บทที่ 6 ตอนที่ 2 เร่งช่วยเหลือ

“พี่เฟยเทียน!”

เจ้าของนามรีบผละออกจากสตรีตรงหน้า เขาเบิกตามองตามเสียงจึงเห็น...ไป๋ลี่ถิง!

ไป๋หมิงเยว่ลอบกระตุกยิ้มสาสมใจ

ทันทีที่หลี่เฟยเทียนเห็นไป๋ลี่ถิง เขาก็ชะงักงันตัวเกร็ง

อ้อมแขนอบอุ่นที่โอบกอดไป๋หมิงเยว่อย่างอ่อนโยนพลันแข็งค้างไปถนัดตา ไม่ช้ายังรีบผละจากอย่างตกใจ

แน่นอนว่าไป๋หมิงเยว่สัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของเขา เรื่องนี้ยิ่งกว่ามีมีดนับหมื่นเล่มทิ่มแทงนางจนเลือดโชก  หญิงสาวเจ็บร้าวเกินทานทนจนกระทั่งต้องปัดแขนเขาออก แล้วหันหลังวิ่งหนีอย่างคนไร้ทางสู้

ไป๋หมิงเยว่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องร้องไห้อยู่คนเดียวก่อนจะเป็นลมสลบไป

จิ่นซินเห็นเช่นนั้นก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว

แม้คุณหนูจะไม่ให้นำเรื่องราวในจวนไปปรึกษาใคร แต่การเงียบหาใช่ทางออกที่ดีไม่

มีความจริงอยู่หนึ่งประการ แม้จวนไป๋จะเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ด ทว่ากลับมีพระสนมคนหนึ่งสนิทสนมกับมารดาของไป๋หมิงเยว่มาก เนื่องจากเคยมีบุญคุณต่อกัน

จิ่นซินจึงทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าพบพระสนมผู้นั้น

ทั้งลำบากและใช้เวลาเนิ่นนาน แต่สาวใช้ตัวน้อยกลับไม่ย่อท้อ ในที่สุดวันที่เฝ้ารอก็มาถึง จิ่นซินได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้าถึงตำหนักพระสนมเว่ยโดยขันทีผู้หนึ่ง

เรื่องราวฟ้องร้องจึงพร่างพรูออกจากปากของจิ่นซิน ตามความเป็นจริงทุกประการโดยไม่มีการหมกเม็ดใดๆ นางเล่าพลางร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนาราวจะขาดใจ

ช่างเป็นสาวใช้ที่ภักดีอย่างยิ่ง

พระสนมให้รู้สึกชื่นชมระหว่างรับฟังเรื่องราวโสมมในจวนไป๋ เมื่อฟังจบจึงบังเกิดความคิดฉุดดึงไป๋หมิงเยว่ให้หลุดพ้นขึ้นจากห้วงทุกข์ระทมขมขื่นใจจึงคิดจับคู่ให้เสียเลย

ช่วงนี้นางกำลังเป็นที่โปรดปราน ใช้เวลานอนคุยเรื่องสัพเพเหระกับฮ่องเต้ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น

และบางครั้งฝ่าบาทก็มักจะพลั้งเผลอพร่ำบ่นเรื่องงานราชกิจออกมาบ้างเล็กน้อย

“แม่ทัพหยางเปี่ยมบารมี ฝีมือสูงส่ง เริ่มเรืองอำนาจมากเกินไป การกำจัดเขามิใช่ทางออกที่ดี ถึงอย่างไรฝีมือสูงส่งของเขายังสร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดินได้อีกมาก”

“เช่นนั้นสมรสพระราชทานเพื่อลดทอนความล้ำเลิศไยมิใช่ควรเกิดขึ้นเล่าเพคะ” พระสนมแย้มยิ้มอ่อนหวานพลางกล่าววาจาเสนาะโสตคล้ายไม่ใส่ใจ

“แม่ทัพผู้แข็งกระด้างปานศิลากับหญิงสาวธรรมดาไร้ยศศักดิ์ไร้อำนาจสนับสนุน มิใช่คู่ที่เหมาะสมหรือเพคะ”

ฮ่องเต้เยี่ยนเลิกคิ้ว อันที่จริงมิใช่ว่าพระองค์จะไม่รู้ว่าสนมแต่ละนางเป็นเช่นใด แอบพบใครบ้างในแต่ละวัน ทว่าเพราะกำลังเสาะหาสตรีที่สมควรเป็นหมากตานี้อยู่พอดีจึงไม่ได้ขัดสนมเว่ยในเรื่องนี้ อีกอย่างพระองค์เองก็ลองถามหยั่งเชิงกับพระสนมคนใดก็มีแต่แนะนำหลานสาวจากตระกูลตัวเองเพื่อเสริมอำนาจแห่งตนไปเสียสิ้น

เมื่อหยั่งเชิงกับขุนนาง พวกเขาก็เอาแต่อ้ำอึ้งอึกอัก มิกล้าออกความเห็น

ทว่าสกุลเว่ยกับสกุลไป๋นั้น สายสัมพันธ์ห่างไกล ไร้เส้นสายโยงใย เรื่องขั้วอำนาจอันใดยิ่งไม่มี

แน่นอนว่าฮ่องเต้ส่งสายลับออกไปสืบหาข้อเท็จจริงในประสงค์ของสนมเว่ยได้ไม่ยาก

สนมเว่ยไหนเลยจะล่วงรู้พระทัยฮ่องเต้ถึงขั้นนั้น นางเพียงแนะนำไป๋หมิงเยว่ตามที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะมารดาของอีกฝ่ายเคยช่วยนางเอาไว้ครั้งหนึ่ง

เฮ้อ! ถือว่าตอบแทนคุณให้แก่วิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าเองก็ช่วยบุตรสาวของท่านได้เท่านี้ล่ะ! สนมเว่ยคิดเพียงต้องการให้ไป๋หมิงเยว่หลุดพ้นจากครอบครัวที่ละเลยและบุรุษเห็นแก่ตัว นางจึงเอ่ยอย่างเรียบง่ายไร้แผนการใดว่า

“นางคือคุณหนูใหญ่สกุลไป๋แห่งจวนขุนนางขั้นเจ็ด ไร้มารดา บิดาไม่ใส่ใจ นามว่าไป๋หมิงเยว่เพคะ แน่งน้อยผู้นี้ไร้ตัวตนในจวน หมดอำนาจตั้งแต่มารดาตาย ปราศจากคู่หมั้นคู่หมายเป็นเรื่องเป็นราวแม้อายุล่วงเข้าสิบแปดปีแล้ว และที่สำคัญ ทั้งนางและตระกูลมิได้มีอำนาจมากจนเกินไป นิสัยใจคอหรือก็อ่อนแอชวนปวดใจ เหมาะแก่การดึงรั้งบารมีขุนนางเรืองอำนาจได้อย่างดีเพคะ”

เมื่อฟังจนจบ เนตรมังกรพลันเปล่งประกายเข้มลึก พระสนมเว่ยคนงามจึงได้รับสิทธิ์ปรนนิบัติจนรุ่งสาง...

ไม่นานหลังจากนั้นการไว้ทุกข์ให้มารดาครบสามปีจบลงพร้อมกับเทียบเชิญเข้าร่วมฉลองชนะศึกและการประกาศราชโองการสมรสพระราชทานอันเป็นรางวัลแก่ผู้ทำความดีความชอบพลันเกิดขึ้น

ไป๋หมิงเยว่ยังไม่อาจตัดใจรักหลี่เฟยเทียนได้ด้วยซ้ำกลับต้องออกมายืนรับพระราชโองการกลางลานงานเลี้ยงหน้าที่ประทับอย่างกะทันหันชนิดไม่ทันตั้งตัวมิได้เตรียมใจ

ข้างกายคือบุรุษผู้ได้รับสมรสพระราชทานกับนาง

แม่ทัพหนุ่มผู้แข็งกระด้างเย็นชา หยางเจี้ยน...

อันที่จริง สมญานามเรื่องเย่อหยิ่งจองหองมองคนด้วยหางตาพิฆาต ยังมีท่าทีเย็นชาท่วงท่ากิริยาสุดแสนจะแข็งกระด้างกอปรกับใบหน้าไร้อารมณ์และนิสัยเข้าถึงยากของหยางเจี้ยน มิได้ทำให้ไป๋หมิงเยว่นึกกังวลเท่ากับการที่เขาคือบุรุษที่สหายของนางแอบพึงใจหมายปอง

เหยาฟู่หรง สหายเพียงหนึ่งเดียวของไป๋หมิงเยว่

คุณหนูเหยามักจะร่วมดื่มชาเดินหมากกับไป๋หมิงเยว่เพื่อคลายเหงาและร่ายเป้าหมายอันสูงสุดในชีวิตตนเองให้ไป๋หมิงเยว่ฟังว่า

‘ข้าจะบอกกับท่านแม่ให้ไปเลียบเคียงท่านผู้เฒ่าจวนหยางเรื่องหมั้นหมาย เขาสูงส่งปานนั้น ได้เป็นเพียงอนุของเขาก็ยังดี หวังว่าท่านแม่ทัพหยางผู้นั้นจะไม่รังเกียจข้า’

คำพูดจาคล้ายฝันเฟื่องเช่นนั้นถูกโพล่งออกมาได้แค่เพียงไม่นาน สมรสพระราชทานกลับถูกประกาศตัดหน้า

ราชโองการโอรสสวรรค์ไม่อาจขัด มิเช่นนั้นย่อมต้องพาคนทั้งตระกูลตายตกถึงเก้าชั่วโคตร

เรื่องนี้มีเพียงต้องทำใจเท่านั้น ไป๋หมิงเยว่จึงทำอะไรมิได้นอกจากก้มหน้าร่ำไห้ยอมรับชะตากรรม โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสหายรักอย่างเหยาฟู่หรงไม่คิดยินยอมสักเสี้ยว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป