บทที่ 8 Chapter 8
Chapter 8
องค์รัชทายาทสันนิษฐาน เขาประติดประต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเจอนกหงส์หยกตัวนี้ในช่วงเที่ยงของวัน ซึ่งก็เป็นนกมาถึงตอนเปลี่ยนเวลาเป็นยามราตรี นกหงส์หยกได้กลายเป็นคน
“ถ้าเป็นไปตามที่ท่านว่ามา พรุ่งนี้เช้าข้าก็ต้องกลายเป็นนกน่ะสิ” เธอเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดเขา
“ทางเดียวที่จะรู้ว่า เป็นไปตามที่ข้าคิดไหมก็ต้องรอดูวันพรุ่งนี้”
“อืมจริง”
“ข้าว่าตอนนี้เรามานอนคุยกันดีกว่านะ” ธิดาดอยมองหน้าผู้พูด ใจเริ่มเต้นแรง
“นอนคุย” ธิดาดอยพูดเสียงหลง มองคนหื่นจัดด้วยความหวาดกลัว “ทำไมต้องนอนคุย นอนคุยเรื่องอะไร”
“ก็ข้าขี้เกียจนั่งคุย อีกอย่างเวลานี้ก็เป็นเวลานอนของข้า ข้าง่วงแล้ว...หาว” องค์รัชทายาทเล่ห์เหลี่ยมเยอะแกล้งหาว “เวลาข้าง่วงข้าต้องนอน ข้าเลยชวนเจ้านอนคุยไงล่ะ คุยๆ คุยมาจะได้หลับเลย”
“แต่ข้ายังไม่ง่วง ตอนที่ข้าอยู่เมืองของข้า กว่าข้าจะนอนก็ต้องค่อนคืน” ธิดาดอยไม่ยอม
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ที่ของเจ้านะ เจ้าอยู่ต่างเมือง ต่างเวลาด้วย เจ้าก็ต้องทำตามข้าสิ ไม่ใช่ทำตามเจ้า” เขาเองก็ไม่ยอม “ถ้าเจ้าไม่รีบนอน เจ้าระวังผีนะ ผีที่นี่ดุ ใครไม่นอนจะมาหลอกหลอน”
ผีบ้าผีบออะไรจะมาหลอกคนไม่นอน เกิดมาธิดาดอยไม่เคยได้ยิน...ธิดาดอยคิดในใจ
“ท่านไม่ต้องมาหลอกข้า นี่ยังไม่ดึกเลย”
“เจ้ายังไม่รู้อะไร เจ้าเพิ่งมาที่นี่เป็นวันแรก เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง เวลา สถานที่หรือแม้แต่กฎระเบียบเจ้าก็ไม่รู้ แล้วเจ้าจะมาเถียงข้าทำไม” น้ำเสียงเขาติดดุเล็กน้อย “ถ้าเจ้าไม่รีบนอน ข้าจะทำอย่างอื่นนะ”
“ทะ...ท่านจะทำอะไร”
ธิดาดอยเสียงสั่นอีกครั้ง
“ผู้หญิงแก้ผ้าตรงหน้าแบบนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ” คนหื่นตอบกลับ ยิ้มน้อยๆ โลมเลียเธอด้วยสายตาที่ธิดาดอยไม่รู้สึกเลยว่า เขาทำสายตาน่าเกลียดใส่ ตรงกันข้ามกลับทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบในอกขึ้นมา
“ท่านอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” ธิดาดอยกำผ้าห่มที่คลุมกายตนไว้แน่น เขยิบตัวหนีร่างสูงใหญ่
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องนอนคุยกับข้านะ ไม่งั้นข้าจะทำ” เขาต่อรอง
“ก็ได้” ธิดาดอยจำใจรับคำ “แต่ท่านต้องสัญญาว่าอย่าทำอะไรข้านะ”
“สัญญา” องค์รัชทายาทกล่าวเสียงหนัก “นอนเถอะ ง่วงแล้ว ข้าไม่อยากถูกผีหลอก...หาว”
แกล้งหาวเสร็จชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอน ตบที่นอนข้างๆ เพื่อให้ธิดาดอยเอนตัวลงนอนบ้าง เธอมองที่นอนว่างเปล่านั้นด้วยใจเต้นระทึก เกิดมาไม่เคยนอนกับผู้ชาย แถมเป็นผู้ชายที่หล่อและหื่นจัดด้วย หลังจากเธอล้มตัวลงนอนก็ต้องมีเหตุให้ตกใจ
“ท่านกอดข้าทำไม เอาแขนออกไปนะ”
คนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีแต่ผ้าห่มผืนเดียวคลุมกายถึงกับตกใจ เมื่อเขาพลิกตัวมากอดตน
“อย่าพูดเสียงดังไปสิ เดี๋ยวหลิวกงกงได้ยินก็จะมาถามอีก ข้าไม่อยากโกหก แล้วที่ข้ากอดเพราะเจ้าเอาผ้าห่มข้าไปห่ม ข้าก็ต้องกอดเจ้าสิ” องค์รัชทายาทมีคำตอบ “ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้ากอด เจ้าก็ต้องแบ่งผ้าห่มให้ข้าห่ม เราสองคนจะได้ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันไง”
ยิ่งแล้วใหญ่ ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันงั้นหรือ ไม่เอา ไม่เอาดีกว่า...ธิดาดอยพร่ำในใจ
แล้วเหมือนธิดาดอยจะจนด้วยคำพูดหรือคำค้าน จะให้เขาใช้ผ้าห่มร่วมกับตนก็กระไรอยู่ มีหวังมือเขาอยู่ไม่ซุกแน่ แต่ถ้าให้เขากอดเพื่อคลายหนาว อย่างน้อยเธอก็มีผ้าห่มกั้นขวาง ไม่ได้เนื้อแนบเนื้อ ทว่าคิดไปคิดว่า ตนก็เสียเปรียบอยู่ดี
“ข้าให้ท่านกอดก็ได้”
ธิดาดอยอยู่ในสภาวะจำยอม องค์รัชทายาทอมยิ้ม นอนกอดเธออย่างสบายใจ แต่คนที่ไม่สบายกายคือธิดาดอยที่นอนตัวเกร็ง ตื่นเต้นและหวาดระแวงคนหื่นจัด
“เจ้าเล่าเรื่องที่ที่เจ้ามาให้ข้าฟังหน่อยสิ ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นที่ใด”
“สถานที่ที่ข้าจากมาเรียกกันว่าประเทศไทย...” ธิดาดอยเล่าเรื่องราวของตนที่ไม่รู้ว่า องค์รัชทายาทจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเธอก็ไม่ได้เจาะลึกอะไรมาก เล่าในส่วนครอบครัวตนให้เขาฟังมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องนกหงส์หยกณัชชา ไม่เบื่อไม้เมาประจำบ้าน ที่เธออยากจะหักคอจิ้มน้ำพริกวันละหลายรอบ
องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อนอนฟังเรื่องที่ธิดาดอยเล่าด้วยความสุขใจ เป็นความสุขที่เขาหาจากหญิงใดไม่ได้ เขานอนกอดผู้หญิงมาเยอะ แต่ไม่มีหญิงงามคนใดทำให้เขาเกิดความสุขทางหัวใจได้เลย เพียงแค่ได้กอด ได้ชิดใกล้ยังรู้สึกถึงความสุขได้มากถึงเพียงนี้ หากทำอย่างอื่นเขาคงไม่สำลักความสุขตายหรอกหรือ หมิงหยางเต๋อเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาทันใด ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนกายสาว เขารู้สึกได้ถึงไฟเสน่หาสุมกาย
จะทนได้กี่คืนกัน...คืนนี้จะรอดไหม จะรอดหรือเปล่า
องค์รัชทายาทยับยั้งชั่งอารมณ์เต็มที่ หากไม่สัญญาไว้เมื่อครู่ รับรองว่า ป่านนี้เขาจับนางทำเมียไปแล้ว
เฮ้อ...คืนอื่นยังมี แม่นางคนสวยไม่รอดมือเขาแน่นอน
