บทที่ 12 ยังไงฉันก็ต้องได้

ด้านเมทีที่มาหาฟรานติโน่เมื่อเย็นวานแล้วได้ยินเสียงฟรานติโน่กำลังเริงสวาทกับสองสาวอยู่ เขาจึงกลับไปเพราะไม่อยากกวนเจ้านาย จนเช้าวันนี้เขาก็เข้าไปหาฟรานติโน่ในห้องทำงาน เพื่อรายงานเรื่องของพิชชาภาให้ฟรานติโน่ได้รับรู้

“เรื่องเด็กคนนั่นเมื่อไหร่จะได้ห้ะ ฉันให้นายไปถามมาตั้งแต่เมื่อวาน ทำไมนายไม่ไปห้ะเมที” พอฟรานติโน่เห็นเมทีเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา เขาก็เอ่ยต่อว่าไปทันที เพราะดูเหมือนว่าเมทียังคงไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้เขา

“ผมไปมาแล้วครับคุณฟราน เมื่อวานผมก็จะเข้าไปรายงานคุณฟรานที่คอนโดแล้ว แต่เห็นคุณฟรานกำลังเพลิดเพลินกับการปลดปล่อยตัวเองอยู่ ผมก็เลยคิดว่ามาบอกวันนี้น่าจะดีกว่า” เมทีเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงยียวนใส่ฟรานติโน่ จนฟรานติโน่ใช้สายตามองเมทีอย่างดุๆ

“แล้วได้เรื่องอะไรบ้าง เด็กนั่นพร้อมขึ้นเตียงกับฉันเมื่อไหร่” ฟรานติโน่ถามออกไปอย่างอยากรู้ เพราะเขาแทบจะนับวันรอเวลาจับเด็กนั่นขึ้นเตียงอยู่ทุกวี่ทุกวัน

“อ่อ คือผมว่าคุณฟรานคงไม่ได้ขึ้นเตียงกับเด็กคนนั้นแล้วล่ะครับ เพราะเธอปฎิเสธข้อเสนอของผมไปแล้ว” เมทีพูดบอกไปยังไม่ทันจบ ฟรานติโน่รีบเอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีอย่างขัดใจ เมื่อรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นปฎิเสธเขา

“นายบอกรึเปล่าว่าฉันเป็นคนจะซื้อตัวเธอ ไม่ใช่นาย” ฟรานติโน่ถามย้ำออกไปอย่างสงสัย เพราะมันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะปฎิเสธเขา ผู้หญิงคนไหนก็อยากนอนกับเขาทั้งนั้น เด็กนั่นต้องคิดว่าเมทีไปขอซื้อตัวเธอแน่ๆ เธอถึงไม่ยอมหรือไม่ก็เล่นตัวเพื่อเรียกค่าตัวเพิ่ม

“บอกไปแล้วครับ แต่เธอบอกว่าถ้าคุณฟรานอยากจะซื้อตัวเธอก็ให้ไปซื้อเอง ไม่ใช่ส่งผมไป เธอบอกว่าคุณฟรานทำแบบนี้แล้วมันไม่แมน อ่อ อีกอย่างเธอก็มีแฟนแล้วด้วยนะครับ ผมว่าเธอคงไม่อยากนอกใจแฟนของเธอ คุณฟรานก็ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะครับ” เมทีเอ่ยพูดไปอย่างละเอียดจนฟรานติโน่ที่ได้ฟังถึงกับกำหมัดแน่อย่างโกรธ ก่อนจะขบกรามขึ้นเป็นสันนูนเมื่อเจอเด็กสาวนั่นดูถูกเขาว่าไม่แมน เดี๋ยวเขาจะทำให้เธอได้รู้ว่าเขาแมนขนาดไหน

“ไม่ ฉันอยากได้อะไรฉันก็ต้องได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กนั่น ในเมื่อเด็กนั่นปากเก่งดีนัก ฉันก็จะจัดการให้หลาบจำว่าอย่าริอาจมาท้าทายคนแบบฉัน” ฟรานติโน่พูดเสียงเข้มอย่างแค้นใจ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธเขาแล้วใช้คำพูดดูถูกเขาแบบนี้มาก่อน เขาจะต้องจัดการปลาบพยศเด็กนั่นให้ได้

“เมที นายไปสืบประวัติเด็กคนนี้มาให้ฉันที เอาวันนี้นะ ไม่ใช่ชาติหน้า” ฟรานติโน่เอ่ยบอกไปอย่างโมโห เพราะเขาเองก็อยากจะรู้นักว่าเด็กนี่วิเศษมาจากไหน ถึงกล้าปฏิเสธเขา

“ไม่ต้องรอชาติหน้าครับ ผมสืบมาให้แล้วครับ นี่ครับประวัตของคุณพิชชาภา นามไทสงค์” เมทีบอกไปก็ยิ้มอย่างมีชัย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างฟรานติโน่คงไม่ยอมเป็นแน่ เขาก็เลยสืบประวัตของพิชชาภามาตั้งแต่เมื่อคืน โดยการถามพระพายภรรยาเพื่อนสนิทของฟรานติโน่นั่นเอง เพราะเธอมีประวัติของเด็กที่จะฝึกงานทุกๆคนอยู่แล้ว แต่กว่าจะได้มาต้องโกหกพระพายไปว่าอยากจะเลือกเด็กมาฝึกงานที่บริษัท พระพายจึงยอมส่งประวัติของเด็กๆมาให้เขาดูจนเขาเจอประวัติของพิชชาภา

“ดีมาก นายนี่รู้ใจฉันจริงๆเมที” ฟรานติโน่รับแฟ้มเอกสารมา ก่อนจะอ่านประวัติของพิชชาภาอย่างตั้งใจ เพราะถ้าเขารุ้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเขาก็จะยิ่งได้เปรียบ

