บทที่ 11 บทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้าย 2

เกือบจะหลุดยักไหล่ เหมือนอย่างที่เคยทำเวลาที่เขาไม่พอใจพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม ชายหนุ่มชะงักเมื่อนึกได้ เขารีบปั้นน่าเศร้าพร้อมกับพูดแก้ติดๆ ขัดๆ

“ฉันไม่-มี-เงินติดตัว เลยขออาศัยชายคาห้องเธอนอนไปก่อนได้ไหม? จนกว่าจะติดต่อญาติได้”

นางถอนใจ ครั้นจะช่วยโดยไม่รู้ว่าจะได้เงินหรือเปล่าก็ไม่ได้! จะได้ตอนไหนก็ยังไม่รู้? ปากท้องตัวเองก็ต้องห่วงนางไม่ได้ร่ำรวยมีสมบัติเก่ากิน ต้องยังชีพด้วยค่าเช่าห้อง หากจะให้อยู่ฟรีตัวนางเองนั่นแหละจะเดือดร้อน นางจึงตัดใจขอช่วยมองห่างๆ ดีกว่า

รอยยิ้มสมใจแต้มมุมปาก แล้วก็ถูกกลบเกลื่อนหายไป เมื่อสาวใหญ่หันกลับมามอง

“กินอะไรหรือยังล่ะ?”

มันเป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทยมักจะต้องถามคู่สนทนาด้วยคำถามเช่นนี้ เป็นความห่วงใยที่เผื่อแผ่ให้กัน

“เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเจ้านั่นด้วย” ชายหนุ่มยิ้มแผล่เมื่อเห็นสุนัขแสนรู้นอนหลับสบาย หลังจากกินไก่ย่างจนพุงกาง

“แหม.. สบายเลยนะไอ้ตูบ!”

นางสัพยอกสุนัขแสนรู้ตัวนั้น ทุกวันเห็นวิ่งคุ้ยกองขยะหาเศษอาหารกินกันตาย วันนี้โชคดีมีลาภปากมันเลยซัดเสียหนำใจ

นางคุยกับแวซ็องจนบ่ายแก่ๆ จึงขอตัวกลับ ปล่อยให้คนมากแผนการเอนหลังนอนแข่งกับไอ้ตูบไปคนเดียว

เขาเริ่มหงุดหงิดกับอากาศร้อนอบอ้าวจนร่ำๆ จะถอดใจแต่...

“คุณเอาเงินคุณไปเลย!! ฉันเสียงานเพราะคุณรู้ไหมนี่? นาฬิกาบ้าอะไรแพงบรรลัย!”

เมวิกาเดินเข้ามาทางหลังบ้าน ใบหน้าเธอหงิกงอแทบจะยืดไม่ออก บ่นงึมงำพร้อมทั้งรีบยัดถุงสีน้ำตาลไหม้ที่มีเงินสดอัดแน่นอยู่ในนั้นใส่มือให้กับชายหนุ่ม

“คุณเป็นใครกันแน่?”

หญิงสาวซักถามซ้ำอีกครั้ง เขามีทรัพย์สินขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่กระจอก

“สมบัติเก่าพ่อน่ะ ฉันก็แค่จิกกะโร่สำรวยไปแบบนั้นเอง”

ชายหนุ่มรีบกล่าวแก้และมันน่าจะพอฟังขึ้น ไม่มีผู้ชายหนุ่มๆ คนไหนประสบความสำเร็จในชีวิตหรอก ยกเว้นเขามีมาก่อนจากสินเดิมของพ่อแม่ แวซ็องเองก็อยู่ในเกณฑ์นั้น ‘ออกัสตัส’ ไม่ได้มาร่ำรวยตอนเขากุมบังเหียน สินเดิมที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้ก็มีไม่ใช่น้อย มาบูมสุดขีดก็ตอนเขาบริหารงาน พร้อมกับปั้นรายได้แบบมโหฬารจากหลายๆ กิจการที่เขามองเห็นและลงทุนไว้

“เฮียแค่รับฝากไว้นะคุณ เขาให้เวลาคุณไปถ่ายคืนด้วย เฮียย้ำ! เสียจนฉันอยากรู้ราคาเต็มของมันเลยแหละ”

เมวิกาแจ้งให้เขารับรู้ เธอล้วงตั๋วจำนำและส่งให้เขา ไม่อยากเก็บอะไรไว้กับตัวเลย เมื่อแค่มองยังเกิดกิเลสไม่อยากเชื่อว่าตัวเองพึ่งจะจับเงินมากมายขนาดนั้นมาหมาดๆ

“บัตรเบิดอะไรอยู่ครบไหมล่ะ ฉันจะพาเอาสตางค์ไปฝากให้...โอ๊ะ!! ไม่ทันแล้วสินะ ป่านนี้ธนาคารน่าจะปิด...เก็บดีๆ ล่ะอย่าให้ถูกฉกไปอีก"

“ฝากเธอไว้ได้ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงหากเมวิกาเป็นคนหิวเงินเธอคงรีบกระโจนใส่

“ไม่เอา!!” เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ฉันกลัวหาย...แล้วไม่มีปัญญาหามาใช้คืนด้วย...มันเยอะเกินไป”

หญิงสาวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย

“คุณรักษามันไว้ดีๆ ล่ะ”

หญิงสาวเตรียมหมุนตัวหนี

“ถ้าฉันจะอยู่อีกสักพัก...รอจนกว่าญาติจะมารับเธอคิดว่าไง?”

ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมีแต่น้ำเสียงเฉยชาตอบกลับมา

“มันแล้วแต่คุณ! ฉันไม่เกี่ยว”

หล่อนรีบเดินกลับเข้าห้องตัวเองไม่สนใจเงินเยอะๆ ที่หล่อนพูดถึงสักนิด นอกจากไม่สนใจเงินแล้วหล่อนไม่สนใจเขาด้วยนี่สิ มันทำให้หนุ่มเสน่ห์แรงเคือง!! หากแวซ็องคิดจะเด็ดปีกความผยองของหล่อนให้สมกับฉายา 'นักล่ามือทอง' เขาไม่ผิดใช่ไหม? ก็เมวิกายั่วยุให้สัญชาตญาณนักล่ามือฉมังของเขาตื่นเพลิดขึ้นมาเอง...มันช่วยไม่ได้

ชายหนุ่มเดินอ้อมไปหาป้าเจ้าของบ้าน ตอนนี้เขามีเงินทุนสำหรับการลวงล่อเมวิกา หล่อนไม่สนเงินเขาก็จะใช้อย่างอื่นแทน

เริ่มต้นที่ ‘ร่างกาย’ โดยเฉพาะดวงตา

แวซ็องจำได้ดี เขาเคยมองจนฝ่ายตรงข้ามละลายมาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้หญิงอ่อนเดียงสาคนหนึ่งอย่าง ‘เมวิกา’ หล่อนไร้เดียงสาจนเขาได้กลิ่นบริสุทธิ์

“อ้าว...มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ? พ่อฝรั่ง”

นางรีบตะโกนถาม เมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนเดิมเดินดิ่งตรงมาหา

แวซ็องส่งยิ้มให้ “ห้องพักยังพอมีเหลือไหมป้า?”

ชายหนุ่มพยายามสื่อสารเท่าที่ตัวเองพอทำได้และอีกฝ่ายเข้าใจ

สาวใหญ่ยังงงๆ แต่เมื่อชายหนุ่มพยายามพูดซ้ำ นางจึงเข้าใจ และรีบพยักหน้ารับ

“มีสิ...แต่ไม่กลับบ้านเหรอไงล่ะ?”

“รอคนมารับน่ะ” หากพากันสังเกตจะมองออกว่าชายหนุ่มพยายามวางตัวเหินห่าง เขาพูดไม่มีหางเสียง แต่เพราะเป็นคนต่างชาติที่พยายามพูดจึงถูกละเลยเรื่องนี้ไป

ห้องพักเก่าๆ สีซีดไม่พอ สีที่ทาไว้ยังกะเทาะล่อนเป็นรอยด่างทั่วทั้งผนังและฝ้าเพดาน หนุ่มติดหรูไฮโซตัวพ่อบิดมุมปากจนเบี้ยว เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยฟูกนอนเก่าจนราขึ้นที่ผืนผ้า เพราะการผ่านช่วงเวลาแสนนานมาด้วยความรังเกียจ มันก็สมราคาสำหรับห้องพักแสนกระจอกในราคา1500 บาท สำหรับชายหนุ่มมันคือเศษเงิน แต่สำหรับคนอื่นๆ อีกหลายคนมันออกจะแพงไป

แวซ็องอยากโวย!!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป