บทที่ 5 หิวจนร้องไห้

เมื่อร่างกายเปลือยเปล่า เธอจึงหนาวเหน็บ และรู้สึกละอายเหลือเกิน อีกมินานคงต้องเป็นสิ่งของให้เขาระบายอารมณ์ใส่อย่างบ้าคลั่ง

ทว่าคืนนี้ มีบางสิ่งไม่เหมือนเดิม หลัวอี้หยางเหรินยืนมองเธออย่างนั้น และเขาหยิบของบางสิ่งที่ซ่อนไว้ในลิ้นชัก มันคือเสื้อผ้าแปลกๆ ที่แทบปกปิดร่างกายไม่ได้ ทำขึ้นจากหนังสัตว์ ทั้งยังมีกุญแจมือ แล้วก็แส้

“เป็นเธอที่ทำคนอื่นก่อน และฉันต้องสั่งสอนด้วยบทเรียนราคาแพง ต่อไปคงจำจนขึ้นใจว่า อย่าทำร้ายคนของฉัน”

สิงหยุนเจี๋ยรู้ว่าหลัวอี้หยางเหรินเมาเล็กน้อย ทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และยาเสพติด!

ยามเขาโมโห จึงน่ากลัวเป็นบ้า

“เฮียเหรินจะทำอะไร”

“ฮึ ถ่ายรูปประจานขยะเน่าๆ อย่างเธอเอาไว้อย่างไรละ หากกล้าทำเรื่องระยำอีก รูปโป๊ๆ ทุกซอกทุกมุมของเธอจะถูกประจานทั่งทั้งเกาะ และอาจส่งไปถึงบ้านนอกที่ปู่กับย่าเธออาศัยอยู่ด้วย พวกเขาคงภูมิใจที่เห็นหลานสาว นุ่งลมห่มฟ้า!”

สิงหยุนเจี๋ยส่ายหน้าหวือ เธอจะให้เขาถ่ายรูปเปลือยกาย หรือใส่ชุดบ้าๆ พวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด

“ฉันไม่ยอมทำตามที่เฮียบอกแน่ และผู้หญิงที่พร้อมทำเรื่องบัดซบพวกนี้ คงมีแต่นังผินผิน”

สิ่งที่เธอเอ่ย สร้างความเดือดดาลต่อหลัวอี้หยางเหรินมากกว่าเดิม เขาเลยคว้าตัวเธอ แล้วใส่กุญแจมือไพล่หลัง กระนั้นเธอยังดิ้นขัดขืน

ชายหนุ่มทำเสียงรำคาญ อยากลงมือลงไม้แรงๆ แต่กลัวว่าร่างบอบบางนี้ช้ำ ซึ่งในจังหวะเขาเลือกชุดให้เธอสวมอยู่นั้น สิงหยุนเจี๋ยก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่าย

“เฮียไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าคิดรังแก หรือข่มเหงฉันอย่างนั้น ก็ฆ่าให้ตายเสียเถอะ”

กล่าวจบ สิงหยุนเจี๋ยไม่คาดคิดว่าสิ่งต่อมาที่เขายกมันขึ้นและเล็งมายังศีรษะเธอคือปลายกระบอกปืน!


เหมยลี่ก้าวนำหน้าทุกคนมา และซ่างเป่ายามนี้อยู่ไม่ห่างจากหญิงวัยกลางคน

“พวกเธอ รออยู่ตรงนี้ก่อน ฉันขอเข้าไปดูความเรียบร้อย เดี๋ยวออกมา”

พอเธอจะเปิดประตูเข้าไป เหมยลี่คิดบางสิ่งได้ทัน จึงหันมามองทุกคน ด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเอ่ยสำคัญ

“เรื่องเสี่ยวซ่างสลบอยู่กลางถนน อย่าเพิ่งพูด รอฉันสืบความให้ละเอียด และนังงูพิษนั่น อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น ตรอกปู้โจว เพราะมันคือถิ่นฉันตั้งแต่เกิด และตึกเขียวนี่ ทุกคนล้วนรู้จักเจ่เจ้เหมยลี่”

เหมยลี่ขู่ซินอี๋ และเป็นตอนนั้นที่ซ่างเป่าเขย่าแขนหญิงวัยกลางคน

“ป้าเหมยลี่... หม่ามี้น้องไม่มีลมหายใจ เหมือนคนห้อง208 ใช่ไหม”

เด็กชายหมายถึงห้องที่สามีภรรยามีปากเสียงกัน ยามนั้นเหมยลี่ย่อตัวลง แล้วจูบขมับซ่างเป่า เธอเลี้ยงเข้ามาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกใบนี้ ลำบากมาด้วยกันกับสิงหยุนเจี๋ย เป็นทั้งพี่สาว แม่นม และป้าของสองแฝด

“ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย แม่ของเสี่ยวซ่าง เป็นคนขี้เซาเท่านั้น เดี๋ยวป้านางฟ้าสุดสวย จะไปปลุกให้ตื่น ตกลงตามนี้นะ”

กล่าวจบ เหม่ยลี่ก็เปิดประตูเข้าไป ทว่าความรู้สึกแรกที่สัมผัสคือบรรยากาศที่หนักอึ้ง ขณะเดียวกัน หูได้ยินเสียงร้องไห้ของคุนเป่า เด็กชายเข้มแข็งเพียงใด เรื่องนี้เธอย่อมรู้ หากยามนี้เขากลับแสดงความอ่อนแอให้เห็น

เหมยลี่ก้าวไปยังร่างที่นอนอยู่บนฟูก ภาพตรงหน้าช่างบีบคั้นอารมณ์

“เสี่ยวคุน... ไปเอาน้ำอุ่นมาให้ป้าทีลูก”

เสียงเหมยลี่ทำให้เด็กชายสะดุ้งโหยง และหันมาหาเธอ

ดวงตาเขาแดงก่ำ น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

หญิงวัยกลางคนอยากปลอบ อยากเอ่ยหลายสิ่งหลายอย่าง ทว่ายามนี้เธอต้องดูแลสิงหยุนเจี๋ย

เมื่อเอื้อมมือไปแตะร่างอีกฝ่าย เหมยลี่ปล่อยโฮอย่างหนัก เธอโดยมิอาจกลั้นความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่ร่างไว้ได้

“อาเจี๋ย กลับมา ลูกเธอยังเล็ก... เธอบอกว่าจะเปิดร้านขายขนมด้วยกัน แล้วฉันก็ไม่มีน้องสาว มีแต่ผัวเฮงซวย ที่ตัดยังไงก็ไม่ขาดจากกัน ละ ลุกขึ้นมาก่อน ไม่มีเธอแล้ว จะมีใครสอนฉันทำขนม และพาฉันแต่งตัวสวยๆ อีกอย่าง เถ้าแก่ร้านขายของ และนายทหารตั้งหลายคนที่อยากมาดูตัวเธอ พวกนั้นไม่ติด หากเธอจะมีลูกแล้ว...ตื่นสิอาเจี๋ย”

เสียงของเหมยลี่ดังมาก ทว่าคนที่หลับอยู่นั้น คล้ายกับไม่อาจรับรู้

อึดใจต่อมาประตูห้องด้านนอกถูกเปิดเข้ามา นั่นเป็นเพราะซ่างเป่าได้ยินเสียงเหมยลี่ ส่วนคนนอกอย่างโทนี่ กับซินอี๋ ไม่กล้ายุ่มย่ามทั้งคู่เพียงแต่ยืนรอเท่านั้น

“ฉัน... ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเลยนะ” ซินอี๋ว่าเสียงอ่อย และหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้ามองเข้าไปในห้อง หรือสบสายตาโทนี่

“เอาเป็นว่า เรื่องนั้นไว้คุยอีกที ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกัน ผมหวังว่าคุณจะช่วยเสี่ยวซ่าง รับมือกับเรื่องร้ายๆ ในวันนี้”

“เฮ้อ... ฉันไม่ใช่คนใจไม้ใส้ระกำ แต่ขอเวลาทำใจก่อน” ซินอี๋เอ่ยจบ ก็ก้าวไปสูดอากาศตรงโถงทางเดิน และหล่อนไม่ได้คิดหลบหนี ในห้วงขณะหนึ่ง จิตสำนึกว่าต้องช่วยเด็กชายให้ผ่านพ้นวันโศกเศร้า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป