บทที่ 6 ภาคนิยาย - 6
“หลันซีจวิ้นจู่ ต่อให้ท่านจะเป็นถึงท่านหญิงและเป็นที่โปรดปรานของฮองเฮา แต่วันนี้ข้าคงต้องสั่งสอนท่าน..!” นางกำนัลของไทเฮาถือวิสาสะอย่างยิ่ง นางยกมือขึ้นมาหมายจะตบสั่งสอนเฟิ่งซีอวิ๋นกับวาจาอันหยาบคายเช่นนี้
เพียะ!
แต่ทว่านางกำนัลผู้นั้นดูเหมือนจะช้าไปหนึ่งก้าว เพราะฝ่ามือของเฟิ่งซีอวิ๋นปะทะเข้าที่ใบหน้าของนางกำนัลผู้นี้อย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มไป
อู๋ไทเฮามองเฟิ่งซีอวิ๋นกับท่าทีอันสบายใจของนางด้วยความแค้นเคือง
“สามหาวนัก!” อู๋ไทเฮาต่อว่าเสียงดังใส่นางด้วยความคับแค้น
หญิงสาวหุบด้ามพัดลง รอยยิ้มตรงมุมปากกระตุกโค้งขึ้นด้วยความสะใจ “สำหรับไทเฮา หาวเดียวก็พอแล้วเพคะ ขืนสามหาวกว่านี้หม่อมฉันสงสารบรรดาหนอนแมลงที่ต้องใช้อากาศหายใจร่วมกับพระองค์!”
แทนที่อู๋ไทเฮาจะได้ต่อว่านางให้สาแก่ใจ แต่สุดท้ายตนกลับโดนความหยาบคายของเฟิ่งซีอวิ๋นจัดการเข้าเสียเอง พอดีกับเว่ยเลี่ยงหรงและเซี่ยซูเจี๋ยที่วิ่งเข้ามาด้วยความแตกตื่น
“ไทเฮาเพคะ / เสด็จย่า” ทั้งสองเข้ามาประคองอู๋ไทเฮาที่เกือบล้มพับไปกับพื้น เฟิ่งซีอวิ๋นจึงแสร้งเข้าไปหมายจะช่วยประคองหญิงชราให้ลุกขึ้นมา ทว่านางกลับถูกฝ่ามือของเว่ยเลี่ยงหรงผลักกระแทกที่หน้าท้องอย่างรุนแรงจนระบม
อึก!
เว่ยเลี่ยงหรงบีบคอของเฟิ่งซีอวิ๋นแน่น หญิงสาวชำเลืองมองเสี่ยวเฉียวราวกับจะส่งสัญญาณบางอย่างที่รู้กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
เสี่ยวเฉียวพยักหน้ารับแล้วค่อยๆ เดินย่องออกไป
“ไทเฮาเพคะ...” เซี่ยซูเจี๋ยประคองอู๋ไทเฮานั่งบนเก้าอี้สีน้ำตาลตัวใหญ่ในเรือนรับรองของเฟิ่งซีอวิ๋น นางใช้หยิบถุงหอมของตนเองให้หญิงชราได้สูดดมคลายอาการลมจับ
“เจ้าโหดร้ายนักซีอวิ๋น ไทเฮาทรงมาหาเจ้าถึงตำหนักก็เพราะต้องการตักเตือน เจ้าถึงกับต้องลงมือทำร้ายพระนางถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เซี่ยซูเจี๋ยใช้ท่าทีอันอ่อนหวานของนางกล่าวต่อว่าเฟิ่งซีอวิ๋น ซึ่งท่าทีอันนิ่มนวลนี้ทำให้หลันซีจวิ้นจู่อย่างนางแทบกระอักเลือด
เฟิ่งซีอวิ๋นซึ่งตอนนี้ถูกเว่ยเลี่ยงหรงบีบคอ นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดที่สุดของนางคือการที่ครอบครัวถูกเหยียดหยาม
“เจ้าทำร้ายเสด็จย่าของข้า จิตใจเจ้าสกปรกสมคำร่ำลือยิ่งนักเฟิ่งซีอวิ๋น เกียรติยศท่านหญิงที่เจ้ามีไม่ได้ทำให้เจ้า มีสามัญสำนึกเลยรึ?!” เว่ยเลี่ยงหรงออกแรงบีบคอของนางจนหญิงสาวเริ่มจะขาดอากาศหายใจ เป็นเพราะเซี่ยซูเจี๋ยคนเดียว นางคงวางแผนร่วมกับไทเฮาเพื่อมาหาเรื่องนางตั้งแต่แรก อู๋ไทเฮาต้องการให้เว่ย เลี่ยงหรงเห็นความร้ายกาจของนางเพื่อต่อกรกับเฉินเป่าหลิงสินะ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงของเว่ยฮ่องเต้ดังขึ้นมา พระองค์ทรงขึงสายตาทอดพระเนตรโอรสด้วยความโกรธ เว่ยเลี่ยงหรงปล่อยมือจากลำคอของเฟิ่งซีอวิ๋นทันที
แค่กๆ
เฟิ่งซีอวิ๋นแกล้งสำลักไอออกมาต่อหน้าธารกำนัลมากมาย เฉินฮองเฮารีบเข้ามาหานางด้วยความเป็นห่วง หากเฟิ่งซีอวิ๋นเป็นอะไรขึ้นมาแคว้นเว่ยกับแคว้นมู่ต้องมีปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงกันได้แน่นอน นางกำนัลของเฉินฮองเฮาและเสี่ยวเฉียวประคองหลันซีจวิ้นจู่ขึ้นมา ท่าทีอ่อนแอของนางยามอยู่ต่อหน้าพระมารดา ทำให้เว่ยเลี่ยงหรงรังเกียจนางยิ่งเป็นเท่าทวี
“เจ้าทำร้ายนางทำไม รู้หรือเปล่าว่านางมีสถานะอะไร นางเป็นถึงหลานสาวของฮ่องเต้กับฮองเฮา เจ้ากล้าลงมือทำร้ายนางได้อย่างไร!” เว่ยฮ่องเต้ทรงเอ่ยเสียงดังอย่างบันดาลโทสะ
“ฝ่าบาท นางผู้นี้กล่าววาจาสามหาวกับแม่ของพระองค์นะ นางกล่าววาจาจาบจ้วงข้า แทนที่จะต่อว่าอาหรง เจ้าควรลงโทษนางที่หมิ่นเบื้องสูง!” อู๋ไทเฮาต่อว่าบุตรชายด้วยความเจ็บใจ เดิมทีคิดว่าบุตรชายผู้เป็นเจ้าแผ่นดินจะเป็นห่วงมารดาจนต้องไต่ถามเรื่องราว แต่กลับกลายเป็นว่าหลานชายของพระนางโดนต่อว่าเสียเอง
“จวิ้นจู่ เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังสิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เว่ยฮ่องเต้ทรงถาม ในฐานะพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไม่อาจใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินได้ จึงทรง
อยากไต่ถามเรื่องราวจากผู้ถูกกระทำอย่างนาง
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันนั่งเล่นอยู่ในตำหนักรับรองกับเสี่ยวเฉียว ทว่าไทเฮากับเซี่ยซูเจี๋ยก็เดินเข้ามา พระนางทรงไม่พอพระทัยที่หม่อมฉัน...” นับว่าเฟิ่งซีอวิ๋นคิดอ่านแผนการได้รวดเร็ว เซี่ยซูเจี๋ยกับอู๋ไทเฮาร่วมมือกันอยากกำจัดหนทางการเป็นพระชายารัชทายาทของนาง นางจะไม่มีวันยอมให้เซี่ยซูเจี๋ยขึ้นมาชูคอเหนือนางเด็ดขาด อยากได้สิ่งใดก็เอาไป แต่มิใช่เว่ยเลี่ยงหรงว่าที่พระสวามีของข้า!
ปัง
อู๋ไทเฮาทรงใช้พระหัตถ์ตบโต๊ะไม้เสียงดัง สายตาของพระนางฉายประกายอำมหิตอย่างชัดเจน “สามหาวนัก! ต่อหน้าทุกคนเจ้ากล้ากุเรื่องโกหกโป้ปดแบบนี้ได้เช่นไร ฝ่าบาท ส่งนางให้ทางต้ามู่ลงโทษเสีย!”
“ไทเฮาทรงต่อว่าหม่อมฉัน ทรงดูถูกครอบครัวของหม่อมฉันกับเสด็จลุงฮ่องเต้และเสด็จป้าฮองเฮาเพคะ มารดาของหม่อมฉันเป็นถึงน้องสาวของฮ่องเต้ หม่อมฉันไม่อาจให้มารดาโดนลบหลู่ดูหมิ่นได้เพคะ” เฟิ่งซีอวิ๋นกล่าว นางต้องขอบคุณอู๋ไทเฮายิ่งนักที่ทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมดแบบนี้
“นังคนสามหาว!” อู๋ไทเฮาทรงแทบประคองพระองค์ไม่อยู่ เว่ยเลี่ยงหรงต้องประคองผู้เป็นย่านั่งบนเก้าอี้อย่างช้าๆ
