บทที่ 9 9

“อยู่ เอ่อ…” หญิงสาวมีทีท่าอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจตอบว่า “อยู่บ้านคุณชายค่ะพ่อ”

พิพัฒน์นิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงอัดอั้น /พ่อขอโทษนะพิมพ์ที่เป็นต้นเหตุให้หนูต้องลำบาก/

“พ่อคะ พิมพ์ไม่อยากให้พ่อคิดมาก”

/ถ้าพ่อไม่ทำเรื่องเลวทรามแบบนั้น พิมพ์คงไม่ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนพ่อ พ่อขอโทษนะ/

“พ่อผิดจริงๆ ค่ะที่หลวมตัวไปทำเรื่องไม่ดี แต่พ่อคะ… ไม่ว่าใครก็ผิดพลาดกันได้ ถ้าพ้นเคราะห์กรรมคราวนี้ได้เมื่อไหร่ เราสองคนพ่อลูกคงจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขเสียทีนะคะ”

/พ่อก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ต่อไปนี้ไม่เอาอีกแล้วการพนันและการโกงเงินคนอื่นมาใช้ นอกจากจะไม่เคยสบายใจเพราะกลัวคนอื่นรู้แล้ว ยังต้องมารับผลกรรมแบบนี้อีก/ น้ำเสียงของพิพัฒน์บ่งชัดถึงความเข็ดขยาด

“พิมพ์ดีใจค่ะที่พ่อกลับตัวได้” หญิงสาวยิ้มจากใจ…เมื่อก่อนพ่อเป็นคนดีมาก เป็นหัวหน้าครอบครัวที่พึ่งพาได้  แม้จะมีอาชีพเป็นเพียงพนักงานทั่วไปที่รายได้ไม่มากนัก แต่เราสามคนพ่อแม่ลูกก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

พ่อส่งเธอเรียนจนถึงระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง พอเรียนจบ เธอก็เข้าทำงานบริษัทเดียวกับพ่อในตำแหน่งพนักงานขาย สองคนพ่อลูกช่วยกันทำงานเก็บเงิน ใช้ชีวิตอย่างสมถะ มีความสุขตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีน้อยใช้น้อย มีมากก็ใช้น้อย เงินเหลือก็ฝากเก็บไว้

จวบจนวันที่ชะตาพลิกผัน วันที่พ่อได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการแผนกบัญชี ควบคุมค่าใช้จ่ายในบริษัท ทำให้เงินเดือนสูงขึ้นอีกเท่าตัว ทว่าในวันที่ดวงการงานของพ่อรุ่งสุดขีด กลับเป็นวันหายนะของครอบครัว เมื่อแม่ต้องมาตายจากด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

แม่เสียชีวิตกะทันหันโดยไม่ได้ร่ำลาใคร ในมือของแม่ยังกำถุงกับข้าวที่ไปซื้อมาเตรียมไว้ทำอาหารรอลูกและสามีกลับจากที่ทำงาน ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเป็นนิตย์ของแม่แดงฉานไปด้วยเลือด เป็นภาพที่ทำให้พ่อเจียนคลั่ง

เราพ่อลูกร้องไห้ทุกวัน โดยเฉพาะพ่อที่เสียใจหนัก หลังผ่านพ้นงานศพของแม่ไป พ่อก็เริ่มติดเหล้า ติดการพนัน และที่เลวร้ายสุดคือพ่อยักยอกเงินในบริษัทมาใช้หนี้การพนันถึงสองแสน

สำหรับคนรวย เงินแสนอาจไม่มาก แต่สำหรับเธอแล้ว เงินสองแสนต้องใช้เวลาเก็บหลายปีทีเดียว

เธอเพิ่งรู้ว่าพ่อเอาเงินในบริษัทมาใช้ก็ในวันที่ทรงภูมิ ผู้บริหารได้เรียกตัวพ่อและเธอไปพบ พร้อมหลักฐานมากมายที่สามารถเอาผิดพ่อได้หากไม่มีเงินมาคืน

ตอนนั้นเธอโกรธพ่อที่ทำทุกอย่างพัง เงินเก็บก็โดนพ่อแอบเอาไปใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เท่ากับว่าตอนนี้สมบัติที่เหลือติดตัวก็มีแค่บ้านน้อยหลังเดียวเท่านั้น

ทรงภูมิมองหน้าเธออย่างพินิจแล้วยื่นข้อเสนอ หากเธอทำให้ชาวัตน์ตบะแตกแล้วยอมนอนกับเธอได้เมื่อไหร่ เขาจะยกหนี้สองแสนให้ และจะแถมเงินให้เอาไปตั้งตัวอีกแสนหนึ่ง

เธอไม่ได้สนใจเงินที่ทรงภูมิจะให้แสนหนึ่ง แต่เธอสนใจตรงที่พ่อเธอจะได้รับอิสระ

แม้จะรู้ว่าพ่อทำผิด แต่พ่อก็แก่แล้ว เธอไม่อยากเห็นพ่อใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในเรือนจำ

เพราะเหตุนี้เธอจึงต้องยอมเอาความสาวเข้าแลกเพื่อช่วยพ่อ…ยอมที่จะโดนดูถูกว่าเห็นแก่เงิน ยอมโดนตราหน้าว่าไร้ยางอาย ยอมให้ชาวัตน์ย่ำยีศักดิ์ศรี

บางคนอาจคิดว่าทางเลือกที่จะหาเงินมีมากมายหลายทาง แต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะขายตัวเอง

คนเหล่านั้นหากไม่ได้มาเป็นเธอคงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึก แต่เธอได้สัญญากับตัวเองแล้วว่า เธอจะขายตัวเองให้ชาวัตน์เพียงคนเดียวเท่านั้น…แค่คนเดียวจริงๆ

/ดูพิมพ์เงียบๆ ไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่า/ เสียงพ่อถามมา ทำให้ความคิดของเธอหวนคืนสู่ปัจจุบัน เธอฝืนยิ้มร่าเริงทั้งๆ ที่หยดน้ำใสๆ กำลังไหลจากดวงตา

“พิมพ์ไม่ได้เป็นอะไรนะคะ ว่าแต่พ่อเถอะ สบายดีไหมคะ”

/สบายดี ถึงจะถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในห้อง แต่พ่อก็ไม่ได้ลำบากอะไร พ่อเข้าใจว่าถ้าอยู่บ้านตัวเอง คุณภูมิคงกลัวว่าพ่อจะหนีหนี้ ถึงให้อยู่บ้านเขา แล้วขังให้อยู่ในห้องตลอดเวลา/

“โธ่…”

/แต่ก็สบายกว่าอยู่ในคุกเยอะนะพิมพ์ พิมพ์ดูแลตัวเองด้วยนะลูก ถ้าลำบากใจนักก็กลับมา อย่าได้ฝืนเลย ถ้าพ่อยอมรับผิด โทษหนักคงเป็นเบา ติดคุกไม่นานก็คงได้ออกมา/

“พ่อคะ พิมพ์ไม่ได้ลำบากใจเลย อยู่ที่นี่คุณชายก็ดีต่อพิมพ์มาก” หญิงสาวโป้ปดเพราะไม่อยากให้พ่อบังเกิดเกล้าคิดมาก ก่อนจะตัดบทว่า “พ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ รอพิมพ์สักนิด แล้วพิมพ์จะกลับไปหาพ่อ”

/จ้ะ พ่อจะรอนะ/

นราพิมพ์วางสายลง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางเบื้องหลัง…อะไรกัน เธอไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียวอย่างนั้นหรือ !

หญิงสาวเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม หันขวับไปทางต้นเสียง ใจหายวูบเมื่อเห็นสมรักษ์เดินแอ่นหน้าแอ่นหลังเข้ามาหา กลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งทั่วห้อง

“โอ้ สาวสวย ยืนคุยโทรศัพท์ไป ร้องไห้ไป คงมีเรื่องอัดอั้นตันใจสินะ ระบายให้พี่ฟังได้นะจ๊ะ เอิ๊ก…” ตบท้ายด้วยเสียงเรอสนั่น

หญิงสาวมีสีหน้าเหยเก ก้าวถอยหนี แต่อีกฝ่ายก็เดินเข้าหาเรื่อยๆ แววตาที่ใช้มองเธอนั้นดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจเลยแม้แต่น้อย

“ถะ ถอยไปนะคะ คุณเข้ามาทำไม”

“ก็เข้ามาใช้บริการโสเภณีอย่างเธอน่ะสิจ๊ะ แน่ะ…ดูทำตาสิ เหมือนกระต่ายระแวงภัย ทำยังกับเป็นสาวเวอร์จิ้นอย่างนั้นแหละ”

“ถ้าคุณชายรู้ เขาจะต้องไม่พอใจแน่ๆ”

“เรื่องไอ้ชายน่ะไม่มีปัญหาหรอก มันใจกว้างกับเพื่อนฝูงเสมอแหละ เธอเป็นนางบำเรอนะ ไม่ใช่เมียมัน มันจะได้โกรธที่รู้ว่าฉันอยากนอนกับเธอ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป