บทที่ 3 ตอนที่ 3

เจ้าสัวเอ่ยชม หมายถึงหล่อน ‘เก่ง’ เพราะว่าวิไลทำแบบนี้กับเจ้าสัวมาตั้งแต่ครั้งที่เริ่มใช้ชีวิตร่วมกันใหม่ๆ เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เจ้าสัวหลั่งน้ำรักเอาไว้ในปาก... วิไลจะกลืนกินทุกหยาดหยดของเขาจนไม่เหลือ

ในเวลาต่อมา

ขณะรถของเจ้าสัวกำลังเคลื่อนออกไปจากลานจอดรถที่หน้าบ้าน จู่ๆ สายตาก็พลันปะทะเข้ากับเรือนร่างสะดุดตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะเดินออกไปจากประตูบ้านพร้อมกับหญิงสาววัยกำดัด

เจ้าสัวย่นหน้าผากสงสัย ถ้าสังเกตจากหน้าตาสะสวยสะดุดตาซึ่งละม้ายคล้ายคลึง ก็พอจะเดาได้ว่าสองคนนี้ต้องเป็นแม่กับลูกอย่างแน่นอน

“นั่นใครน่ะ”

เจ้าสัวธนาถามลุงดำซึ่งเป็นคนขับรถประจำตัว

“อ๋อ... ผู้หญิงคนนี้มาสมัครเป็นคนรับใช้ครับนาย... แต่คุณชุลีไม่รับ”

ลุงดำกล่าวไปตามที่รู้มาจากปากของป้าชื่นผู้เป็นภรรยา

“อ้าว... ทำไมไม่รับ”

เจ้าสัวธนาสงสัย มองจนเหลียวหลัง ผู้หญิงคนนี้สวยสะดุดตาเหลือเกิน ผิวพรรณแลดูสะอาดสะอ้านเปล่งปลั่งหมดจดงดงาม

“นังชื่นเมียผมบอกว่าผู้หญิงคนนี้สวยเกินไป... ไม่เหมาะที่จะเป็นคนรับใช้ครับนาย”

ลุงดำกล่าวติดตลก เจ้าสัวพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลุงดำ

“ใช่... สวยจริงๆ ด้วย... หยุดรถ”

เจ้าสัวพึมพำ ก่อนจะสั่งเสียงดังจนลุงดำตกใจ

“เธอ... บ้านอยู่ทางไหน... ฉันจะไปส่งให้”

เจ้าสัวลดกระจกลงมาถาม ส่งยิ้มทักทายสองแม่ลูก

“อยู่ท้ายซอยในตลาดค่ะ”

ผู้หญิงคนนี้ชื่อคนางค์ หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทั้งที่รู้สึกเกรงใจคนที่อยู่บนรถหรูราคาหลายสิบล้าน แต่แสงแดดที่สาดความร้อนแรงจนแลเห็นสายเหงื่อไหลรินลงมาจากไรผมของลูกสาวหล่อน ก็ทำให้จำต้องติดรถของเจ้าสัวมาธนามาจนถึงตลาด

“เธอยังอยากทำงานมั้ย”

เจ้าสัวถามตอนที่คนางค์กำลังจะพาลูกสาวลงจากรถ

“งาน... ”

คนางค์อึกอัก

“ใช่... ก็เธอเพิ่งเข้าไปสมัครเป็นคนรับใช้ในบ้านฉัน”

“อ๋อ... ค่ะ อยากค่ะ... ”

คนางค์ตอบไม่อ้อม ทุกวันนี้ทางเลือกในชีวิตของหล่อนเหลือน้อยเต็มที่ หลังจากสามีเสียชีวิตลงด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกเพราะความเครียดเรื่องหนี้สินและโรมหัวใจรุมเร้า หล่อนกับลูกสาวก็ต้องต่อสู้ชีวิตกันมาอย่างยากลำบาก ไม่นานบ้านก็โดนยึด สุดท้ายต้องพาลูกระหกระเหินมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ อยู่ที่ท้ายซอยในตลาด

กระทั่งคนางค์ได้เจอกับป้าชื่นในวันหนึ่ง ป้าชื่นรู้สึกสงสารคนางค์กับลูกสาว เลยชักชวนให้มาสมัครงานเป็นคนรับใช้ในบ้านของท่านเจ้าสัว

“โอเค... ถ้าเธออยากทำงาน พรุ่งนี้มาทำได้เลย”

เจ้าสัวสรุปสั้นๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสะสวยและทรวงอกอวบใหญ่ของคนางค์

“ท่านพูดจริงหรือคะ”

คนางค์ตกใจ

“จริงสิจ๊ะ... ”

เจ้าสัวตอบเสียงหวาน คนางค์รีบยกมือไหว้

“ขวัญ... ไหว้ท่านสิจ๊ะ ลูก”

คนางค์หันมาสะกิดบอกลูกสาวซึ่งมีชื่อจริงว่า ‘พลอยขวัญ’ หญิงสาวรีบยกมือไหว้ท่านเจ้าสัวธนา

“ชื่อขวัญหรือเรา... ”

เจ้าสัวยิ้มเอ็นดูสาวน้อยใบหน้าสะสวย ถอดรูปมาจากคนางค์ผู้เป็นมารดาไม่มีผิดเพี้ยน

“หนูชื่อพลอยขวัญค่ะ”

หญิงสาวตอบ จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันก้าวลงจากรถ ยืนมองส่งจนรถเบนซ์คันหรูสีทองอร่ามวิ่งฝ่าไปท่ามกลางประกายแสงแดดของยามสาย กระทั่งลับไปจากสายตา คนางค์จึงหันมากล่าวกับลูกสาว

“หนูจะได้เรียนจนจบอย่างแน่นอน... ถ้าได้ทำงานที่บ้านเจ้าสัว แม่ก็จะมีเงินเดือนมาจ่ายค่าเทอมให้หนู”

เสียงของคนางค์มีความหวัง เอื้อมมือข้างหนึ่งมาแตะแขนของพลอยขวัญผู้เป็นลูกสาว

วันนี้โชคเข้าข้างหล่อน ใครเลยจะคิดว่าความหวังที่ริบหรี่ลงไปแล้วเมื่อครู่ หลังจากภรรยาของท่านเจ้าสัวปฏิเสธที่จะรับหล่อนเข้าทำงาน จู่ๆ ก็เหมือนมีแสงเรืองรองของความหวังผุดวาบขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความกรุณาปราณีของเจ้าสัวธนาผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์

วันรุ่งขึ้น

คนางค์มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวธนาตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนั้นเจ้าสัวยังไม่ออกไปทำงานเลยด้วยซ้ำ

ป้าชื่นไม่ตกใจ ที่เห็นคนางค์มาทำงาน เพราะว่าลุงดำผู้เป็นสามีเล่าเรื่องคนางค์ให้ฟังแล้ว แต่คนที่ตกใจกลับกลายเป็นชุลีภรรยาของเจ้าสัว

“เมื่อวานฉันคิดว่าได้พูดชัดเจนแล้วนะว่าไม่รับ”

ชุลีเสียงแหว เดินลิ่วออกมาจากห้องรับแขกเมื่อเห็นป้าชื่นกำลังพาคนางค์เดินแนะนำให้รู้จักส่วนต่างๆ ของบ้าน แจกแจงงานซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบของคนใช้

“รับค่ะ... เจ้าสัวเป็นคนรับค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป