บทที่ 1 บ่วงรักท่านประธาน บทที่ 1
บ่วงรักท่านประธาน
เขาเคยทำผิดกับเธอไว้ ในวันนี้เมื่อคิดจะกลับใจ
ก็เกือบสายเกิน
รังสิมันต์ – มัทนา
เมื่อห้าปีที่แล้ว รังสิมันต์ทำ มัทนา รุ่นน้องปีหนึ่งท้อง เขาอยู่ในความสับสนจนเธอลาออกและหายไป เขาเก็บความสำนึกผิดเอาไว้ และพยายามออกตามหากระทั่งได้พบเธอกับลูก รังสิมันต์อยากได้เธอและหัวใจดวงน้อย ๆ กลับคืนมา แต่เธอกลับหันหลังให้ เขาจึงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นเลขาของเขาเพื่อที่จะได้อยู่กับเมียและลูกแค่หนึ่งเดือน...หนึ่งเดือนเท่านั้นที่เขาจะต้องทำให้เธอกลับมารักและให้อภัยเขาอีกครั้ง ผูกมัดเธอไว้ในบ่วงรักของท่านประธานด้วยสายใยผูกพันนิจนิรันดร์
บทที่ 1
อดีตที่ฝังใจ
“สวัสดีค่ะบอส...รอนานหรือเปล่าคะ?”
มัทนากล่าวทักทาย อภิวัฒน์ หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วในร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง หญิงสาวรูปร่างบอบบางผิวขาวผ่องวัยยี่สิบสองในเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสวมทับด้วยเสื้อสูทสวมกระโปรงทรงสอบ ใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมยาวดำขลับรวบเป็นหางม้าหย่อนตัวลงนั่งก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ต้องขอโทษด้วยนะคะบอส รถติดมาก ฉันบอกคนขับแท็กซี่แล้วว่าให้รีบหน่อยแต่ก็ช้าจนได้”
“ไม่เป็นไรหรอกโรส แค่สิบนาที ที่เรียกออกมาหานี่ก็รบกวนคุณมากพออยู่แล้ว”
“มันเป็นหน้าที่ของโรสนะคะ ก็บอสไม่ได้เข้าบริษัทหลายวันแล้ว นี่ค่ะ...โรสเตรียมเอกสารที่ค้างอยู่มาให้บอสเซ็นด้วย”
มัทนาหยิบเอกสารในกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะ ตรงหน้าอภิวัฒน์ หัวหน้าของเธอซึ่งเป็นประธานบริหารบริษัทส่งออกสินค้าใหญ่ มัทนาทำหน้าที่เป็นเลขาของเขามาได้เกือบปีและรู้ว่าเจ้านายของเธอไม่ค่อยมีเวลาว่างแม้กระทั่งจะเข้าไปที่ทำงาน และเธอต้องหอบเอกสารออกมาให้เจ้านายที่ไม่เคยมากเรื่องเซ็นรับทราบข้างนอกอยู่ออกบ่อย แต่แล้วชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบก็โบกไม้โบกมือ
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อนโรส ที่ผมเรียกคุณมาหานี่เพราะมีเรื่องที่จะต้องบอกให้คุณรับรู้เกี่ยวกับบริษัทของผม”
“มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือคะบอส?”
“คืองี้นะ...ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี คุณคงรู้ว่าการดำเนินกิจการของบริษัทเรากำลังประสบปัญหาและอะไรต่อมิอะไรค่อนข้างแย่ ช่วงหลัง ๆ ที่ผมไม่ค่อยได้เข้าไปบริษัทเพราะกำลังทบทวนในหลาย ๆ เรื่อง และเรื่องนี้ผมก็อยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว อันที่จริงผมคิดไว้แล้วว่าจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่และพนักงานของบริษัทรับทราบภายในวันสองวันนี้เพราะสถานการณ์ของบริษัทเราช่วงนี้ไม่ดีขึ้นเลย”
“ค่ะ...บอสมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ โรสพร้อมที่จะรับฟังอยู่แล้ว”
มัทนากล่าวออกไปทั้งที่ใจของเธอกำลังวาบไหว เธอรู้มาก่อนหน้าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ว่าบริษัทกำลังประสบปัญหาและดูเหมือนว่าเจ้าของบริษัทกำลังหาทางออก อภิวัฒน์ถอนหายใจพรืด
“ผมตกลงขายกิจการต่อให้เพื่อนของผมคนหนึ่ง เราเซ็นสัญญากันเมื่อวานและถือได้ว่าเขามีสิทธิ์เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการของบริษัทเราเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ณ ตอนนี้”
“นี่แสดงว่า...โรสตกงานแล้วใช่ไหมคะ?”
“โอ...ยังๆๆๆ...ผมยังอธิบายให้คุณฟังไม่จบ อย่าเพิ่งคิดว่าคุณจะโดนไล่ออก”
“แต่บอสก็ไม่ได้บริหารกิจการของบริษัทอีกแล้วนะคะ และก็ไม่รู้ว่าเจ้าของคนใหม่เขามีนโยบายยังไงบ้างเกี่ยวกับการบริหารคนในองค์กร”
“เขาเป็นเพื่อนผมเอง เป็นเจ้าของอาร์ซีเอ็ม บริษัทร่วมทุนรับเหมาก่อสร้างบริษัทใหญ่เลยล่ะ ผมเพียงเสนอเขาว่าถ้าทำได้ก็อยากให้คงสภาพของการทำงานแบบเดิมเอาไว้ นั่นก็หมายถึงพนักงานของผมในบริษัทที่มีเกือบสองพันคน”
“แต่คงไม่นับรวมเลขาส่วนตัวด้วยแน่ค่ะ โรสแน่ใจว่าตำแหน่งนี้เขาคงมีคนของเขาอยู่แล้ว”
“วัฒน์...ขอโทษทีที่มาช้าไปหน่อย”
เสียงห้าวลึกที่ดังแทรกเข้ามาทำให้การสนทนาของทั้งสองมีอันต้องหยุดชะงัก อภิวัฒน์รีบลุกขึ้นและทักทายร่างสูงใหญ่ของบุรุษในชุดลำลองที่เดินเข้ามาหยุดด้านหลังเลขาสาว มัทนายังนั่งนิ่ง เธอกำลังนึกว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคุ้นมากเสียจนไม่อยากจะคิดว่าเป็น...
“เมฆ...นายมาพอดีเลย ฉันกำลังคุยกับเลขาของฉันเรื่องบริษัทอยู่น่ะ...โรส...นี่ไง รังสิมันต์ รัตนกิจจา เจ้าของอาร์ซีเอ็ม อินเวสเม้นท์ ที่ผมพูดถึง”
ชื่อเจ้าของบริษัทที่อภิวัฒน์เอ่ยออกมาทำให้หญิงสาวซึ่งนั่งตรงข้ามเขานิ่งอึ้ง มัทนานั่งนิ่งเหมือนลมหายใจของเธอก็หยุดไปด้วย เธอค่อย ๆ หันกลับไปมองและแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือความจริงที่เธอไม่คาดฝันว่ามันจะเกิดขึ้น
“เมฆ...นั่งก่อนซี นี่คือมัทนา หรือเรียกว่าโรสก็ได้นะ เธอเป็นเลขาของฉันเอง”
อภิวัฒน์บอกกับร่างสูงสง่าในชุดลำลองที่ค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งข้างเขา ทำให้ตอนนี้มัทนาซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามต้องประจันหน้ากับ ใคร คนนั้นซึ่งเธอไม่ได้พบหน้ามากว้าห้าปี ใคร คนนั้นที่อยู่ในความทรงจำอันล้ำลึกของเธอเสมอ และเมื่ออยู่ต่อหน้าอภิวัฒน์ หัวหน้าของเธอเอง หญิงสาวจึงจำเป็นต้องประสานสายตากับเพื่อนของเขาตรง ๆ ต้องนั่งจ้องมองใบหน้าคร้ามเข้ม เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลาที่มัทนายังจดจำได้ นัยน์ตาสีสนิมเหล็กใต้ปื้นคิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป สันกรามแกร่งมีไรขนเคราสั้น ๆ และเรือนร่างสูงสง่าแข็งแรงเพราะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาเก่าก่อน ประกายตาคู่นั้นที่มองมายังเธอดูเหมือนมีประกายแห่งความตื่นเต้นฉายออกมาชัดเจน หากแต่หญิงสาวจำต้องยกมือไหว้และกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“สวัสดีค่ะ...คุณรังสิมันต์”
“สวัสดีครับ คุณ...โรส”
