บทที่ 4 Chapter 3 อย่าแตะต้องเธอ
การกระทำของหมอหนุ่ม อยู่ภายใต้สายตาของเจ๊โรส ผู้ที่คอยจับผิดเขาอยู่เสมอ เธอเริ่มมั่นใจว่าหมอหนุ่ม ต้องปั้นใจให้กับมุขลินบ้างแล้ว ถึงได้แสดงอาการหึงหวง และเป็นห่วงเธอออกมาแบบนั้น
วันนี้หมอนัดมารดาของมุขลินเธอ จึงกระตือรือร้นตื่นแต่เช้า ทั้งที่เพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมง แต่เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ามารดา ต่อให้เธออดหลับอดนอน เพื่อบุพการีแล้วมุขลินก็ยินดีที่จะทำ โดยไร้เงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
"แม่ไปเองก็ได้ลูกนอนต่อเถอะลูก" ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้น เมื่อรู้ว่าลูกสาวทำงานดึก และเพิ่งนอนไปไม่นานนี้เอง
"ลินไหวค่ะแม่เดี๋ยวค่อยกลับมานอนต่อก็ได้" มุขลินพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในครัว เพื่อเตรียมอาหารเช้ารับประทานกับมารดา ก่อนเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งวันนี้อาการของแม่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอมองออกจากใบหน้าของหญิงวัยห้าสิบกว่า ที่แลดูซีดเซียวกว่าทุกวัน เพราะเธอเฝ้าสังเกตอาการของมารดาทุกวัน
เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาล มุขลินยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อย เธอจึงพาแม่มานั่งรออยู่หน้าห้องตรวจของแพทย์ประจำ ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และชำนาญในการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
"เชิญคุณไข่มุก ลูก้า ที่ห้องตรวจค่ะ" พยาบาลเรียกชื่อมารดาของมุขลิน เธอจึงค่อยๆ พยุงผู้เป็นมารดาเข้าไปด้านใน ก่อนจะยกมือไหว้หมอหนุ่ม ซึ่งเธอแน่ใจว่าภายใต้แมสที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้นั้น เขาคงจะเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูหล่อเหลาคมคายเลยทีเดียว
หมอภาคินสตั้นไปสิบวิ เมื่อเขาเพิ่งรู้ว่ามุขลินคือลูกสาวของไข่มุก ผู้ป่วยที่เขาเป็นเจ้าของไข้เคสนี้อยู่หมอหนุ่มพยายามเก็บอาการด้วยการก้มดูจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจากประวัติการรักษาแล้ว ทำให้เขาประเมินอาการของคนไข้วันนี้คงได้แอดมิดแน่นอน
"เชิญคุณไข่มุกนอนที่เตียงเลยครับ ผมขอตรวจดูอาการก่อน" มุขลินพยุงมารดาขึ้นไปนอนบนเตียงใบหน้าของมารดาของเธอนั้นเริ่มซีดขึ้นกว่าเดิม ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
"วันนี้ต้องแอดมิดนะครับ" หมอหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่ตรวจดูอาการจนแน่ใจแล้ว ไม่นานไข่มุกมารดาของมุขลินก็ถูกนำตัวส่งไปยังห้องผู้ป่วยรวมของโรงพยาบาล
"เชิญญาติของคุณไข่มุกพบแพทย์ด้วยค่ะ" พยาบาลเดินมาบอก ในขณะที่มุขลินกำลังนั่งกุมมือมารดาอยู่ ด้วยความห่วงใย
"เดี๋ยวลินมานะคะแม่" พูดจบมุขลินก็เดินตามพยาบาลไปที่ห้องของหมอหนุ่ม
"เชิญนั่งครับ" มุขลินนั่งลงช้าๆ ก่อนจะตั้งใจฟังหมอบรรยายถึงอาการของมารดา ที่ดูแย่และน่าเป็นห่วงมากในเวลานี้
"ผู้ป่วยอาการแย่ลงต้องฟอกไตอย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้งนะครับ"
"แม่อาการแย่มากเลยเหรอคะหมอ" มุขลินถามออกมาด้วยแววตาที่เหนื่อยล้า
"ตอนนี้ผู้ป่วยอาจไตวายได้ ผมอยากแนะนำให้ใช้วิธีปลูกถ่ายไตจะเป็นผลดีกับผู้ป่วยมากกว่า" คำตอบของหมอทำให้มุขลินเข่าแทบทรุด เพราะเธอรู้ดีว่าจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ใบหน้าสวยคมของเธอดูเป็นกังวล ดวงตากลมเริ่มเศร้าหม่นลงในทันที ทำให้หมอหนุ่มรู้สึกสงสารอยากเข้าไปปลอบคนของใจ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็ทำได้แค่เพียงแอบชำเลืองมองเธอ
มุขลินเดินเข้ามาภายในผับด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว แม้ว่าเธอจะคิดและตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่ก็ยังอดที่จะกลัวกับสิ่งที่เพิ่งจะตัดสินใจลงไปหมาดๆ ไม่ได้ หญิงสาวเดินเข้าไปหาเจ๊โรส ที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ที่เคาน์เตอร์ในผับ
"เจ๊โรส!... "
"มีอะไรเหรอมุขลิน ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" เจ๊โรสวางถ้วยชาในมือลง แล้วหันมามองมุขลิน ที่ในเวลานี้ใบหน้าสวยคมของเธอนั้น ดูมีความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตกลับดูเศร้าหม่นอย่างบอกไม่ถูก
"หนูจะขาย เจ๊หาใครก็ได้ที่ให้ราคาดี รับประกันสินค้าได้ ลินไม่เคยมีตำหนิมาก่อน"
"ฮ๋า!" เจ๊โรสตกใจจนร้องอุทานออกมาเสียงดัง
"ทำไมถึงเปลี่ยนใจมาขาย" เจ๊โรสรู้สึกผิดหวังในตัวของมุขลิน เมื่อเธอไม่คิดมาก่อนว่าหญิงสาวแสนสวยจะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้
"แม่ป่วยหนักลินต้องใช้เงินจำนวนมาก!" คำบอกเล่าของมุขลิน ทำให้เจ๊โรสเปลี่ยนสีหน้าจากผิดหวังในตัวเธอ กลายเป็นเห็นอกเห็นใจแทน หากมุขลินจำเป็นจะต้องขายความสาวให้กับใคร ในเวลานี้เจ๊โรสไม่คิดถึงใครนอกจากหมอภาคิน
"แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำมันคือชีวิตทั้งชีวิตเลยนะ"
"ค่ะเจ๊!" มุขลินตอบอย่างไม่ลังเล หากมันจะทำให้มารดาของเธอมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ เธอก็ยินดีที่จะทำ แม้จะต้องแลกมันมาด้วยชีวิตก็ตาม
"ความจริงแล้วเจ๊ก็ไม่อยากให้มุขลินทำงานนี้เลย"
ถึงแม้ว่าเจ๊โรสจะรู้ดีว่าหมอหนุ่มต้องการหญิงสาวมากเพียงใด เธอก็ไม่อยากให้เด็กดีอย่างมุขลินต้องมีมลทินติดตัวไปจนตาย หากว่าหมอภาคินรัก หรือชอบเธอด้วยใจจริงมันก็ดีไป แต่หากว่าเขาเห็นเธอเหมือนดังกับผู้หญิงทั่วไป แค่วันไนท์สแตนด์ทุกอย่างก็คงจบลงแบบไม่สวยแน่
"มันจำเป็นค่ะเจ๊ ชีวิตแม่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดในเวลานี้ เจ๊โรสช่วยลินด้วยนะคะ" หญิงสาวพูดอ้อนวอนขอความช่วยเหลืออย่างคนที่สิ้นไร้หนทาง ที่เจ๊โรสนั้นไม่อยากช่วยเลยสักนิด เพราะสิ่งที่กำลังจะช่วยนั้นอาจนำพาไปซึ่งความหายนะมาสู่ชีวิตของมุขลิน
แต่เมื่อมันจำเป็นเธอก็ต้องช่วย เพราะไม่อย่างนั้นมุขลินอาจจะหนีเตลิดไปหาแขกเอง คนที่จะเดือดร้อนมากที่สุดก็คือตัวของเจ๊โรส เพราะหมอภาคินเล่นงานยับแน่
"รออยู่นี่แป๊บหนึ่งนะ!” เจ๊โรสะกดโทรศัพท์แล้วเดินออกไปคุยด้านนอก ปลายสายของเธอคงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร เพราะคนของใจเจ้านายหนุ่มนั้นกำลังจะยอมจำนน
มุขลินนั่งแท็กซี่ตรงไปตามนามบัตรที่เจ๊โรสให้มา พร้อมกับคีย์การ์ดของห้องครั้งแรก กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ยิ่งรถแท็กซี่แล่นเข้ามาใกล้คอนโดนั่นเท่าไหร่ ใจของมุขลินก็เต้นแรงขึ้นเท่านั้น
หญิงสาวลงจากรถแท็กซี่แหงนมองขึ้นไปยังคอนโดหรู ผู้ชายที่ซื้อเขาคงมีฐานะดีมาก ถึงขั้นเศรษฐีเลยทีเดียว ถึงมีเงินซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองแบบนี้ได้ ชาตินี้ทั้งชาติมุขลินคงไม่มีปัญญาที่จะได้มาเหยียบที่แบบนี้ หากชีวิตไม่ผกผัน ทำให้หันมาทำในสิ่งที่ใจไม่ปรารถนา
