บทที่ 9 บทที่3.การเผชิญหน้าครั้งแรกกับผู้ชายใจโหด 2
หญิงสาวดับไฟในร้านขนมหลังจากทำงานเสร็จ เธอจูงจักยานก่อนจะปั่นกลับบ้านสุขแสวง ยามกลางคืนที่ดึกสงัด มีแสงไฟสลัวๆ ข้างทางพอให้แสงสว่าง ใบบัวชินเสียแล้วกับความมืดสลัว เธอปฏิบัติตัวเช่นนี้มาหลายปีดีดัก ไม่มีภัยอันตรายเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวแทบจะไม่มีของมีค่า
รั้วเหล็กถูกดันให้เปิดเบาๆ มีเสียงครืดคราดดังขึ้นนิดหน่อย เพราะสนิมที่เกาะอยู่ทำให้กลไกต่างๆ ฝืดเคือง แต่ก็เงียบลงไปเมื่อใบบัวเดินผ่านเข้ามาด้านใน เธอจูงจักยานประจำตำแหน่งไปพิงไว้ข้างหลังบ้าน ตักน้ำในตุ่มหลังครัว ล้างมือและล้างเท้า แล้วจึงค่อยๆ เดินทอดน่องไปยังส่วนที่พักของตัวเอง
เพิงที่ต่อเติมเพิ่มจากพนังครัวออกมา พอให้ใช้ซุกหัวนอนได้ ถูกสร้างขึ้นหยาบๆ กันลม กันฝน กันแดดได้พอควร เธออยู่ในที่พักแห่งนี้มาตั้งแต่คุณลุงไปรับตัวมา อาศัยซุกหัวนอน หญิงสาวกดเปิดพัดลมเครื่องเล็ก เมื่ออากาศรอบตัวระอุร้อน เธอผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกไปอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนบางคลุมหัวไหล่ ขณะที่เปิดประตูห้องออกไปด้านนอก เมื่อห้องน้ำ ห้องท่าถูกสร้างแยกไว้อีกที่ สำหรับคนใช้ทำธุระส่วนตัวรวมถึงเธอด้วย
สายลมเย็นๆ ยามดึกพัดเย็นสบาย ใบบัวรีบสืบเท้าเร็วๆ เธอยังมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง ต้องรีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพราะพรุ่งนี้เธอจะต้องเปลี่ยนที่นอน ตามที่แจ่มจันทร์ขอร้องไว้
ประตูสังกะสีที่เกือบผุ เนื่องจากน้ำกัดกร่อนจะเป็นสนิม เธอเปิดประตู เอื้อมมือเปิดไฟฟ้า รีบปลดผ้าคลุมตัวแขวนไว้ที่ราวไม้เก่าๆ หันมาปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนา แม้จะไม่มีใครอยู่ด้านนอก แต่ก็จำเป็นต้องระวังตัว ผ้าถุงเก่าๆ ถูกถอดออกจากร่างกาย พาดทับไว้ที่ผ้าเช็ดตัวผืนบาง เอื้อมหยิบขันน้ำและตักน้ำเย็นๆ ราดบนร่างกาย หญิงสาวคลี่ยิ้มอ่อนๆ เมื่อความเย็นสดชื่น ช่วยให้คลายความเมื่อยล้า...
แต่...ใบบัวไม่รู้ว่าด้านนอกนั่น! มีใครบางคนย่องออกมาจากเงามืด มันเดินจรดฝีเท้าที่เบากริบ สอดส่ายสายตามองหาช่องที่พอจะมองรอดเข้าไปด้านในห้องน้ำผุๆ พังๆ นั่นให้ได้ มุมปากบางเฉียบกระตุกยิ้ม แสงสว่างจากด้านในส่องรอดออกมา มันจึงเดินไปหยุดและโน้มตัวลงสอดสายตามองด้านใน
ดวงตาของมันถลนปูดโปน เมื่อมองเห็นด้านในชัดๆ เต็มสองตา ใบบัวยืนพริ้มตาหลับอยู่กลางห้องน้ำ เธอกำลังล้างเนื้อตัวด้วยน้ำใสสะอาด ผิวกายเนียนละเอียดขาวผ่อง โนมเนื้อเต่งตึงชวนมอง เต่งเต้าตั้งชูชัน ปลายจะงอยถันสีระเรื่อตั้งเต่ง มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่วร่างกาย ยิ่งสายตาของเขาลดลงต่ำๆ มันแทบจะสะดุดลมหายใจตัวเอง เมื่อความงดงามที่ส่องเห็นนั้น ใบบัวเปรียบเหมือนมักรีผลที่สุกงอม และพึ่งหลุดออกจากขั้ว ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายจนแทบจะไหลริน
พัฒนะกลืนน้ำลายลงคอเอือกๆ เขายืนตัวเกร็ง กดใบหน้าแนบสังกะสีเพื่อให้มองเห็นด้านในให้ชัดถนัดตามากขึ้นกว่าเก่า แต่ตรงจังหวะที่ใบบัวหมุนตัวกลับ เขาจึงเห็นแค่ด้านหลังของเธอ แก้มก้นเต่งๆ อวบๆ เรียวขาเพรียวยาวที่สวยชวนมอง ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ เขานึกปราบปลื้มในใจ ความสวยสดที่เห็นตรงหน้านี่ อีกไม่กี่นาที่เขาจะได้ชื่นชมด้วยสองตา และสองมือ ชายหนุ่มคาดการณ์ล่วงหน้า ค่ำคืนนี้คงเป็นแดนสวรรค์สำหรับเขา เมื่อใบบัวสวยสะคราญเกิดคาด เธอซ่อนความยวนตาไว้ด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ โทรมๆ
หญิงสาววางขัน เธอคว้าผ้าเช็ดตัวแห้งๆ มาเช็ดถูตามตัวเพื่อไล่คราบน้ำ ตลบผ้าถุงผืนเดิมคลุมตัว และเปิดประตูออกมาภายนอก โดยไม่รู้ว่ากำลังมีคนหน้ามืดยืนรออยู่อย่างรุ่มร้อน
“อ้าย...ไอ อ่อยอะ!” ใบบัวขัดขืนตัวไว้ เธอพยายามส่งเสียงร้องแต่มันฟังอู้อี้เต็มทน เมื่อถูกปิดด้วยมือใหญ่หยาบ ดวงตาเธอเบิกโพลง พยายามมองหาทางหนี เมื่อให้คนที่กำลังคุกคามเธอคือผู้ชาย! เธอได้กลิ่นเอียนๆ ลอยมาเข้าจมูก กลิ่นเหงื่อเค็มๆ ที่ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยา เธอหวาดกลัวแล้วก็ขยะแขยง
“อย่าดิ้นสิบัว ฉันเอง” พัฒนะกระซิบเสียงแหบต่ำ เขาแข็งไม่หมดทั้งตัว เมื่อเรือนกายอรชรส่ายเสียดสี
“อ่อยอัวอะอุนอัด!” เธอพยายามส่งเสียงอีก
“บัวต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ดิ้นไม่ร้อง...ฉันถึงจะปล่อย” พัฒนะถามย้ำ เขาเกร็งตัวและลากใบบัวตรงไปยังที่พักของเธอ
“อุนอะอำอะไออัว...อ่าอะ” หญิงสาวยังดิ้นเหมือนเดิม ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งด้วย เมื่อชายหนุ่มด้านหลังส่อเจตนาร้าย เธอรู้สึกถึงภัยอันตราย เป็นความเลวร้ายที่เธอไม่อยากเจอ เพราะปฏิกิริยาของชายหนุ่มบางอย่างบ่งบอกแบบนั้น บางสิ่งที่แข็งร้อนเสียดสีอยู่ที่โคนขาอ่อนของเธอ เธอกลัว! แล้วก็รังเกียจ...
“อย่าดิ้นสิบัว ฉันกำลังสอนให้เธอรู้จักความลับ...ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย แล้วเธอจะชอบ”
“ไอ่! อ่อย!” เธอดิ้นอีกครั้ง มือเรียวตะปบปมผ้าถุงแล้วออกแรงดิ้นรนแรงๆ ซ้ำอีกครั้ง
ตุ๊บ! พัฒนะตัดสินใจทุบมือลงบนแผ่นท้องราบเรียบ ใบบัวตัวงอ เธอเจ็บจุก แต่ก็ได้จังหวะพอดี... เมื่อเธองอตัวลงชายหนุ่มจึงคลายแรงที่จับ ส้นเท้าใต้รองเท้าแตะ จึงยกขึ้นถีบผลุง ตรงจุดกึ่งกลางร่างกายของคนที่ไม่ประสงค์ดี ชายหนุ่มทรุดฮวบ เมื่อฝ่าเท้าน้อยๆ นั่นแตะโดนกล่องดวงใจทั้งยวง มันกำลังเปล่งบวมเพราะความกำหนัด จึงโดนฝ่าเท้าถีบกระแทกอัดเข้าไปเต็มที่ จนหน้าเขียวหน้าเหลือง ทรุดฮวบลงไปนอนคราง ร้องโอดโอย...
“โอ้ย! อีบ้า...ถีบหาห่าอะไรว่ะ”
