บทที่ 3 3
ไม่ทันที่พี่ชายของเธอจะกล่าวต่อก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เตือนว่าหมดเวลาคุย มนัสวีจำต้องพาไอสวรรค์ออกมาซึ่งก่อนกลับเธอได้ให้ลูกสาวตัวเล็กล่ำลาคุณลุงที่ยังต้องใช้ชีวิตในคุกต่อไปอีกนานนับปี แม้ว่ามาร์คจะไม่ได้บอกกล่าวทั้งหมดหากหญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ทว่าสิ่งที่ยังค้างคาใจคือเหตุใดผู้ชายที่เธอเคยรักถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ตัวตนด้านมืดของเฮเดนน่ากลัวอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิด ทุกครั้งที่หลับตามนัสวีไม่เคยลืมภาพที่เขาใช้กระบอกปืนฟาดลงบนหน้าของมาร์คได้แม้แต่วินาทีเดียว
“ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง”
เสียงคนขับรถที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์อันเลื่อนลอย มนัสวีชะโงกหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นตึกซึ่งได้รับการตกแต่งในสไตล์แบบเก่า ๆ แต่ดูเก๋ไก๋ด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม
“แพลนซี่ เพลส...มันเป็นโรงแรมเล็ก ๆ แต่น่าพักครับคุณผู้หญิง ผมเคยพาผู้โดยสารมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ห้องพักสะอาดและราคาไม่แพงครับ”
คนขับแท็กซี่หันมาบอกก่อนที่หญิงสาวจะยื่นค่าโดยสารให้และลงจากรถทั้งที่ยังอุ้มลูกน้อยซึ่งยังหลับติดอก ไอสวรรค์ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นแม้แต่งัวเงียและมนัสวีก็ไม่อยากปลุกตัวเล็กของเธอขณะที่คนขับแท็กซี่ช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงมาคล้องไว้กับแขนของหญิงสาวและมองสาวไทยตัวเล็กบอบบางที่อุ้มลูกน้อยไม่ยอมวางด้วยความเอ็นดู
“ให้ผมช่วยหิ้วกระเป๋าไหมครับคุณผู้หญิง?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันถือเองได้ค่ะ”
เธอตอบก่อนขับรถจะพยักหน้าตอบรับและขับรถออกไป แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวเข้าไปในโรงแรมขนาดเล็กก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น
บทที่ 2 สัญญาที่แลกด้วยชีวิต
“คุณมนัสวี”
ร่างบอบบางหันกลับไปมองก็ต้องพบความประหลาดใจเมื่อเห็นหนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทและแว่นกันแดดสีชายืนอยู่ด้านหลัง เธอมองด้วยความแปลกใจกระทั่งเขาเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับคุณมนัสวี”
เขาทักเธอเหมือนเคยรู้จักหากแต่หยิงสาวเอียงคอและมองกลับไปด้วยแววตาไม่แน่ใจ
“คุณรู้ชื่อของฉันได้ยังไง?”
“ผมมารับคุณครับ”
เขาตอบไม่ตรงคำถามทำให้หญิงสาวย่นคิ้วและกระชับอ้อมแขนกอดไอสวรรค์ไว้แน่น
“มารับฉัน...แต่ฉันไม่รู้จักคุณเลยนะคะ”
“ผมได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มารับคุณครับ”
“ใครเป็นเจ้านายของคุณ”
“คุณเฮเดน เจคอป...นายของผมมีคำสั่งให้มารับคุณและคุณไปกับผมตอนนี้ครับ”
ร่างแน่งน้อยใจหายวาบและเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลังและในขณะนั้นเองที่ไอสวรรค์เริ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมถามแม่ว่า
“มีมี๊...ถึงแล้วเหรอคะ?”
มนัสวีมือเย็นเฉียบ หัวใจของเธอราวกับหลุดหายไปแล้วตั้งแต่ได้ยินชื่อของคนคนนั้น หญิงสาวลูบผมสีน้ำตาลทองของเด็กหญิงในอ้อมแขนอย่างถนอม
“ถึงแล้วจ้ะหนูไอซ์...ถึงแล้ว”
“เชิญครับคุณมนัสวี”
ชายคนนั้นยังคงใช้คำพูดเดิมเหมือนกำลังบีบบังคับให้เธอไปกับเขาให้ได้ หญิงสาวกลืนก้อนแข็งที่วิ่งขึ้นมาจุกในลำคอก่อนกล่าว
“ฉันจะเข้าพักที่นี่...ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“คุณเฮเดนบอกว่านี่เป็นคำสั่ง ผมขอความกรุณาคุณมนัสวีอย่าได้ปฏิเสธเลยนะครับ”
คำพูดนั้นแม้ฟังดูละมุนละม่อมแต่หญิงสาวรู้ดีว่านี่เป็นคำขู่กลาย ๆ ถึงอย่างไรเธอก็จะยื้อเวลาไว้ไม่ยอมไปง่าย ๆ
“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับฉันนะคะ ในเมื่อฉันจะเข้าพักโรงแรมนี้”
“คุณเฮเดนบอกว่าคุณมนัสวีจะเข้าพักโรงแรมไหนก็ได้ครับ ถ้าหาก...คุณไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”
“พวกคุณขู่ฉัน”
ชายผู้นั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า
“ขออภัยหากจะทำให้คุณไม่สบายใจ แต่ผมว่าทางที่ดีคุณย่อมรู้ว่ามีทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณและ...ลูกสาวของคุณ”
ประโยคสุดท้ายสะเทือนความรู้สึกของหญิงสาวอย่างรุนแรง เฮเดนไม่ได้แค่ขู่เธอแต่มันยังหมายถึงไอสวรรค์ลูกสาวตัวน้อยของเธอด้วย มนัสวีหันรีหันขวางเหมือนยังไม่แน่ใจ แต่แล้วก็เกิดประกายความคิดวาบเข้ามาใหม่ว่าเธอไม่ควรจะหนีผู้ชายคนนั้น
เฮเดน เจคอป
เธอควรต้องเผชิญหน้ากับเขาเพื่ออะไรหลายอย่าง อย่างน้อยก็อาจเพื่อการตกลงและอธิบายเรื่องที่เขายังขุ่นหมองใจเมื่อห้าปีที่ผ่านมาซึ่งมันยังติดลึกและค้างคาในความรู้สึกของหญิงสาว นี่อาจเป็นโอกาสที่เธอจะได้บอกในสิ่งที่เธอไม่มีโอกาสได้พูด
“ถ้าฉันตกลงไปกับพวกคุณ คุณจะรับประกันความปลอดภัยให้พวกเราหรือเปล่า?”
“ด้วยเกียรติของผมครับคุณมนัสวี ผมจะพาคุณไปพบคุณเฮเดนอย่างที่บอกไว้ซึ่งนี่เป็นภารกิจสำหรับผมตอนนี้...เชิญครับ”
ร่างแน่งน้อยหันกลับไปมองโรงแรมที่เธอกำลังจะเข้าพักอีกครั้งและได้ยินเสียงแม่หนูน้อยที่กำลังขยี้ตาดังงัวเงียกับอก
“มีมี๊...”
“หนูไอซ์...เดี๋ยวเราจะ...เดินทางต่ออีกนิดนะจ๊ะ”
“จาไปไหน?”
พอลืมตาตื่นเต็มที่เด็กหญิงเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันวาววามก็หันไปมองชายแปลกหน้าที่ยืนตรงหน้ามารดาและทำให้มนัสวีรีบอธิบาย
“เราจะเดินทางต่ออีกนิดหน่อย แล้วเดี๋ยวเราจะกลับมาพักที่นี่นะจ๊ะ...โอเคนะ”
“โอเคค่ะ”
ไอสวรรค์รับปากมารดาแต่ยังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจหากก็ได้แต่กอดแม่ไว้แน่น มนัสวีพาลูกสาวเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังรถเอสยูวีซึ่งเขาปฏิบัติต่อเธออย่างให้เกียรติด้วยการเปิดประตูให้สองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหลังก่อนที่รถคันหรูจะแล่นออกสู่ถนนสายใหญ่
“เราจาไปไหนคะ?”
เด็กน้อยถามมารดาและหญิงสาวยิ้มให้พร้อมทั้งตอบว่า
“มีมี๊ไปธุระแป๊บนะคะ”
“นานแค่ไหนคะ?”