ด้านพิชชาภาพอช่วยงานอารันเสร็จก็ออกมาทานข้าวกับอารันที่ร้านอาหารในห้างชื่อดัง เพราะเดี๋ยวเธอจะต้องไปเรียนแล้วอารันจึงพาเธอมาเลี้ยงข้าวตามปกติที่เธอสองคนเจอกัน

“แล้วเรื่องร้านน้าโจกับน้าพิม เรียบร้อยรึยัง มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะไม่ต้องเกรงใจ” อารันเอ่ยบอกเด็กสาวที่เขารักเมือนน้องคนหนึ่ง เพราะเมื่อก่อนบ้านของเขาและพิชชาภาอยู่ติดกันเขาจึงสนิทกับพิชชาภามาก แต่พอเขาย้ายบ้านไปก็ไม่ค่อยได้เจอกับพิชชาภาเหมือนเมื่อก่อน พอเจอพิชชาภาตอนเธอเรียนอยู่ปีสอง เขาก็เลยชวนมาทำงานที่ร้านของหงส์ฟ้าด้วย เพราะเห็นว่าพิชชาภาเรียนมาด้านนี้พอดี

“ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่อาร์ทไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ น้าโจกับน้าพิมจัดการได้ค่ะ” พิชชาภาบอกไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอไม่อยากจะรบกวนใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว อีกอย่างถึงอารันจะเป็นช่างภาพชื่อดัง เขาก็คงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น

“เห้ยไอ้อาร์ท แกจริงๆด้วยว่ะ ฉันก็มองตั้งนานว่าใช่แกรึเปล่า ไม่เจอกันนานมีเมียเด็กเลยนะโว๊ย” แฟรงก์เอ่ยทักเพื่อนหนุ่มที่รู้จักกันที่อเมริกาอย่างดีใจ เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้เจออารันที่นี่

“ไม่ใช่โว้ย นี่น้องที่ทำงานฉันเอง ชื่อพิชชาภา ส่วนพิช นี่แฟรงก์เป็นเพื่อนของพี่ตอนไปเรียนถ่ายภาพที่อเมริกา รู้จักกันไว้สิไอ้นี่มันก็เป็นช่างภาพเหมือนกัน” อารันเอ่ยบอกไปแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน

“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เรียกว่าพี่แฟรงก์ก็ได้ครับดูเป็นกันเองดี” แฟรงก์เอ่ยพูดก็นั่งกับทั้งสองคนทันที ก่อนจะมองสำรวจสาวสวยที่เพื่อนหนุ่มพามาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม

“ค่ะ พี่แฟรงก์ งั้นก็เรียกพิชเฉยๆก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” พิชชาพายิ้มออกไปอย่างเป็นมิตรให้กับฝรั่งหนุ่มตรงหน้าที่หล่อบาดตาบาดใจเธอมาก แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือเฟรนรี่เกินไปหน่อย

“คนนี้ห้ามหม้อนะไอ้แฟรงก์ ฉันรักเหมือนน้องสาวฉันเลยนะโว๊ย ห้ามอ่อย ห้ามจีบ เพราะน้องเขามีแฟนแล้ว เข้าใจ” อารันเอ่ยบอกอย่างกันท่า เพราะเขารู้ดีว่าแฟรงก์นั้นขี้อ่อยสาวๆขนาดไหน เพราะเคยมีสาวๆเคยตบกันแย่งมันบ่อยมากสมัยที่พวกเขาเรียนที่อเมริกา

“น่าเสียดายจริงๆ ถ้าโสดเมื่อไหร่บอกพี่นะครับน้องพิช พี่แฟรงก์โสดเสมอ” แฟรงก์พูดออกไปอย่างเป็นกันเอง จนพิชชาภาหัวเราะขำกับสิ่งที่แฟรงก์ทำ เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงครบกับเป็นเพื่อนได้ ที่แท้ก็นิสัยเหมือนกันนี่เอง พิชชาภาคิดในใจอย่างขำๆ

“แล้วนี่แกมาเมืองไทยได้ไงวะ ไหนบอกจะไปเที่ยวรอบโลกก่อนไง ทำไมมาโผล่นี่ได้วะ” อารันเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนจะพูดคุยกับเพื่อนหนุ่มไปพร้อมกับทานข้าวด้วยกัน พิชชาภาก็ดูจะเข้ากับแฟรงก์ได้ดี เพราะพิชชาภาเองก็เฟรนี่อยู่แล้ว

“พี่อาร์ท พี่แฟรงก์คะ พิชต้องขอตัวก่อนนะคะพอดีพิชมีเรียนตอนบ่ายด้วย เดี๋ยวจะไปไม่ทัน” พิชชาภาเอ่ยบอกไปก็มองหน้าท้งสองออกไป

“โอเค ขอบใจมากนะที่มาช่วยพี่ มีอะไรก็โทรมาละกัน” อารันเอ่ยบอกไป เพราะเขากับพิชชาภาก็ขับรถมาคนละคันกันอยู่แล้ว

“แล้วเจอกันใหม่นะครับน้องพิช” แฟรงก์เอ่ยบอกไปด้วยรอยยิ้ม แล้วขยิบตาใส่พิชชาภาอ่างน่ารัก จนพิชชาภารับมุกของเขาแล้วยิ้มให้เขา

“ค่ะพี่แฟรงก์ พิชไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ไปนะพี่อาร์ท” พิชชาภาบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะกินข้าวไปอย่างอารมณ์ดี เพราะสองวันมานี้เธอเจอฝรั่งหล่อตั้งสองคน ไม่รู้ดวงเอจะสมพงษ์กับฝรั่งไปไหนนะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป