บทที่ 4 บทที่ 4

อิมรานก้าวเข้าไปหยุดยืนด้านหลังหญิงสาว เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ความแข็งแกร่งของเขามันปวดหนึบเพราะต้องการจะได้รับการปลดปล่อย มือหนากระตุกหนังสติ๊กที่หญิงสาวใช้รวบผมเป็นหางม้าเอาไว้ให้หลุดออก ผมยาวสลวยของพาฝันก็กระจายเต็มแผ่นหลังทันที

พาฝันเริ่มตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ มือบางจำต้องกำแน่นไว้ข้างลำตัว เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากโหนกนูนสวย

“ไม่ต้องเกร็ง ปล่อยตัวตามสบาย” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ข้างใบหูหอมกรุ่น ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดใบหูและแก้มนวล

อิมรานจับมือบางที่กำแน่นอยู่นั้น เขาลูบไล้เบาๆ ที่หลังมือ จนมือบางค่อยๆ คลายออกจากกัน

พาฝันลืมตาขึ้นมองร่างสูง เขาจูงมือเธอมาที่โซฟานุ่มสีแดงที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในห้อง ก่อนจะกดร่างบางให้เอนตัวลง นอนตะแคงวางศีรษะบนที่เท้าแขน และจับขาเรียวให้เหยียดยาวไปตามความยาวของโซฟา งอขาที่อยู่ด้านบนวางพาดมาด้านหน้าปิดส่วนสงวนเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่

ชายหนุ่มจับมือบางข้างที่อยู่ล่างให้ซ้อนศีรษะเอาไว้ เขาดึงมุมผ้าชีฟองให้หล่อนกัดเอาไว้เบาๆ ปัดผ้าให้คลุมร่างบาง ให้แขนข้างที่อยู่ด้านบนวางทับริมผ้า ทิ้งชายผ้าลงไปตามความยาวของสรีระงดงาม

เขาถอยห่างออกมานิดเพื่อมองดูหญิงสาว แต่ยิ่งมองก็ยิ่งต้องการ อิมรานพยายามปัดความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไปจากจิตใจ เขาต้องทำงานก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง

อิมรานจัดให้เส้นผมยาวนุ่มสลวยเลื่อนมาด้านหน้าเป็นบางส่วน ปลายผมยาวเลื้อยลงมาคลุมทรวงอกอวบประปราย เมื่อจัดแจงร่างงามจนได้ที่ เขาก็ถอนใจออกมาอย่างหนักหน่วง แล้วเดินไปที่กระดานวาดรูป

“อยู่นิ่งๆ ห้ามกระดุกกระดิก” เขาสั่ง

ดวงตาคมมองไปที่นางแบบอีกครั้งก่อนจะเริ่มสเก็ตภาพ เขามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ปลายดินสอ อิมรานขีดๆ เขียนๆ อยู่นาน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

พาฝันเริ่มเมื่อย และอยากพัก เพราะตอนนี้ท้องเริ่มประท้วงบอกว่าหิวข้าวแล้ว เวลานี้มันก็น่าจะล่วงเลยเที่ยงวันเข้าไปแล้วด้วย

“พักก่อนได้ไหมคะ” ในที่สุดพาฝันก็จำใจต้องถามออกไป

อิมรานเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคู่สวยของพาฝัน เมื่อได้ยินคำประท้วง เขาไม่ตอบแต่กลับก้มลงทำงานของตนต่อ

“ฉะ... ฝันหิวข้าว”

ทีนี้ชายหนุ่มวางดินสอลงทันที เขาเดินเข้ามาใกล้พาฝัน มองใบหน้านวลที่ยังคงแดงก่ำอย่างน่าปรารถนา เขาใกล้จะสเก็ตภาพเสร็จแล้ว แต่เธอกลับดึงสมาธิของเขาทิ้งไปเสียนี่

“ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” เขาบอกเบาๆ

หญิงสาวจึงทรงกายลุกขึ้น แต่กลับถูกมือหนากดลงที่ไหล่บอบบาง ใบหน้าคมเข้มฉกวูบลงไปประทับจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มของหญิงสาว ก่อนจะกดริมฝีปากให้หนักหน่วงขึ้น อิมรานตวัดปลายลิ้นเลียริมฝีปากอิ่ม หญิงสาวที่ยังไม่เคยได้รับรู้รสจูบ ก็ต้องพ่ายแพ้แก่ความต้องการลึกๆ ในจิตใจ

พาฝันเผยอริมฝีปากออกรับเรียวลิ้นที่เข้ามาทักทายอยากล้อลิ้นเล็กๆ ของหล่อน ชายหนุ่มกวาดไล้ควานหาความหวานในโพรงปากนุ่มเนิ่นนานจนพอใจ ก็ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมสบกับดวงตาคู่สวยที่หรี่ปรือเพราะอารมณ์พิศวาสที่คุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจ

“รางวัลของฉันสาวน้อย” เขาบอก มุมปากหยักเรียวกดลึกๆ ให้เธอ

“รางวัล?” พาฝันสงสัย

“ก็รางวัลที่ฉันต้องควบคุมตัวเองให้ได้ไง ไม่อย่างนั้นงานของฉัน ซึ่งเป็นงานของเธอด้วยคงไม่เสร็จแน่”

พาฝันหลบตาด้วยความเขินอายสุดขีด

“ไปเถอะ วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนก็ได้” อิมรานบอก ก่อนจะฉุดร่างบางให้ลุกขึ้น เขาส่งปลายนิ้วเรียวยาวเขี่ยที่ยอดทรวงเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะส่งยิ้มหน้าทะเล้นให้หญิงสาว และเดินออกไปเงียบๆ

พาฝันหน้าแดงแปร๊ดยกมือปิดทรวงอกไว้ไม่ทัน และส่งตาเขียวๆ ให้เขาแก้อาย ปากก็เจริญพรเขาไปเบาๆ เมื่อร่างสูงเดินออกไป หล่อนก็สวมเสื้อผ้าทันที

เมื่อกลับจากคอนโดของอิมราน พาฝันก็รีบหาข้าวใส่ท้องทันทีด้วยความหิวโหย ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ปิติเพื่อนสมัยที่เรียนหนังสือด้วยกันก็เข้ามาทัก

“พาฝัน”

พาฝันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มหน้าตาดีที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอเพ่งมองใบหน้าของเขาอย่างงงๆ ในตอนแรก และก็จำได้ ว่าเขาคนนี้คือ ปิติ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกันนั่นเอง

“ปิติ ใช่รึเปล่า” พาฝันถามเพื่อความมั่นใจ

“ใช่ เราเอง” ชายหนุ่มบอก เขายิ้มกว้างให้พาฝันอย่างยินดี

“นั่งสิปิติ” พาฝันเอ่ยชวน

ปิติไม่ปฏิเสธ เขานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว ทีแรกเขาเองก็เกือบจำพาฝันไม่ได้เหมือนกัน ด้วยเหตุที่ว่าพาฝันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ตอนที่เรียนมัธยมมาด้วยกัน รูปร่างของเธอออกไปทางเจ้าเนื้อเล็กน้อย ผมของเธอก็จะถูกรวบไว้เป็นหางม้าทุกวันไม่เคยปล่อยสยายแบบนี้ แถมตอนนี้เธอก็ไม่ได้ใส่แว่นตาหนาเตอะอย่างเช่นแต่ก่อนด้วย

“เป็นไงมาไงล่ะปิติ เราถึงได้มาเจอกันได้” พาฝันบอกยิ้มหวานให้เขา

“พอดีเรามาทำธุระอยู่แถวนี้น่ะ กะว่าจะหาข้าวกินก็เลยเข้ามาร้านนี้ แล้วก็ได้เจอฝันไง”

“อืม แล้วปิติสบายดีหรือเปล่า ตอนนี้เรียนที่ไหนเหรอ”

“เราสบายดี ตอนนี้เราเรียนแพทย์ อีก 2 ปี ก็จบแล้วล่ะ” ปิติบอก “แล้วฝันล่ะเป็นยังไง เรียนอะไรอยู่”

ใบหน้านวลนั้นเศร้าลงไปนิด

“ฝันไม่ได้เรียนต่อหรอกปิติ” หล่อนบอกเบาๆ

“อ้าว! ทำไมล่ะฝัน ฝันเรียนเก่งจะตายนี่นา แล้วทำไมไม่เรียนต่อล่ะ”

“เอาแค่เรียนเก่งอย่างเดียวก็พอแล้ว จะตายไม่ต้อง” หญิงสาวบอกอย่างขำๆ “แม่ไม่สบายน่ะ อยู่โรงพยาบาลมาเป็นเดือนแล้ว ฝันเลยต้องออกจากมหาลัยกลางคัน แล้วหาเงินมารักษาแม่น่ะ”

“มีอะไรให้เราช่วย ก็บอกเราได้นะ ถ้าเราช่วยได้เราจะช่วย” ปิติบอกอย่างใจดี

พาฝันยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่ม “ขอบใจนะปิติ ไม่มีใครช่วยฝันได้หรอก”

“แล้วแม่ฝันไม่สบาย เป็นอะไรเหรอ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป