บทที่ 3 แม่จ๋า ไม่อยากเล่นซ่อนแอบ
“ป้าเหมย... ไปนอนคุกเหรอ ทำไม ไม่มาหาน้องไวๆ”
เด็กชายสะอื้น แล้วกอดเหมยลี่แน่นกว่าเดิม
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ แม่เธอล่ะ”
ซ่างเป่าทำท่ากลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ และนับหนึ่งไปจนถึงสิบ ซึ่งน้ำตาเหมือนจะหยุดไหลได้ ทั้งหมดนี้คือการสอนของแม่ เพื่อให้เขาเข้มแข็ง ไม่เอาแต่งอแง
“แม่ไม่ตื่น คุนเกอให้น้องมาหาอากงเจี้ยน”
เหมยลี่ตระหนกยิ่งกว่าเดิม หน้าเธอซีด ใจเต้นรัวแรง
“คุณ...ชะ ช่วยฉันได้ไหม ต้องรีบไปดูแม่ของเสี่ยวซ่าง... และตามรถไปโรงพยาบาลด้วย”
โทนี่อาสาอย่างเต็มใจ พร้อมบอกว่าเขามีรถยนต์ส่วนตัว ขณะที่เหมยลี่เตรียมไปยังอาคารเช่าที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ แห่งนั้น สายตาเธอหันไปเห็นซินอี๋ ซึ่งดูอย่างไรก็เหมือนมีลับลมคมนัย
“เธอน่ะ... มาทำอะไรที่นี่”
ฝ่ายซินอี๋กลัวความผิด หล่อนเลยหลบสายตาอีกฝ่าย ทว่าคงช้าเกินไป
“เอ๊ะ... นี่เธอ ทำไมฉันถึงได้คุ้นหน้าเสียจริง”
ซินอี๋ส่ายหน้า และเตรียมผลุนผลันหลบไป เนื่องจากชาวบ้านละแวกนั้นเริ่มออกมารวมตัวกัน
“ป้าเหมย พี่คนนี้มากับรถเครื่องที่ขับเร็วๆ แล้วชนน้อง!”
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชาย ทำให้เหมยลี่หยุดก้าวแล้วคว้าข้อมือซินอี๋หมับ
“เธอไปไหนไม่ได้ น้องชายช่วยจับนังงูพิษนี่เอาไว้ด้วย”
ซินอี๋อยากกรีดร้องโวยวาย แต่ดูเหมือนทุกอย่างในตอนนี้เกินที่หล่อนจะแกล้งเล่นละครได้อีก ดังนั้นจึงหันไปพูดจาดีๆ กับซ่างเป่า
“หนู... เห็นหรือว่า รถอะไรขับชนน่ะ”
ซ่างเป่าเอียงคอไปมา และไม่ทันได้ตอบเพราะเหมยลี่ ชิงตัดบทไปก่อน
“เด็กไม่พูดโกหก ฉันเลี้ยงเขามา และเธอต้องชดใช้ที่ทำให้เสี่ยวซ่างบาดเจ็บ เรียกเท่าไหร่ดี สัก ร้อยหยวนเป็นเงินทำขวัญก่อนดีหรือไม่!”
ซินอี๋ลมแทบจับ และหล่อนใช้โอกาสนั้นทำเป็นเซ แสร้งทำเป็นว่าแข้งขาอ่อนแรง ก่อนซุกซบร่างกายแกร่งๆ ของโทนี่
“อาเจ้ เงินมากขนาดนั้น ฉันจะไปหามาจากที่ไหน โอ๊ยหน้ามืด ฉันเป็นลมแล้วนะ!”
คุนเป่ารู้ว่าเรื่องราวตรงหน้านี้ ไม่ปกติด้วยแม่เคยบอกเขาว่าหากแม่สลบ ไม่ได้สติให้ป้อนน้ำตาลแดงต้มผสมขิง พร้อมนวดมือ นวดตัวไปด้วย หากยามนี้แม่ไม่ได้แค่สลบ หากตัวเริ่มเย็น เมื่อเขาแตะที่ลำคอตรงชีพจรมันไม่เต้นตุบๆ พอใช้มืออังจมูกก็ไม่มีลมออกมา
ทุกอย่างแจ้งให้รู้ว่า แม่ไม่อยู่กับเขาแล้ว!
“หม่ามี้...ทำให้คุนคุนกลัว...”
ในที่สุดเขาก็เอ่ยอย่างนั้น ตอนน้องชายอยู่ คุนเป่าพยายามเข้มแข็ง ไม่แสดงความอ่อนแอ หากเมื่อเวลาผ่านไป เขาป้อนทั้งน้ำอุ่น และน้ำตาลแดงต้ม ทว่าแม่กลับไม่ฟื้นคืน
“คุนคุนจะไม่เล่นซ่อนแอบกับน้องแล้ว จะไม่เสียงดัง ไม่ต่อยกันด้วย หม่ามี้กลับมาหาคุนคุนก่อนได้ไหม ผมกับน้องยังไม่โตเลย”
เขาบอกแล้ว จึงทุบที่หน้าอกตัวเองด้วยความคับแค้นใจ หากเขาตัวโตกว่านี้ เรียนหนังสือได้ดีอย่างที่แม่สอน คงบวกเลข ลบเลข ทั้งเขียนหนังสือได้บ้าง และนั่นจะทำให้เขาช่วยเหมยลี่ขายของ กับสอดหนังสือพิมพ์ ก่อนนำไปส่งตามสถานที่ต่างๆ ในและแวกนี้
“หม่ามี้ คุนคุนรักหม่ามี้ รักน้อง เราต้องอยู่ด้วยกัน”
เด็กชายร้องอยู่เช่นนั้น พร้อมตบหน้าอกเล็กๆ ของตนไม่หยุด
ร่างที่นอนอยู่บนฟูกเก่าๆ ไฉนจะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ดังกล่าว และเธอเจ็บปวดเหลือเกิน พยายามสุดกำลังที่จะฟื้นคืน ทว่าร่างกายกับวิญญาณยากนักที่จะผสานกันได้ สาเหตุเพราะสิงหยุนเจี๋ยเจ้าของร่าง กำลังหวาดกลัวต่อเรื่องราวร้ายๆ ที่เธอเคยประสบ ส่วนวิญญาณผู้มาจากโลกอื่นก็เป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่เกือบห้าปี ดังนั้นจึงเกิดการต่อสู้อย่างหนัก แม้ว่าวิญญาณดังกล่าว เคยสวมร่างนี้หลายหน ทว่ายามนี้ดูเหมือนมีสิ่งติดขัด อาจเป็นเพราะถึงเวลาที่เจ้าของร่างจะสิ้นอายุขัยจริงๆ แล้ว
“ให้ฉันช่วยเถอะอาเจี๋ย เด็กๆ ยังต้องการแม่”
หมอหญิงบอกสิงหยุนเจี๋ย
“ไม่ ฉันกลัวเขา ผู้ชายคนนั้น ทำร้ายฉัน เขาอยากให้ฉันตาย หากเขารู้ว่าฉันซ่อนเด็กๆ เอาไว้ ชีวิตต่อจากนี้ยากนักที่จะสงบสุข”
“เธอไม่เชื่อฉันแล้วหรือ ตั้งแต่ฉันพาเธอออกจากคฤหาสน์สกุลหลัวครั้งนั้น คนชั่วก็ไม่เคยพบเธอกับลูกเลย”
“ตะ แต่...ฉันไม่เคยนอนตาหลับสักวัน ฝันร้ายตลอดมา อีกอย่างเธอก็เป็นง่อย ทั้งเป็นวิญญาณมาจากโลกอื่น ไม่เข้าใจชีวิตของคนในยุคนี้หรอก”
“อาเจี๋ย อย่างที่เคยบอก ฉันก็คือเธออีกคน ถึงร่างกายเธอป่วย แน่นอน เรื่องนี้ไม่อาจฝืนชะตาได้ ทว่าฉันรับปากว่า เวลาที่เหลืออยู่ ฉันจะดูแลคุนเกอกับซ่างเกอ เหมือนลูกของตัวเอง”
“หากเธอต้องการเช่นนั้น ฉันขอเตือนว่า พ่อของสองแฝดไม่ใช่แค่หมาบ้า แต่เขาเป็นพวกกัดไม่ปล่อย และยังหวงก้างที่สุด!”
เจ้าของร่างบอกกับหมอหญิงที่มาจากโลกอื่น ขณะเดียวกัน หน่วยความทรงจำของเธอก็ย้อนภาพของผู้ชายคนนั้นให้ผู้มาสวมร่างได้รับรู้ถึงความทรมานทั้งร่างกาย และจิตใจ ภาพเหล่านี้ฉายซ้ำไปมาหลายหน ราวกับเป็นการตอกย้ำถึงความแค้นที่ฝังลึก
