บทที่ 10 บทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้าย 1
บทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้าย
เมวิกาขอเวลานอกหัวหน้างาน เพื่อทำธุระส่วนตัว ของที่รับฝากไว้ นอนอุ่นอยู่ก้นกระเป๋ากางเกงของเธอ คงต้องบากหน้าเข้าโรงจำนำครั้งแรกในรอบ24ปี
“เห้อ!!”
หญิงสาวถอนใจดังๆ เธอเดินหมุนไปหมุนมา จนอาเฮียหลังคอกกั้นขยับแว่นตามอง
“อีหนูเข้ามาไม่ต้องอาย...เร็วๆ ขวางทางคนอื่นเขา”
ประสบการณ์ยาวนานเท่ากับอายุตัวเอง....ทำให้อาเฮียรู้เองโดยไม่ต้องเดา
เมวิกาตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน เธออายสายตาคนมองจนหน้าชา แต่ช่างเถอะ! เธอทำครั้งนี้ครั้งเดียวเพราะอยากช่วยคน
“ฉันเอาเจ้านี่มาจำนำ เฮียคิดว่ามันจะได้สักเท่าไรคะ?”
หญิงสาวล้วงหยิบนาฬิกาโรแล็กซ์วางตรงช่อง พร้อมกับผ่อนลมหายใจช้าๆ รอฟังคำของอาเฮีย เมื่อเธอรู้ดีว่ามันหยุดเดิน
เสียงตอบกลับเรียบๆ “จะเอาเท่าไรล่ะ”
ของดีราคาแพง หรือของก็อปราคาถูก ผ่านมือเป็นพันๆ ชิ้น อาเฮียรำพึงในใจดูท่าชิ้นนี้จะราคาแพงที่สุด...ตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำมา ของแท้กับของปลอมมันมีจุดสังเกต ชายสูงวัยมองผู้หญิงตรงหน้า เขาเคยเห็นหน้าหล่อนบ่อยๆ จนค่อนข้างแน่ใจว่าหล่อนไม่ใช่โจร
“ลื้อไม่ได้ขโมยใครมาใช่ไหมอาหมวย?”
“ปะ...เปล่าจ้ะเปล่า เจ้าของเขาถูกโจรปล้นเหลือแค่ไอ้นี่เลยฝากฉันมาขาย”
อาเฮียครางรับ “อ้อ!! ไม่ใช่คนไทยสิ...ใช่ไหม?”
เถ้าโรงจำนำลองแย็บๆ ยี่ห้อนี้ต้องรวยจริงๆ ถึงจะมีในครอบครองได้ราคาเบาๆ เรือนยังเป็นแสน
“จ้ะเฮียเขาเป็นฝรั่ง เขาอยากได้สตางค์จะได้กลับบ้านได้ จะให้เขามาเองก็กลัวอยู่ เขายังผวาโจรอยู่จ้ะ ถูกดักตีหัวเมื่อคืนนี้เอง”
เมวิกาอธิบายหน้าซื่อ เมื่อเธอพูดความจริงเลยไม่ต้องกลัวอะไร
ชายสูงวัยผ่อนลมหายใจ “บอกตามตรงเลยนะอาหมวย หากให้ซื้อจริงๆ อั๊วไม่มีสตางค์หรอก...รุ่นนี้มันแพง”
“เฮียล้อเล่นเหรอเปล่า? หรือเพราะมันไม่เดินเฮียเลยไม่อยากรับไว้จ้ะ” เมวิกาถามกลับเสียงรน
“ไม่ใช่แบบนั้น!! ...มันเสียก็ส่งซ่อมเขามีประกันแต่...อั๊วไม่มีสตางค์จริงๆ ถ้าจะฝากไว้ละก็ได้ ให้เจ้าของเขามาไถ่คืนทีหลังด้วยล่ะ เอาอย่างนั้นไหมล่ะ?”
“แล้วๆ ได้เท่าไรจ้ะ?”
อาเฮียถอนใจก่อนจะตอบ “เอาเท่าที่อั๊วมีเงินตอนนี้เลยแล้วกันนะอาหมวย...3แสน อั๊วไม่รู้ว่าอีต้องการใช้เงินเท่าไร แต่อั๊วมีเงินสดแค่นี้เอง”
“3แสน!! ...”
หญิงสาวเบิกตาโต ก็พอจะรู้ว่ามันแพง!! แต่ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ เธอกลืนน้ำลายฝืดๆ สรุปนาฬิกาเรือนนี้มันราคาเท่าไรกัน? “ราคาเต็มมันเท่าไรคะเฮีย?”
อาเฮียหัวเราะในลำคอแล้วจึงตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง “ลื้ออย่ารู้เลยอาหมวย...เดี๋ยวหัวใจวายตาย”
อาเฮียหัวเราะพร้อมกับฉีกยิ้ม เขาหมุนตัวกลับไปด้านในเพื่อเตรียมเงินสด ไม่ถึง10นาทีอาเฮียก็ออกมาพร้อมกับถือถุงสีน้ำตาลไหม้ที่บรรจุเงินมาเต็มเอี๊ยด จำนวนมากที่สุดเท่าที่เธอเคยจับเมวิกา เธอยื่นมือสั่นๆ ออกไปรับ หญิงสาวเกือบเป็นลมตายเพราะความตื่นเต้นสุดขีด
...ให้ตายเถอะหมอนั่นเป็นใครกันแน่?
หญิงสาวกอดถุงเงินแนบอกเธอหวาดระแวงไปหมด
“อาหมวยบอก...อีด้วยนา มาไถ่คืนไปด้วยอั๊วกลัวรวย”
อาเฮียโรงจำนำยังตะโกนเตือน...ตอนที่เมวิกาก้าวเท้าออกจากประตู เธอหมุนตัวกลับไปยิ้มแหยๆ พร้อมทั้งรีบพยักใบหน้ารับรัวๆ
หลังจากมีเงินก้อนใหญ่ในมือ เมวิกาก็ไม่เป็นสุขเลย เธอกลัวทำสตางค์ของแวซ็องหาย...จนต้องลางานกลับก่อนเวลาเป็นครั้งแรก ขอเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองไปมอบให้เจ้าของก่อนดีกว่า เพราะหากมันหายไปเธอคงไม่มีปัญญาชดใช้คืน
แวซ็องอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาผูกมิตรกับป้าเจ้าของห้องเช่าด้วยไก่ย่างครึ่งตัวที่แบ่งกับดิเยร์สุนัขที่ชายหนุ่มรู้สึกผูกพัน เลยได้อาบน้ำในห้องของนางเป็นของแถม และสุนัขแสนรู้มันได้กินจนเปรม แต่มันก็อิ่มหมีพีมันมากขึ้นอีก เพราะป้าเจ้าของห้องพักแบ่งข้าวสวยร้อนๆ มาให้ชามใหญ่ เขาเลยคลุกข้าวผสมไก่ที่เหลือให้มันกินจนเปรม นอนเลียปาก ตาปรือ กระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี
“พ่อฝรั่งเป็นอะไรกับหนูเมล่ะ ทำไมถึงได้มานอนเฝ้าหลังห้องให้เค้า?”
ตามประสาคนแก่ว่างงานและชอบสอดส่องเรื่องชาวบ้านเป็นนิจ นางจึงแวะมาไต่ถาม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังปักหลักไม่ไปไหน
“ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่...เขาใจดีช่วยคนตกทุกข์”
“อ้อ! หนูเมนิสัยดี แล้วก็สวยเสียด้วย หากคิดเกินเลยก็ขอให้จริงจังกับเขาเถอะนะพ่อนะ”
แววตาบางอย่างของแวซ็องบ่งบอก คนผ่านอะไรๆ มามากมองเห็นและเดาเจตนาได้แบบไม่ผิดเพี้ยน
แวซ็องแสร้งหลบตาทำเป็นไม่เข้าใจ...มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ให้เขาจริงจังกับเมวิกานี่นะ...หล่อนไม่คู่ควรหรอก!!
“เป็นหนุ่มเป็นสาวกันทั้งคู่ แบบนี้มันไม่ดีนา ห้องหับป้ามีว่างสนใจจะเอาไว้เป็นที่ซุกหัวไหมล่ะ”
หญิงชายมันไม่สมควรอยู่ใกล้ชิดกัน ยิ่งหัวนอนปลายเท้าเป็นแบบไหนก็ยังไม่รู้ สงสารเมวิกาที่ตัวคนเดียวอะไรที่พอจะช่วย (กันท่า) ได้นางก็ยินดีทำ
