บทที่ 4 บทที่ 4
“พ่อชลาทิศ ไปยังไงมายังไงกันล่ะจ๊ะนี่ ถึงได้มาที่นี่ได้” มารดาของศศิวิมลทักทายชายหนุ่มอย่างสนิทสนม
“ผมผ่านมาแถวนี้น่ะครับ ก็เลยแวะเข้ามาเยี่ยม” รอยยิ้มอ่อนโยนของชลาทิศทำให้สาวน้อยที่อยู่บนเตียงคนไข้ตาลาย
“เหรอจ๊ะ แหมดีจริง น้ายังไม่ได้ขอบใจพ่อชาร์ลเลยตั้งแต่วันนั้น ได้แต่โทรไปคุยกับแม่เรา ถึงวีรกรรมของลูกชายที่น่ายกย่อง”
“แหม คุณน้าครับ ไม่ใช่วีรกงวีรกรรมอะไรหรอกครับ ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็คงต้องทำอย่างผม แต่บังเอิญคนที่ผมช่วยไว้ เป็นลูกสาวของคุณน้าศศิมณี และคุณอาศุภกฤษเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มปรายตาคมหวานมายังสาวน้อยที่อยู่บนเตียงคนไข้นิดนึง
“นั่นแหละที่เป็นความโชคดีของยัยหนู และของครอบครัวเราที่คนๆ นั้นคือพ่อชาร์ล แต่เอาเป็นว่าวันนี้ชาร์ลว่างรึเปล่าล่ะลูก น้าอยากเชิญไปทานมื้อเย็นกันที่บ้าน ถือว่าเป็นการเลี้ยงปลอบขวัญยัยหนูด้วย”
“เอ่อ... ผมต้องขอโทษคุณน้าและคุณอาด้วยนะครับ วันนี้ผมคงไม่สะดวกเพราะผมต้องกลับไปเคลียร์งานเอาไว้ เพื่อจะต้องเดินทางไปควบคุมงานที่อิตาลี 4 ปีน่ะครับ”
“อ้าว... เหรอ นี่เราเพิ่งจะได้เจอกันแท้ๆ เชียวนะ น่าเสียดายจริงๆ”
“เอาไว้ผมกลับมาเมื่อไหร่ จะรีบไปเยี่ยมคุณอากับคุณน้าเลยนะครับ”
พูดจบ ชลาทิศก็หันหน้าไปมองคนป่วย ที่นั่งมองคนโน้นคนนี้คุยกันอย่างเงียบๆ
“อ้าว... ลืมซะสนิทเลย ว่าพ่อชาร์ลมาเยี่ยมน้อง เชิญจ้ะเชิญ ตามสบายเลยนะ เดี๋ยวน้ากับอาศุภกฤษจะไปเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่าย ก่อนออกจากโรงพยาบาลซะหน่อย”
“ครับ”
ชลาทิศก้าวเข้าไปใกล้เตียงคนป่วย เขาส่งยิ้มให้เด็กสาวหน้าใส และได้ทันเห็นแก้มเนียนซับสีชมพูระเรื่อขึ้นได้อย่างน่ารัก
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ หืม... คนเก่ง วันนี้ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วสินะ” เสียงทุ้มถามอ่อนโยน
“เสียดายจัง ที่พี่ชาร์ลคงไม่มีโอกาสได้คุยกับหนูจันทร์อีกนานเลยล่ะ นี่คุณแม่บอกพี่นะว่าหนูจันทร์จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ไม่งั้นพี่คงไม่ได้พบหนูจันทร์อีกนาน”
ศศิวิมลได้แต่ฟังคำพูดที่แสนจะอ่อนโยนนั่น และมองสบตาคมหวาน ทุกอย่างที่ประกอบเป็นชายหนุ่ม สาวน้อยได้เก็บบันทึกไว้ในหัวใจดวงน้อยๆ หมดแล้ว ที่เธอไม่พูด ก็เพราะใจที่เต้นระทึก จนเกรงว่าเขาจะได้ยิน หัวใจของศศิวิมลเต็มตื้นกับคำพูดหวานๆ นั่น จนไม่จำเป็นต้องขยับปากเพื่อบอกให้รับรู้เลย
ชลาทิศยกมือหนาขึ้นลูบเส้นผมสลวยอย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วแกร่งปัดปอยผมออกไปให้พ้นดวงหน้าหวานล้ำนั้น กิริยาทุกอย่างที่เขาทำเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ราวกับกลัวเธอจะแตกหัก
“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคนดี พี่ชาร์ลเป็นห่วงหนูจันทร์มากนะ แต่พอรู้ว่าหนูจันทร์ไม่เป็นอะไรมาก พี่ชาร์ลก็ดีใจ พี่ชาร์-ลคงต้องไปแล้วนะจ๊ะ”
โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากอุ่นจัดของชลทิศ ก็แนบลงไปที่หน้าผากมนของศศิวิมล อย่างแผ่วเบา
“พี่ชาร์ลลาก่อน แล้วเราคงได้เจอกันเมื่อพี่ชาร์ลกลับมา”
แล้วชลาทิศก็ออกจากห้องไป ทิ้งให้สาวน้อยจมอยู่กับสัมผัส ที่เขาทำราวกับแค่การ กู๊ดไนท์คิสน้องสาวเท่านั้น แต่เขาจะล่วงรู้หรือไม่ว่าเขาได้เข้ามาอยู่ในหัวใจดวงน้อยเต็มทั้ง 4 ห้องแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้สี่ปีกว่าแล้ว แต่ศศิวิมลก็ยังไม่ได้พบเจอชลาทิศอีกเลย
“ว่ายังไงจ๊ะภา เรียกหนูจันทร์ทำไมเหรอ”
ศศิวิมลถามเพื่อนรักเสียงหวาน
“แหม แค่นี้หนูจันทร์ก็ลืมแล้วเหรอ ก็เมื่อเช้าหนูจันทร์บอกกับภาว่าวันนี้จะไปหาซื้อเสื้อผ้าด้วยกันไง ที่ไหนได้หนูจันทร์ดันกลับซะก่อน”
“อ้าว... ตายแล้วหนูจันทร์ขอโทษนะ หนูจันทร์ลืมซะสนิทเลยว่านัดภาเอาไว้”
“ก็ใช่นะสิ เธอนี่ลืมเพื่อนได้ลงจริงๆ”
“โอ๋ โอ๋ แต่ช้าแต่น่า ภาจ๋า... ถึงหนูจันทร์จะลืม แต่หนูจันทร์ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ไปนี่นา”
“เย้ งั้นแสดงว่าหนูจันทร์จะไปกับภาใช่ไหม”
“ชัวร์อยู่แล้ว”
และสองสาวเพื่อนซี้ก็เดินควงแขนหัวเราะกันไปอย่างสนุกสนาน ไม่รับรู้ว่าบัดนี้มีรถยนต์สปอร์ตคันหรูจอดอยู่ใกล้ๆ กับที่สองสาวยืนอยู่เมื่อครู่ ดวงตาหวานของคนในรถมองตามร่างอวบอิ่มของศศิวิมลไปจนลับตา
ชลาทิศเฝ้ามองหนูจันทร์ที่มหาวิทยาลัยทุกอาทิตย์ ตั้งแต่ที่เขากลับจากอิตาลี มารดาบอกว่าหนูจันทร์ยังไม่มีใคร นั่นทำให้หัวใจของเขาพองโตกว่าตอนที่อยู่ในอิตาลี ซึ่งเขาคิดว่าคนสวยน่ารักอย่างหนูจันทร์คงมีใครจับจองเป็นเจ้าของแล้ว แต่คำบอกเล่าของมารดาก็สร้างความยินดีอย่างยิ่งให้กับชายหนุ่ม เขายังไม่เปิดเผยตัวกับหนูจันทร์ตอนนี้ เพราะเกรงว่าเมื่อได้เห็นหน้าและอยู่ใกล้ๆ จะอดใจไม่ได้ จนเผลอทำอะไรเหมือนตอนที่หนูจันทร์อยู่โรงพยาบาล เขาอยากให้หนูจันทร์เรียนจบก่อน จึงได้แต่แอบเฝ้ามองอยู่ไกลๆ แบบนี้ แต่อีกไม่นานหรอก วันของเขาก็คงมาถึง
“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...” เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้ความคิดของชลาทิศต้องมีอันสะดุดลง
“ครับ”
“ชาร์ล นายอยู่ไหน” เสียงทุ้ม แต่ทรงอำนาจของชวนนท์ดังขึ้น
“เอ่อ... ผมมาทำธุระส่วนตัวนิดหน่อยน่ะครับ พี่ฌอห์นมีอะไรเหรอครับ”
“นายจะเข้าบริษัทอีกไหม ฉันมีบางอย่างจะให้นายช่วย”
“เรื่องงานรึเปล่าครับ”
“ไม่ใช่”
