บทที่ 3 ภาคนิยาย - 3

ขบวนของเฟิ่งซีอวิ๋นเดินทางรอนแรมมาได้สามวันก็เกือบจะเข้าสู่เขตแคว้นเว่ย ยามนี้ดึกสงัดจึงไร้ผู้คนออกมาเดินพลุกพล่าน ท่านหญิงอันดับหนึ่งของแคว้นมู่ตัดสินใจซื้อโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองต่งก่อนจะเดินทางเข้าสู่แคว้นเว่ยในวันรุ่งขึ้น

เสี่ยวเฉียวหอบข้าวของของเฟิ่งซีอวิ๋นตามเข้ามาแบบพะรุงพะรัง

“ข้าซื้อโรงเตี๊ยมทั้งหมดนี้ ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว นอกจากข้ากับคนของข้า...” นางปรายตามองเซี่ยซูเจี๋ยทางด้านหลังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “นอกจากข้ากับคนของข้า ห้ามผู้ใดเข้ามาพักทั้งนั้น คืนนี้ข้าจองที่นี่ทั้งหมด”

เฟิ่งซีอวิ๋นโยนถุงเงินจำนวนมากให้กับเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยม

“ท่านหญิง แล้วคุณหนูเซี่ยล่ะเจ้าคะ ดีร้ายนางก็เป็นพี่สาวท่าน สู้ท่านให้นาง...” เสี่ยวเฉียวมองเซี่ยซูเจี๋ยที่ยืนสงบเสงี่ยมด้วยความสงสาร

พรึ่บ!

เฟิ่งซีอวิ๋นหุบด้ามพัดลง นางเขม้นมองเสี่ยวเฉียวอย่างไม่สบอารมณ์ “นางหรือข้าใครกันที่เป็นนายเจ้า”

เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มทำใจดีสู้เสือ นางบอกกับเสี่ยวเฉียวอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรหรอก ประเดี๋ยวข้าหาที่พักเล็กๆ นอนก็ได้”

หลันซีจวิ้นจู่ไม่แม้แต่จะชำเลืองหางตามามองเซี่ยซูเจี๋ยอีกต่อไป นาง

หันหลังให้แล้วกล่าวเพียงแค่ว่า “ข้าได้ข่าวว่าไทเฮาแอบส่งสาสน์มาเชิญเจ้าด้วยตนเองเลยมิใช่รึ?! เช่นนั้นถ้าเจ้ามีความสามารถพอที่จะเข้าวังหลวงของแคว้นเว่ยในตอนนี้ โดยไม่โดนเฉินฮองเฮาตำหนิ ก็เชิญตามสบายเลยนะ แต่ว่าที่พระชายาอย่างข้าคงไม่อาจทำเช่นเจ้าได้”

“มันจะมากไปแล้วนะเจ้าคะท่านหญิง!” บ่าวคนหนึ่งของเซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยโพล่งขึ้นมา นางก้าวเดินขึ้นมาอยู่ข้างหน้าเจ้านายของตนเองอย่างปกป้อง

เฟิ่งซีอวิ๋นหุบด้ามพัดลง รอยยิ้มที่เคยประดับบนใบหน้าบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความบึ้งตึง นางเดินเข้ามาใช้ฝ่ามือของตนเองบีบปลายคางของบ่าวผู้โอหังนั้นอย่างรวดเร็ว นางค่อยๆ กวาดสายตามองทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างสำรวจ ก่อนจะสะดุดกับรอยฝ่ามือของตนเองบนใบหน้าอีกฝ่าย

“รอยที่ข้าฝากเอาไว้บนหน้าเจ้ายังอยู่เลย หากเจ้าไม่กลัวเกรงจะให้ข้า

เปิดเผยนายของเจ้าดีหรือไม่?!” เซี่ยซูเจี๋ยรู้ดีว่าคนอย่างเฟิ่งซีอวิ๋นมิได้จะขู่อย่างเดียว นางรีบออกตนมาปกป้องบ่าวของตนเอง

“พี่ขอเถิดนะท่านหญิง เดี๋ยวพวกเราจะหาที่พักแถวๆ นี้เอง เชิญท่านหญิงพักผ่อนเถิด” สุดท้ายเป็นเซี่ยซูเจี๋ยที่ต้องมาสงบศึก ตอนนี้พวกนางมีสถานะเป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น หากมีเรื่องกับเฟิ่งซีอวิ๋นต่อให้อู๋ไทเฮาจะชมชอบเซี่ยซูเจี๋ยสักเพียงใด ก็คงไม่อาจช่วยนางได้หากนางหาเรื่องญาติผู้น้องอย่างเฟิ่งซีอวิ๋นก่อน

“รู้ก็ดี ในเมื่อรู้เช่นนี้ว่าที่ใดเป็นของใคร ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงไม่ต้องบอกนะ ว่าสิ่งใดที่เป็นของข้า...ก็เป็นของข้า อย่าริอ่านมาแย่งไป!” พูดแล้วเฟิ่งซีอวิ๋นเดินขึ้นชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมทันที นางไม่แม้แต่จะหันมาชายตามองเซี่ยซูเจี๋ย ซึ่งบัดนี้ความโกรธของอีกฝ่ายฉายชัดผ่านแววตา

วันต่อมาขบวนของเฟิ่งซีอวิ๋นเดินทางเข้าสู่เขตเมืองหลวงแคว้นเว่ย

เมืองที่มีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลไม่ต่างจากแคว้นมู่ของนางเลยสักนิด รถม้าค่อยๆ เข้ามาเทียบจอดสนิทหน้าประตูวังหลวง แม้ว่าการเดินทางมาครั้งนี้จะไม่ค่อยเป็นทางการเท่าใดนัก อีกทั้งเฟิ่งซีอวิ๋นมีสถานะเป็นแค่ท่านหญิงของราชวงศ์ หาใช่เชื้อพระวงศ์จริงๆ ไม่ นางจึงได้รับเพียงการต้อนรับจากเฉินฮองเฮาและเว่ยฮ่องเต้เท่านั้น

“เฟิ่งซีอวิ๋น ขอถวายพระพรฝ่าบาทและฮองเฮา ขอทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง พระชนมายุยืนนานหมื่นปี หมื่นๆ ปี เพคะ” เฟิ่งซีอวิ๋นเอ่ยวาจาอวยพรนอบน้อมเอาอกเอาใจ ความงดงามของเฟิ่งซีอวิ๋นเมื่อเทียบกับเซี่ยซูเจี๋ย แม้จะดูด้อยกว่าแต่ทว่ากลับมีสถานะที่สูงส่งเป็นถึงจวิ้นจู่ของราชวงศ์

เซี่ยซูเจี๋ยย่อกายคำนับต่อจากเฟิ่งซีอวิ๋น สายตาของนางพลันเห็นอู๋ไทเฮาเดินมาพร้อมกับองค์รัชทายาทเว่ยเลี่ยงหรง นางมองเขาด้วยความดีใจเช่นเดียวกับที่เขามองนาง

“ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” เฟิ่งซีอวิ๋นย่อกายคำนับไทเฮาตามมารยาท นางสังเกตบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังไทเฮาด้วยความชื่นชม แค่นางไม่ได้เจอเขาไม่กี่ปี แต่บุรุษที่องอาจผู้นี้ต้องเป็นเว่ยเลี่ยงหรง รัชทายาทผู้มีรูปโฉมหล่อเหลาประดุจหยกสลักอย่างแน่นอน นางมองเขาอย่างสะเทิ้นอายก่อนจะหลุบสายตาต่ำลง

“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ เข้ามาพักผ่อนก่อนสิ ข้าเตรียมเรือนรับรองและขนมหวานเอาไว้รอเจ้าอีกเยอะเลยนะ” เฉินเป่าหลิงหรือเฉินฮองเฮาเอ่ยกับเฟิ่งซีอวิ๋นอย่างใจดี ทั้งพระนางและฮ่องเต้ต่างให้การต้อนรับเฟิ่งซีอวิ๋นดีมากๆ ยกเว้นเพียงอู๋ไทเฮาเท่านั้นที่ทรงทอดพระเนตรมองสตรีจากสกุลเฟิ่งด้วยสายตาดูแคลน

“เจี๋ยเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งเดินทางมาถึง ไปนั่งเล่นที่ตำหนักของข้าก่อนเถิด ดู

สิ...หรงเอ๋อร์มองเจ้าจนย่าเขินอายแทนแล้ว” อู๋ไทเฮาทรงกล่าวด้วยพระสุรเสียงสำราญพระทัย พระนางทรงคว้ามือนุ่มของเซี่ยซูเจี๋ยกับฝ่ามือหนาของเว่ยเลี่ยงหรงประสานกัน

“หรงเอ๋อร์ หลันซีจวิ้นจู่ถือเป็นแขกคนสำคัญของบ้านเมืองเรา นางเป็นตัวแทนของราชวงศ์เดินทางมาที่นี่ แม่หวังว่าเจ้าจะตัดสินใจเลือกให้ได้ในตอนนี้” เฉินเป่าหลิงเอ่ยกับบุตรชายของพระนางด้วยน้ำเสียงแข็งกึ่งบังคับ ใบหน้าหล่อเหลาของเว่ยเลี่ยงหรงขรึมลงเล็กน้อย เขากล่าวกับมารดาของตนเองด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมว่า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป