บทที่ 15 บทที่4.บรรณาการหวานระอุ 3
ใบบัวอ้าปากพะงาบๆ ตะครุบงับอากาศจากภายนอก เมื่อไม่สามารถสูดลมหายใจเข้าปอดได้ทัน... ทรวงอกอวบอัดไหวสะเทือน ร่างกายของเธอล่องลอยเหมือนปุยนุ่น...ลอยละล่องคว้างอยู่กลางอากาศ มันหวิวไหวสลับกับวูบวาบเป็นความตื่นตา ปนเปไปกับความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักและพบเจอ เธอไม่เห็นรู้สึกเช่นนี้เลย ตอนที่ถูกพัฒนะแตะต้อง ฝ่ามือของเขาน่าขยะแขยง เธอรังเกียจเสียจนแทบน้ำตาไหล
“ปะ ปล่อยค่ะ” จู่ๆ ใบบัวก็ตัวเกร็ง เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมอง และรีบกระทดตัวหนี
“ไม่ทันแล้วล่ะคนสวย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงแข็ง เขาพลิกตัวคร่อมร่างเปล่าเปลือย พร้อมทั้งเสียดสีร่างกายร้อนผ่าวกับผิวหนังชื้นเหงื่อของหญิงสาว อุ้งมือแข็งเกร็งขยุ้มเนินทรวงอวบอัด เขาบีบบี้...และกอบกุม หันเหความตกใจของใบบัว ฟาบริซกระแทกริมฝีปากปิดปากอิ่ม...เขาบดจูบแรงๆ และพยายามดึงดันความแข็งขึงเข้าไปใกล้ๆ ความชุ่มชื่น
ใบบัวหลงเคลิ้มไปกับความวาบหวาม มารู้สึกตัวอีกที... ก็ตอนที่รู้สึกเหมือนถูกฉีกกระชากร่างกายเป็นชิ้นๆ มันเจ็บร้าวแปลบปราบตลอดตั้งแต่หน้าขาเพรียว จนถึงกึ่งกลางร่างกาย!! เจ็บจนต้องเผยอปากครางเสียงแหบแห้ง...
“เจ็บ...ค่ะ ฉันเจ็บ” เสียงสั่นพร่า กับมือเล็กๆ ที่พยายามผลักดันลำตัวของเขา เธอเกร็งตัวและพยายามจะหุบหน้าขาให้เบียดชิดกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมขยับเข้ามาได้ลึกมากกว่าเดิม
“ชูว์...” ฟาบริซเองก็กำลังแย่ เขารู้สึกเหมือนถูกรัดแน่นจนแทบหายใจ หายคอไม่ออก แม้แต่การขยับตัวยังทำได้อย่างยากลำบาก เสียงกระซิบปลอบจึงแหบปร่า และหยุดชะงักการเดินหน้า เพื่อให้คนใต้ร่างได้ปรับตัว จนกว่าเธอจะชินกับสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ่โตอลังการ
เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผากกว้าง...กว่าจะพ้นวิกฤตของความเจ็บเจียนตายเช่นนี้ได้ ตัวเขาคงระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
แต่ผลตอบรับหลังที่ร่างกายของใบบัวคุ้นชิน ฟาบริซแทบขาดใจตายเพราะรสพิศวาสที่เขาได้รับตอบกลับมา ชายหนุ่มเกือบกระอักความสุข เพราะความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่ ทั้งอิ่มเอิบ ซาบซ่าน และปริ่มเปรม
“อา...” เสียงกรีดร้องยาวเหยียดของคนตัวเล็กใต้ร่าง แสดงให้เขารู้ว่าเธอกระโจนไปถึงจุดหมายปลายทางสำเร็จด้วยดี เรือนกายอวบอุ่นกระตุกสั่น และเมื่อนั้นก็ควรถึงเวลาที่เขาต้องปลดปล่อยเสียที ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขาโถมเข้าใส่ใบบัวสุดแรงกำลัง ทุกหยาดหยดของเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย เสือกเสยแก่นกายลงไปเน้นๆ และกระโจนตามหญิงสาวไปติดๆ...พร้อมกับการระเบิดพร่างพรายแบบสุดโต่ง...
“อ๊าคคค...”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ หอบกระชั้นไปทั้งลำตัว แผงหน้าอกแน่นตึงยุบวาบ เมื่อเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดกับการโรมรันกับหญิงสาวใสซื่อที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟบัลลัยกัลป์!
ฟาบริซทิ้งตัวนอนหงาย เขากระตุกผ้าคลุมเตียง ตลบขึ้นไปคลุมหญิงสาวที่รีบขดตัวเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง เธอตัวสั่นและสะอึกสะอื้น...จนชายหนุ่มรำคาญสุดจิต เขาไม่ใช่ผู้ร้ายบ้ากามที่กระทำชำเราหล่อน จะเสียใจอะไรหนักหนา ก็แค่เสียตัว...ตอนที่คลุกเคล้ากันก็เห็นดีดดิ้นไม่หยุด พอเสร็จสรรพสมใจหมาย จะร้องแล่ แห่กระเซิงเพื่ออะไร? เขากระเด้งตัวผุดลุกขึ้นยืน...คว้าชุดคลุมขึ้นมาสวมบนร่างกายลวกๆ พร้อมทั้งกรรโชกเสียงเข้ม
“ฉันไม่ใช่ผู้ชายบ้ากามที่ข่มขืนเธอนะ... หยุดร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญฉิบ!”
ชายหนุ่มโวยวายจนพอใจ จึงกระแทกเท้าเดินปึงปังจากไป เขาทรุดนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์รินน้ำสีอำพันลงในแก้วคริสตัลแล้วจึงยกขึ้นกระดกใส่ปากอักๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนร้องไห้หลังจากอิ่มเอมรสสวาทกับเขา พึ่งจะมีใบบัวเป็นคนแรก ยัยเด็กนั่นทำให้เขาเสียเซลฟ์!
หญิงสาวสะอื้นไห้ เธอกัดกระพุ้งแก้มและกลั้นเสียงร้องกระซิกๆ จนตัวสั่น แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังรู้
คนใจร้ายนั่นด่ากราดเธอ แล้วก็เดินหนีไป ทิ้งให้เธอเจ็บแทบตายอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวหวาดกลัวตัวเอง เธอลืมตัวและเดินตามการนำของอีกฝ่าย หลงลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น สนองตอบแบบไม่หวั่นเกรง และแบบไร้ยางอาย เสียงครางแผ่วหวิวยังดังติดหู เธอไม่อยากจะคิดว่านั่นคือเสียงของ ‘ตัวเอง’
ใบบัวนอนน้ำตาริน เพลียจนหลับไปแบบไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าหลังจมอยู่ในนิทราแสนสุขปนคราบน้ำตานั่น เงาร่างตะคุ่มๆ ย้อนกลับมา เขาเมามายพอสมควร แต่ก็ยังฝืนใจเดินโซเซกลับมา ทอดกายนอนเคียงข้างเธอ บ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง...แต่กลับกอดกระชับใบบัวแน่นขึ้นกว่าเดิม...
