บทที่ 4 Chapter 4

“แกอย่ากินนะ แกอย่ากิน” ธิดาดอยบอกนกหงส์หยกที่ตอนนี้บินลงไปยืนอยู่บนพื้นดิน ก้มมองหนอนนับสิบตัว ธิดาดอยในร่างนกเริ่มหายใจหายคอไม่สะดวก เมื่อนกตัวดีก้มหน้านำปากไปจิกลงบนตัวหนอน แต่ไม่นำเข้าปาก คล้ายกับว่า นกตัวสวยกำลังแกล้งคนไม่ชอบหนอน “ไอ้นกบ้า อ้วกอยากจะอ้วก”

ถ้าหากธิดาดอยขย้อนผักที่กินไปเมื่อครู่ออกมาทางปากได้ เธอทำไปแล้ว แต่นี่ทำไม่ได้ ได้แต่ทำท่าพะอืดพะอมเท่านั้น ไม่นานนักนกหงส์หยกก็บินไปยังแหล่งน้ำที่ใสสะอาด ดื่มน้ำจนพอใจก่อนจะโบกโบยบินต่อไป ธิดาดอยโล่งอกที่ออกห่างเจ้านอนแสนขยะแขยง

ความแปลกตาเริ่มมีมากขึ้น เมื่อธิดาดอยในร่างนกบินมาในเขตชุมชนที่มองยังไงก็ไม่ใช่วิถีชีวิตไทยในชนบท ป้ายที่เธอเห็นเป็นภาษาจีน การแต่งกายของชายหญิงต่างวัยก็เป็นชุดจีนโบราณที่เห็นในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน เธอบินมาเกาะบนกิ่งไม้มองดูสถานที่อันแปลกตาด้วยความแปลกตาตื่นใจ มองคนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค้าขาย เลือกซื้อของ และภาษาที่พวกเขาพูดก็เป็นภาษาที่เธอไม่แตกฉานมากนัก แม้ว่าจะมีเชื้อสายจีน แต่เหตุใดการได้ยินครั้งนี้ ธิดาดอยกลับเข้าใจภาษาจีน เธอฟังออกว่าคนเหล่านั้นสนทนาอะไรกัน

“ฟังภาษาจีนออกได้ไงหว่า” เธอถามตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ “เอ...เรามาอยู่ชุมชนคนจีนหรือวะเนี่ย”

ธิดาดอยกำลังนึกถึงย่านไชน่าทาวน์ที่มีคนเชื้อสายจีนอยู่กันเสียส่วนใหญ่ และมักพูดกับเป็นภาษาจีน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแบบจีน ภาพที่เห็นตรงหน้า เธอจึงเข้าใจเช่นนั้น

“แต่ทำไมสถานที่ถึงได้ดูโบราณจัง เสาไฟฟ้าสักต้นก็ไม่มี สายโทรศัพท์ก็ไม่เห็น สายเคเบิ้ลก็ด้วย อาคารบ้านเรือนก็ดูย้อนยุค อย่างกับสมัยพระเจ้าเหา หรือว่ามันจะเป็นไชน่าทาวน์แบบย้อนยุคย้อนสมัย”

ธิดาดอยพูดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ยังคิดว่าอยู่ในสถานที่ถ่ายทำหนัง แต่อีกใจก็บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะมันดูแปลกๆ พิกล ยิ่งได้ยินคำพูดของหญิงชราที่สนทนากับคนวัยเดียวกัน เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า ที่นี่จะใช้สถานที่ถ่ายหนังหรือไม่

“วันนี้องค์รัชทายาทสั่งประหารเหล่าขุนนางที่ฉ้อฉลสิบคน ท่านช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” หญิงชราพูดกับเพื่อนวัยเดียวกัน

“แต่คนพวกนั้นก็สมควรได้รับโทษ เจ้าก็รู้นี่ว่า ขุนนางพวกนั้นขูดเลือดขูดเนื้อพวกเรามานาน องค์รัชทายาททำเช่นนั้นก็ถูกแล้ว” คนเป็นเพื่อนเห็นต่าง

“เออมันก็จริง”

“องค์รัชทายาททำเพื่อประชาชน พระองค์คงอยากให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ไร้คนคดโกง อีกอย่างชาวบ้านตาดำๆ ก็ได้ผลประโยชน์จากการสังหารคนพวกนี้ด้วยนะ” คนเป็นเพื่อนคุยต่อ

“องค์รัชทายาทเด็ดขาดอย่างนี้แหละ ฮ่องเต้ถึงวางใจปล่อยให้ดูแลบ้านเมือง” อีกคนคุยตอบโต้

ฮ่องเต้ องค์รัชทายาท ขุนนาง เจ้า ข้า...

ธิดาดอยทวนคำพูดที่ได้ยินในใจ พรางนึกถึงหนังจีนเรื่องโปรดอุ้ยเสี่ยวป้อที่ตนชอบดู ภาษาที่ใช้ในหนังเหมือนกับที่หญิงชราสองคนนี้พูดกัน แล้วยังมีฮ่องเต้ที่รู้ดีว่าคือประมุขปกครองบ้านเมือง มีอำนาจล้นฟ้า องค์รัชทายาทคือเชื้อสายที่สืบทอดบัลลังก์ ขุนนางคือข้าราชการรับใช้ฮ่องเต้และบ้านเมือง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่อยู่ในหนังเรื่องนั้นไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงทรงผม อุ้ยเสี่ยวป้อไว้ผมเปียยาว มีผมเพียงครึ่งหัว แต่ผู้ชายที่เดินกันหลายคนเกล้าผมขึ้นสูงแล้วจับเป็นมวยกลางหัวมีผ้าพันรอบคล้ายกับว่ารัดมันไว้ไม่ให้ผมหลุดลุ่ย แต่การแต่งกายก็เหมือนชาวบ้านในหนัง ฐานะดีหน่อยก็สวมเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อดีมีราคา ซึ่งเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน

ธิดาดอยเริ่มสงสัยแล้วว่า ตัวเองอยู่เมืองไทยจริงหรือไม่ แต่ใจก็คิดว่าเป็นอื่นไปไม่ได้ที่ตนจะอยู่ต่างประเทศ สถานที่แห่งนี้คงเป็นการจำลองเพื่อถ่ายภาพยนตร์จีนแน่นอน เธอจมน้ำในประเทศไทย จะมาโผล่เมืองจีนคงเป็นไม่ได้ แถมยังย้อนยุคย้อนสมัยมาไกลหลายร้อยปี พูดให้ใครฟังคงหาว่าบ้า เมื่อในใจเต็มไปด้วยความสับสนที่ค้านกันไปมา นกหงส์หยกธิดาดอยได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้า สะบัดปีกบินไปเรื่อยๆ ที่ยิ่งบินผ่านบ้านเรือนที่ปลูกสร้างคล้ายหนังจีนโบราณ ที่ปลูกกันเป็นทิวแถว ร้านค้าน้อยใหญ่เหมือนในหนังจีนไม่ผิดเพี้ยน ผู้คนก็ใช่ด้วย และที่สำคัญเธอมองไม่เป็นทีมงานถ่ายภาพยนตร์สักคน

“กูอยู่ไหนกันแน่เนี่ย”

ธิดาดอยถามตัวเอง บินต่อไปจนพบเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ มองยังไงก็คือวังที่เห็นบ่อยในหนังจีนย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทูซีไทเฮา บูเช็คเทียนและอีกหลายเรื่อง แม้ว่าวังที่อยู่ตรงหน้าจะไม่เหมือนกับในหนังทั้งหมด แต่มันก็คือวัง

วังหลวง...ในราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่ง

เป็นพระราชวังที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นกน้อยธิดาดอยมาก เพราะยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ

แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง

เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต ธิดาดอยถึงกับงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กลายร่างมาเป็นนกหงส์หยกก็ว่าแย่พอแล้ว นี่ดันทะลุมิติมาอยู่เมืองจีนอีก

โอ้...พระเจ้าจอร์จ มันเป็นไปได้หรือนี่

ธิดาดอยพยามย้ำถามตัวเองว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เส้นการเวลาบรรจบกันพอดี ทำให้เกิดเรื่องราวเหลือเชื่อที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง คราวนี้จะทำยังไง แก้ปัญหาให้กลับเป็นคนยังไม่ได้ นี่ดันมาโผล่สมัยราชวงศ์อะไรก็ไม่รู้ นั่งเครื่องบินกลับก็ไม่มี นั่งเรือก็คงไม่มีวันถึงบ้าน จะบินกลับประเทศไทยในสมัยรัชกาลปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าจะบินไปทิศทางใด ไม่ติดเหงกอยู่ที่นี่ไม่ได้เจอพ่อแม่พี่ชายและพี่สาวไปตลอดชีวิตหรือนี่

โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับธิดาดอย เธอไม่เคยทำบาปกรรมรุนแรง อย่างมากก็ฆ่ามด กระทืบแมลงสาป และแกล้งนกหงส์หยกณัชชา เธอคิดว่า ตัวเองอยู่ในศีลในธรรมคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ไปทำบุญที่วัดก็ตาม แล้วเหตุใดตนต้องพบเจอกับเรื่องไม่น่าเชื่อนี้ด้วย ความเสียใจและอีกหลายหลายความรู้สึกกลายเป็นน้ำตาที่หยดไหลลงสู่พื้นดิน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป