บทที่ 6 ผีพราย

"ว้าย!.."

เสียงร้องเปล่งออกมาได้แค่นั้นเพราะร่างเปล่าเปลือยถูกตวัดรัดรอบเอวก่อนจะฉุดดึงลงสู่ใต้น้ำ ประสาทสัมผัสตื่นตัวเต็มที่เมื่อนึกถึงว่าเธอกำลังเผชิญกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน สิ่งที่คนสัญจรทางน้ำต่างพากันหวาดกลัว สิ่งที่เธอไม่เคยพบและก็ไม่เคยกลัวเสียด้วยซ้ำ แต่ในเวลานี้สิ่งนั้นกำลังทำให้เธอหายใจไม่ออก

เหมยกุ้ยพยายามดีดตัวออกจากแรงกอดรัด ดิ้นรนให้พ้นไปจากอ้อมกอดที่ช่างใหญ่โตเกินที่เธอจะจินตนาการได้ก่อนที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง ทว่าผีพรายไม่เพียงแต่กอดรัดรอบเอวแต่กลับบีบเคล้นที่หน้าอกอวบอิ่มและบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงบ้าคลั่ง ความเจ็บทำให้เธอร้องประท้วงส่งผลให้เจ้าผีพรายตัวผู้แทรกปลายลิ้นเข้ามาในปาก ก่อนแรงถีบส่งของมันจะส่งตัวเธอให้ทะลึ่งขึ้นสู่ผืนน้ำด้านบน

เฮือก..

เหมยกุ้ยตาเหลือกพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดเมื่อเจ้าผีพรายคลายจูบจากปากเธอ ดวงตากลมโตหลับปี๋ไม่กล้าลืมมอง แม้ว่าฝ่ามือหยาบใหญ่ของมันจะแตะต้องไปทั่วทุกส่วนที่อยู่ใต้น้ำไม่เว้นแม้แต่กุหลาบดอกงามของเธอที่ยังไม่เคยผ่านมือชายใดก็ถูกมันตะปบและเคล้นคลึงราวกับกุหลาบดอกนี้เป็นสมบัติของมัน

เหมยกุ้ยรู้สึกคล้ายกับว่าร่างกายของเธอสั่นราวกับจะจับไข้ เนื้อกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เธอคงจะถูกมนตร์สะกดของมันจนไร้เรี่ยวแรงต่อต้านใช่ไหม ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะร้องเรียกให้ใครๆ ช่วย หัวสมองสับสนมึนงงทั้งจากความคิดและจากแรงกระตุ้นแทบจะทุกจุดบนร่างกายพร้อมๆ กัน หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนจมน้ำตาย นี่เธอกำลังจะตายเพราะน้ำมือผีพรายตัวผู้นี้ใช่ไหม

ร่างกายของเธอบางเบาไร้น้ำหนักเมื่อมันตวัดรัดรอบเอวและลากเธอลอยวนอยู่ในน้ำ แม้จะหลับตาแต่กลิ่นตะไคร่และความอุ่นของน้ำที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเธอกำลังจะถึงตลิ่งในอีกไม่ช้า และพื้นกระดานลาดเทก็ยิ่งทำให้เธอสั่นประสาทมากขึ้น คำบอกเล่าว่าศพที่พบนั้นล้วนถูกนำมาขัดไว้กับขั้นบันไดแวบมาในความคิดและเธอก็กำลังจะเผชิญกับชะตากรรมนั้น แต่สิ่งที่รับรู้ในขณะนี้กลับเป็นเรือนร่างถูกอุ้มขึ้นนั่งบนขั้นบันได ต่ำกว่าสะดือเท่านั้นที่ยังคงแช่อยู่ในน้ำนอกนั้นรู้สึกได้ถึงสายลมเอื่อยที่แล่นมากระทบผิวกาย

‘เจ้าผีพราย จะทำอะไร’

คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงเมื่อปลายยอดเม็ดบัวข้างหนึ่งกำลังถูกอะไรบางอย่างที่อ่อนนุ่มและชุ่มชื้นสัมผัส แรงดุนดึงและไล้ไปมาทำให้เธอถึงกับเผลอส่งเสียงออกมาอย่างลืมตัว และอีกข้างหนึ่งก็ไม่น้อยหน้าเมื่อสัมผัสรับรู้กำลังบอกว่าฝ่ามือหยาบใหญ่ของมันช่างขย้ำขยี้ไม่ปรานี

"ซี้ด..."

ความชุ่มชื้นและสัมผัสหยาบใหญ่สลับสองข้างไปมาจนทำให้เธอมึนงงไปกับมนตร์สะกดของมัน มือไม้ดูราวจะเกะกะไร้ทิศทาง ยิ่งปลายยอดถูกรุกล้ำเธอยิ่งสะท้านเกินจะทนไหวเผลอกระชับบ่าใหญ่ของมันแน่น ฝ่ามือบอบบางลูบไล้บ่าใหญ่ของมันไปมา อา... เธอกำลังค้นพบความแข็งแกร่งตรงหน้า

เหมยกุ้ยปล่อยใจล่องลอยเธอยิ้มราวกับคนเสียสติที่พอใจกับสัมผัสและเรือนร่างของเจ้าผีพรายนี้ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่สัมผัสได้จากฝ่ามือลูบไล้ทำให้เธอสะบัดเรือนผมยาวสยายที่หลุดลุ่ยออกจากมวยไปมา อา... เจ้าผีพรายทำให้เธอค้นพบหนทางไปสู่สวรรค์ เธอพร้อมจะตายแล้ว หากความตายมีทางเดินที่มีความสุขอย่างนี้

"อา... ซี้ด..."

ร่างอวบอิ่มขาวโพลนบิดกายไปมาด้วยความซ่านเสียวรัญจวนอย่างที่สุด มือหยาบใหญ่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวเคล้นคลึง ร่างดำมันเงาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อขยับกายขึ้นสูง คุกเข่าบนพื้นกระดานปริ่มน้ำก่อนจะขยับบั้นท้ายของเหมยกุ้ยขึ้นมาเกยอยู่บนต้นขาแข็งแกร่ง ดวงตาเต็มไปด้วยแรงปรารถนาทอดมองไปทั่วเรือนร่าง แม้จะเป็นคืนเดือนมืดแต่ร่างขาวโพลนแบบนี้ก็กลับเป็นสิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดถนัดตา

ใบหน้างดงามดุจเดือนเพ็ญสะบัดไปมาราวกับคนได้รับความทุกข์ทรมาน ริมฝีปากน้อยๆ นั้นร้องประท้วงสิ่งที่อัดอั้นในหัวใจออกมา ทรวงอกอวบใหญ่เกินวัยกระเพื่อมไปมาในทุกครั้งที่ฝ่ามือของมันแตะต้องสัมผัส เอวคอดกิ่วขยับเกร็งกล้าๆ กลัวๆ แอ่นเข้าแอ่นออกตามจังหวะดูดดึงของปลายลิ้น และกุหลาบดอกงามที่ลอยเด่นอยู่บนต้นขาของมันก็ช่างงดงามเสียจนไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้

กุหลาบดอกงามที่ปิดสนิทแนบแน่นเพราะยังไม่เคยถูกแมลงตัวใดชอนไชเข้าไปสัมผัสดูดกลืนความหอมและน้ำหวานด้านใน ดอกกุหลาบสีขาวงดงามที่ไร้เส้นขนใดๆ มาปิดบัง ความอวบอูมเพิ่มพูนกำลังกวักมือเรียกมันเข้าหา และกำลังร่ายมนตร์ดำมายาให้มันอยากจะกลืนกินกุหลาบดอกนี้ให้หมดไม่เหลือ

ต้นแขนแกร่งช้อนใต้สะโพกที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าขึ้นสูง ส่งให้กุหลาบดอกงามลอยเด่น ริมฝีปากอ้ากว้างจนสุดก่อนจะอ้าอมดอกกุหลาบงามทั้งดอกเข้าไปในอุ้งปาก ความใหญ่โตเติมเต็มอยู่ในอุ้งปากของมันแต่ก็ยังหลงเหลือบางส่วนออกมาด้านนอก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป