บทที่ 4 ตอนที่ 4

ป้าชื่นเล่าให้ชุลีฟัง ว่าเรื่องราวมีความเป็นมายังไง วันนี้จึงเห็นคนางค์มาเริ่มงานแต่เช้าตรู่

“บ้าจริง... ทำแบบนี้เท่ากับคุณท่านไม่ไว้หน้าฉัน”

ชุลีกำมือแน่น โกรธสามี ทั้งที่รู้ว่าการตัดสินใจของเจ้าสัวถือเป็นเด็ดขาด ภายในบ้านหลังนี้ใครจะขัดคำสั่งของเจ้าสัวไม่ได้

ชุลีออกอาการกระฟัดกระเฟียดหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด สายตาขุ่นข้องจ้องมองคนางค์ที่ยืนงุดหน้าไม่ยอมสบตาหล่อนเพราะความกลัว

“เจ้าสัวนะเจ้าสัว... ทำแบบนี้เท่ากับฉีกหน้าฉัน”

ชุลีมองหน้าคนางค์ด้วยสายตาเอาเรื่อง ทว่าไม่ทันได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น เสียงเข้มของผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“ฉันไม่ได้ฉีกหน้าใครทั้งนั้น... ก็เธอบอกเองไม่ใช่หรือ... ว่าอยากได้คนรับใช้เพิ่ม... ฉันก็รับให้แล้วนี่นา เรื่องแค่นี้ทำไมต้องโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่”

เจ้าสัวว่า

“ก็... ”

ชุลีเกือบจะโพล่งออกมาแล้วว่า ‘ก็ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา’ ใบหน้าของหล่อนสะสวย ผิวพรรณขาวสะอ้าน  ทรวดทรงองค์เอวก็อวบอัดเย้ายวนเหลือเกิน ถ้าเป็นคนอื่นชุลีคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้

“ชุลีไม่เอา... ”

นิสัยดื้อรั้นชอบเอาชนะคน ทำให้ชุลีรีบส่ายหน้า ทอดสายตามองข้ามศีรษะของคนางค์ราวกับว่าหล่อนไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

และคำพูดของเจ้าสัวที่เอ่ยออกมา ก็ทำให้ชุลีรู้ว่าหล่อนทำพลาดอย่างแรงที่ปฏิเสธคนางค์

“เธอไม่เอาแต่ฉันเอา... งั้นให้คนางค์มาคอยรับใช้ฉันที่เรือนใหญ่ก็แล้วกัน... จากนี้ไปฉันขอประกาศให้ไอ้อีในบ้านหลังนี้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกัน ว่าคนางค์เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของฉัน... ใครยังข้องใจอะไรอีกไหม?”

คำสั่งของเจ้าสัวถือเป็นเด็ดขาด

“ฮึ... ”

ชุลีกำมือแน่น ตวัดสายตามองคนางค์ รู้ว่าหล่อนพลาดเอง ที่ด่วนปฏิเสธโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ  เพราะการไม่ยอมรับเอาคนางค์ไว้รับใช้... ก็เท่ากับโยนเนื้อไปให้เสือร้ายอย่างเจ้าสัวธนาผู้เจ้าชู้และมักมากในกาม ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าผู้ชายบ้านนี้หื่นกันทั้งบ้าน

“ป้าชื่นช่วยจัดการเรื่องห้องพักให้ที”

เจ้าสัวสั่ง

“เอ่อ... ดิฉันจะต้องนอนค้างคืนที่นี่ด้วยหรือคะคุณท่าน”

คนางค์ตกใจ

“เธอติดปัญหาอะไรรึ?”

คิ้วสีดำเป็นแพดกหนาของเจ้าสัวธนาชิดเข้าหากัน

“ถ้ามาค้างคืนที่นี่ดิฉันจะต้องทิ้งลูกสาวไว้ที่บ้านเช่าคนเดียวค่ะ... ดิฉันเป็นห่วงลูกสาวค่ะ”

คนางค์บอกเหตุผล

“งั้นก็พาลูกสาวย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่... จะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าห้องพัก เพราะว่าบ้านที่เธอกับลูกเช่าอยู่ในตอนนี้สภาพก็ไม่ปลอดภัยเลยนี่นา... มีแต่พวกขี้เหล้าขี้ยาเต็มไปหมด”

คนางค์ตกใจว่าเจ้าสัวธนารู้ได้อย่างไร ว่าหล่อนกับลูกอยู่กันยังไง?  หารู้ว่าที่เจ้าสัวรู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าแอบสั่งให้ลุงดำไปสืบจนรู้เรื่องราวของคนางค์ละเอียดยิบ

“ขอบคุณมากค่ะคุณท่าน”

คนางค์ยกมือไหว้ ครู่ต่อมาเจ้าสัวก็ออกไปทำงาน ปล่อยให้ป้าชื่นพาหล่อนเดินชมบ้านเพื่อให้รู้จักแต่ละส่วนของบ้าน

“คุณชุลีจะว่าอะไรไหมคะป้า?”

สุ้มเสียงของคนางค์บอกความกังวล ดูก็รู้ว่าเมียใหญ่ของท่านเจ้าสัวไม่ชอบหน้าหล่อนตั้งแต่แรกเห็น

“คำสั่งของเจ้าสัวถือเป็นเด็ดขาด... อย่าไปสนใจคุณชุลีเลยค่ะ รายนั้นอยู่ห่างเข้าไว้เป็นดี ถ้านางไม่เรียกใช้จำไว้ว่าอย่าเฉียดกรายเข้าไปใกล้เรือนของคุณชุลีเป็นอันขาด”

ป้าชื่นเตือนพลางชำเลืองมองไปทางเรือนหลังรองที่อยู่ทางปีกขวา ส่วนเรือนทางซ้ายมือเป็นของวิไลซึ่งเป็นภรรยารอง

“ป้าชื่นคะ”

คนางค์มีเรื่องข้องใจอยากถาม

“คะ... ”

ป้าชื่นมองหน้าคนางค์ ตอนนั้นจึงเห็นว่าสายตาของหล่อนให้ความสนใจอยู่กับเรือนไม้สักหลังใหญ่อีกหลัง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนบริเวณด้านหลังคฤหาสน์

“แล้วเรือนไม้ที่มีซุ้มกระดังงาปลูกล้อมอยู่ทางด้านหลังโน่น... มีคนอยู่ไหมคะ?”

“อ๋อ... หลังนั้นเป็นเรือนของนายใหญ่”

ป้าชื่นตอบ

“นายใหญ่คือใครคะ?”

หัวคิ้วของคนางค์ชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“นายใหญ่ก็คือคุณพจน์ ท่านเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของท่านเจ้าสัวธนา... ตอนนี้ท่านชรามากแล้ว... อายุเกือบเจ็ดสิบ... เดินไม่ค่อยไหวแล้ว”

ป้าชื่นกล่าว

“แล้วใครดูแลท่านคะ”

ดูเหมือนว่าคนางค์ยังไม่หายสงสัย

“มีพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลค่ะ”

ป้าชื่นตอบ

ที่บ้านเช่าของคนางค์

คนางค์กลับมาที่บ้านของตัวเองในตอนใกล้ค่ำเพื่อเตรียมเก็บข้าวของที่จำเป็นบางส่วน เพราะว่านับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หล่อนจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเจ้าสัวธนา ตอนนี้จึงต้องบอกคืนห้องเช่า ข้าวของบางส่วนหล่อนตั้งใจว่าจะกลับมาเก็บอีกทีตอนสิ้นเดือน

“อะไรนะ... เอ็งกับลูกจะไม่อยู่ที่นี่แล้วรึ”

ไอ้เดชผู้เป็นเจ้าของบ้านเช่าถามด้วยสีหน้าตกใจ

“จ้ะพี่เดช”

คนางค์ตอบ

“แล้วเอ็งจะไปอยู่ไหน”

ไอ้เดชอยากรู้

“ฉันจะไปทำงานที่บ้านเจ้าสัวธนาจ้ะ”

คนางค์ตอบตามตรง

“เสียดาย... ”

เจ้าของบ้านเช่าทำหน้าผิดหวัง สายตายังจับจ้องเรือนร่างเอิบอิ่มของคนางค์ไม่วางตา

“วันนี้ป้าแดงไม่อยู่หรือจ๊ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป