงินปกปิดประวัติของลูกสาว ปิดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ต้องการให้เธอเป็นจุดสนใจของใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดี
“แต่ฉันสงสัยว่าประวัติของเธอน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เพราะดูจากโปรไฟล์แล้วเธอไม่ธรรมดาเลยทีเดียว” มาร์โคไม่เชื่อหรอกว่าประวัติของสาวเจ้ามันจะสั้นขนาดนั้น หากไม่มีใครจงใจที่จะปกปิดมัน ยิ่งคนเก่งแบบเธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานด้วยแล้วมันยิ่งดูผิดปกติเข้าไปใหญ่
“นายจะให้ผมไปหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ” รัสเซลพยายามทำหน้าที่เลขาที่ดีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“อืม…ฉันอยากให้นายเอารูปนี้ไปให้นักสืบ และสั่งให้พวกนั้นคอยติดตามเธอ ดูว่าเธอมาทำอะไรที่ฝรั่งเศส เพราะฉันมั่นใจว่าเธอจะยังอยู่ที่นี่” มาร์โคเชื่อมั่นในสัญชาตญาณอันแรงกล้าของตัวเองเสมอ เพราะคนอย่างเขาไม่เคยมองอะไรพลาด และหากอยากรู้อะไรก็จะต้องพยายามให้ถึงที่สุด จนกว่าจะกระจ่างใจถึงจะหยุด
เมื่อคนสนิทออกไปจากห้องทำงานแล้ว เขาก็ได้แต่คิดว่าปิดได้ปิดไป แต่ด้วยอำนาจเงินที่เขามีและอิทธิพลของตระกูลดิมิเทียส จะทำให้เขาได้รู้จักเธออย่างลึกซึ้งในเร็ววันแน่ มาร์โคมั่นอกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แค่คิดว่าอีกไม่นานเขาจะได้เธอมาเคียงข้างกายก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างน่าประหลาด
