บทที่ 5 บทที่2.คืนฝนพรำ!! 3
ก้มมองดูเท้าเปลือยของเขาที่ปราศจากรองเท้าหนังมันวับ...ถุงเท้าสีดำเปียกชุ่มไปด้วยคราบโคลนเหนียวๆ เขากวาดตามองหาอะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาหายขยะแขยงแบบนี้สักที...รองเท้าหูคีบฟองน้ำ วางอยู่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง ขนาดพอที่เขาจะสวมได้ ชายหนุ่มตรงดิ่งไปยังที่ที่นั้น เขาถอดถุงเท้าเปียกฉ่ำ โยนทิ้งไปไกลๆ ก่อนจะคว้ารองเท้าคู่นั้นเดินถือออกมาที่ชายคา ยื่นเท้าเปลือยที่มีคราบโคลน ชะล้างด้วยน้ำฝนที่ไหลหล่นมาจากชายคาก่อนจะเสือกเท้าตัวเองลงไปในรองเท้าฟองน้ำคู่นั้น
ปัญหายังไม่หมด...เวลานี้แวซ็องเริ่มหนาว...เสื้อ กางเกงเขาเปียกชุ่ม มันทำให้อุณหภูมิในร่างกายเริ่มลดลง เขากำลังหนาว และอาจจะจับไข้...ชายหนุ่มระบายลมหายใจที่เริ่มมีไอร้อน เขาคงต้องหาตัวช่วยให้ตัวเองก่อน กว่าจะเช้ายังอีกนาน ตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วก็ไม่รู้? เมื่อนาฬิกาเรือนโปรดของเขาดันหยุดเดินเสียอย่างนั้น “เชี่ยเอ๋ย! แพงเสียเปล่า” ชายหนุ่มสบถอย่างฉุนเฉียว หน้าสิ่วหน้าขวาน ทุกสิ่งรอบตัวเขาเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้คงต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะหนาวตายและอาจจะมีไข้รุม
เสื้อสีขาวตัวใหญ่พาดอยู่บนราวแขวน กางเกงหูรูดที่แวซ็องคะเนด้วยสายตาเขาน่าจะใส่ได้ ชายหนุ่มคว้าทั้งเสื้อและกางเกงลงมาจากราว เขาเหลียวซ้าย แลขวา ก่อนจะรีบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตถอดออกจากตัวสะบัดขึ้นไปแขวนไว้บนราวแทนเสื้อยืดเก่าๆ กางเกงคือเป้าหมายต่อไป ไม่ถึง5นาทีเขาก็สามารถจัดการกับตัวเองเสร็จ
จากผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า...ตอนนี้หากดิดิเย่ร์ หรือเซดริกหาเขาเจอ คงไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดเก่าๆ คอย้วย กับกางเกงหูรูดราคาถูก สวมรองเท้าแตะแต่กลับเดาะใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ที่มันหยุดเดินไปเสียแล้วอีกด้วย...ชายหนุ่มตัดสินใจถอดนาฬิกา เขายัดมันไว้ในกระเป๋ากางเกง...พลางส่ายหน้าให้กับสภาพของตัวเอง...
“ทุเรศตัวเองฉิบหายเลยกู!”
ที่หมายต่อไปคือการทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น ขณะนี้เขาเพลียจนเปลือกตาจะปิด...แต่ประตูห้องพักทุกห้องปิดสนิท มันอาจจะเป็นเป็นช่วงดึกสงัดบวกกับอากาศเย็นๆ แม้มีคนป้วนเปี้ยนเดินพล่านไป พล่านมา ยังไม่มีใครโผล่หน้าออกมาดูสักคน มีแต่สุนัขผอมโซตัวเดียวที่คอยมองตาม มันหยุดเห่าหลังจากที่เขาตวาด แต่ก็ไม่ละสายตาจ้องมองเขาสักที
“ไม่ต้องกลัวน่า ฉันไม่ใช่โจร”
แวซ็องยังมีอารมณ์หยอกสุนัขผอมแห้งตัวนั้น มันกระดิกหาง กะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปทางด้านหลังห้องเช่าโทรมๆ ชายหนุ่มจึงสนใจ เขาเดินตามมันไป เหมือนกับสุนัขผอมแห้งมันจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร สิ่งที่เห็นในสายตาหลังเดินพ้นมุมตึก แคร่ไม้เก่าๆ อยู่ใต้ชายคาห้องพักห้องหนึ่ง มีผ้าผืนบางวางอยู่ด้วย แวซ็องคลี่ยิ้ม เขายกมือลูบศีรษะของสุนัขแสนรู้ แม้มันจะผอมโซ แต่สมองของมันชาญฉลาดเหลือเกิน
“ให้ฉันรอดก่อนนะ ฉันจะมารับแกไปเลี้ยงเอง”
เหมือนหมาน้อยจะรู้ตัวว่ามีคนเมตตามัน ไอ้ตัวแสบแสนดื้อ เลยนอนหมอบอยู่ข้างแคร่ คอยระวังภัยให้คนแปลกหน้าที่ดูท่าจะใจดี หรือไม่ก็มีความผูกพันกันมาแต่เก่าก่อน...
แวซ็องหลับสนิทไปหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน...เขากะว่าฝนหยุดตก จะออกไปติดต่อน้องชายเพื่อขอความช่วยเหลือ
ตืดๆ!!
เสียงนาฬิกาปลุกส่งเสียงเตือน...
เมวิกายกมือขึ้นตะปบนาฬิกาเรือนเล็กราคาถูก เธอกดปิดเสียงสัญญาณที่ส่งเสียงรบกวนนั่น ก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เปิดปากหาวหวอดๆ พร้อมกับเอี้ยวตัวขับไล่ความง่วงงุน ก็พึ่งจะนอนหลับได้ไม่กี่ชั่วโมง แถมอากาศน่านอนเป็นไหนๆ แต่ภาระหน้าที่ที่แบกรับไว้ ก็ต้องรีบสลัดความขี้เกียจทิ้ง เธอต้องรีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เธอต้องรีบออกไปทำมาหากินเหมือนเฉกเช่นทุกวัน
10นาทีไม่เกินนั้น หญิงสาวอยู่ในชุดเตรียมพร้อมชุด ฟอร์มของพนักงานร้านสะดวกซื้อ แต่...เงาตะคุ่มๆ ด้านหลังห้องพักตัวเอง บนแคร่ไม้ตัวเก่าๆ ที่ตั้งไว้พักผ่อนช่วงกลางวัน เพื่อหลบความร้อนที่พวยพุ่งอยู่ในห้องนอนแคบๆ ได้รับสายลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาจากทุ่งกว้างด้านหลัง แม้จะรกชันเต็มไม่ด้วยวัชพืชแต่ก็เป็นลมเย็นๆ ที่ช่วยบรรเทาความอบอ้าวได้ เธอไขกระจกบานเกล็ดเปิดช่องเพื่อส่องดูด้านนอก แต่ก็เห็นไม่ชัดเท่าไร? เมื่อช่องระหว่างกระจกกับกระจกอีกบานมันแคบจนมองเห็นอะไรไม่ใคร่ชัดเจน
‘อะไร?’
เสียงบางอย่างทำให้ชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทสะดุ้งตื่น!!
พลั่ก! ร่างสูงๆ ของคนแปลกหน้าร่วงลงบนพื้นดินเปียกๆ เขาพยายามลุกขึ้น มองหาที่หลบซ่อนตัว
“นายเป็นใคร?” เสียงตวาดแหวดังจากด้านหลัง แวซ็องเหลือบมอง เขาเป่าลมออกจากปาก แล้วค่อยๆ เดินออกมาจากซอกข้างแคร่
ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ในมือหล่อนถือไม้กวาดอันเล็กๆ ยกชูขึ้นและเธอจ้องมองมาที่เขาตาโปน
แวซ็องได้ยินเต็มสองหู แต่ยังไม่รู้ว่าหล่อนไว้ใจได้หรือเปล่า
