บทที่ 4 อย่าเก่งแต่ขู่ (ต่อ)

“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณก่อนหน้า ผมจะคุณจับใส่ตะกร้า แล้วล้างน้ำให้สะอาดทุกส่วน อย่าลืมว่าคุณเป็นหลานสาวของท่านนายพลอัน เป็นแก้วตาดวงใจเขา และผมรับปากแล้วว่าจะดูแลให้ดีที่สุด” อันหว่านถิงอยากจะพูดโต้แย้งเขา แต่เป็นตอนนั้นที่หล่อนอึ้งจัด และตั้งตัวไม่ทัน

ในขณะเดียวกัน มือใหญ่จับท้ายทอยหล่อน ออกแรงบีบและตรึงไม่ให้ขยับหนีไปไหน อึดใจต่อมากลีบปากบางสีสดชื้นๆ และอุ่นจัดของเฉินซือหยางกดลงมาบดเบียดริมฝีปากที่เผยออ้าของหล่อน

แน่นอนเขาไม่ได้เติมลมหายใจให้หญิงสาว หากตะกละตะกลามตักตวงความหวานฉ่ำ ราวกับโหยหาความรสชาติเล่านี้มานาน

“อ๊ะ... อื้อ... อะ ไอ้...”

ไอ้เลยหรือ...ฮ่าๆ ๆ หยาบคายดี เฉินซือหยาง ทำเสียงหึๆ ในลำคอ แล้วยื่นมือไปหนึ่งส่วนที่กั้นระหว่างคนขับและห้องโดยสายปิดลงเสียงดังปัง ในตอนนั้นคนขับรถรู้หน้าที่ของตนทันที

ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแบ่งสัดส่วนอย่างเป็นส่วนตัว จึงไม่ทำให้อันหว่านถิงต้องรู้สึกขายหน้าที่ถูกเฉินซือหยางกระทำหยาบคายด้วย

“คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”

เมื่อเขาหยุดการบดเบียดริมฝีปาก หล่อนก็โพล่งใส่เสียงดัง ยามนี้ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตมีรังสีแห่งความโกรธพุ่งใส่เขา

“สามีภรรยากัน มีส่วนไหนที่ผม ไม่เคยจับ บีบ หรือใช้น้องชายเขาไปปล่อยน้ำคาวจัดใส่”

อันหว่านถิงช็อก หล่อนมาพบกับผู้ชายคนนี้เพื่อประโยชน์อันใด รอดตายในโลกคู่ขนานจากฝีมือคู่หมั้นห่วยแตก และมีนิสัยชั่วช้า หากสุดท้ายต้องมาทุกข์ทรมานตกอยู่ในกำมือคนที่เห็นหล่อนเป็นสินค้า หรือสิ่งของเท่านั้นหรือ

น้ำตาเหมือนจะกลั้นเอาไว้ไม่ไหว มันโกรธจัด หล่อนกำลังจะคลั่งเพราะถูกเขาปลุกปีศาจร้ายในใจออกมา

“ให้เกียรติฉันด้วยค่ะ”

อันหว่านถิงเอ่ย น้ำเสียงแหบแห้ง ขณะเดียวกันก็จัดผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่

“นั่นคือสิ่งที่เราควรปฏิบัติต่อกัน แต่ดูเหมือนคุณละเลยเสมอ”

เฉินซือหยางสัมผัสได้ว่าภรรยาของตนเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะหล่อนถูกยากล่อมประสาท หรือไม่คงบาดเจ็บอย่างที่หล่อนอ้าง แล้วสูญเสียความทรงจำชั่วขณะ เฮอะ...ฟังแล้วก็น่าขัน

“อดีตฉันแก้ไขไม่ได้ แต่นับแต่นี้ฉันจะไม่ใช่ ผู้หญิงคนเดิมที่คุณเคยรู้จัก”

“หึ ๆ ๆ นั่นย่อมหมายความว่า คุณยอมรับที่จะเรียนรู้ เรื่องระหว่างเราอีกครั้งใช่หรือไม่ แต่เตือนไว้ก่อนว่า มันค่อนข้างเร้าใจ ป่าเถื่อน รุนแรง คนอย่างผมหยาบคายเสมอโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง”

เฉินซือหยางคงเก่งแต่ขู่เท่านั้น หล่อนปลอบใจตัวเองจบก็มองเขาด้วยสายตาท้าทาย

ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ขณะเดียวกันก็เริ่มแกะกระดุมเสื้อของตน อันหว่านถิงเสมองไปทางอื่น หากไม่วายเบ้ปากให้เขาอยู่เนืองๆ ถึงเขาจะหล่อเหลา ทั้งสง่างาม ทว่ายามนี้หล่อนนึกหมั่นไส้ พอย้อนนึกว่าที่คู่หมั้นของตนแล้ว หมอนั่นทึ่ม แต่ไม่กวนประสาท ชั่วช้าที่คิดฆ่าหล่อนก็จริง ทว่ากับเฉินหว่านถิงคนนี้เล่า เพียงแค่เปิดฉากมาไม่ทันไร เขาก็ทำให้หล่อนหายใจไม่ทั่วท้อง เส้นประสาทตึงเครียดไปหมด เรียกว่าผู้ชายอันตรายก็คงไม่ผิดไปจากนั้น

“เฮ้ย...ยังอีก! เร็วซีคุณ”

น้ำเสียงเขาเข้มเกินเหตุ สีหน้าเก๊กขรึม ชวนให้หงุดหงิด หล่อตายล่ะ

“อะไร!”หล่อนตวาดกลับ ถลึงตาใส่อย่างไม่ยอมกัน

“ถอดเสื้อให้ผัวไง เร็วๆ สิ!”

ผัว... ใช่คำน่าระคายหูแบบนี้ได้ไม่อายปาก นี่คงมีคนรับใช้ รองมือรองเท้าจนเคยตัว พอเห็นว่าหล่อนเป็นภรรยา ก็คิดโขกสับอย่างนั้นสินะ

“หน้าที่ฉันหรือไง แล้วจะมาถอดเสื้ออะไรในรถเนี่ย”

“ผมอึดอัด ร้อนด้วย เอ่อ อาถิงนั่นแหละ ที่ทำให้อารมณ์เสีย”

โอ๊ย ไอ้บ้า เขากล้าโทษหล่อน ให้ตายเถอะ นี่จับฉลากได้เป็นผู้บัญชาการยศใหญ่โตไม่พอ ยังมีหน้าคว้าคนสวยที่สุดให้แผ่นดินอย่างอันหว่านถิงมาเป็นภรรยา คิดจะให้เป็นสาวใช้เป็นทาสส่วนตัวสินะ มิน่าเจ้าของร่างถึงมีนิสัย แง่งอน ไร้เหตุผล เป็นนางร้ายของเรื่องนี้ เพราะมีสามีบ้าอำนาจ เผด็จการ

“อยากถอด ก็ถอดเอง มือคุณก็มี ตอนนี้ฉันครั่นเนื้อครั่นตัว และเจ็บแผลด้วย”

เป็นตอนนั้นที่เขาแยกเขี้ยวใส่ ก่อนยกมือข้างที่ตนถนัดขึ้นอวด ไม่นะ... อันหว่านถิง คิดว่าตนแค่กัดอีกฝ่ายเบาๆ ทว่ายามนี้ เห็นแล้วว่า มันเป็นแผลใหญ่

“อืม แล้วไงคะ แบบนี้ก็เท่าเทียมกันดี ฉันก็ถูกมีดกรีดแขน คุณก็โดนกัด”

“หว่านถิง!”

ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดังกรอดๆ

“รู้คะ สมองไม่ได้เสื่อม จำชื่อตัวเองได้ อันหว่านถิง”

เขาอยากระเบิดอารมณ์ใส่มากกว่านั้น ทว่ายามนี้เกิดความร้อนในร่างกายแปลกๆ เลยพยายามถอดเสื้อตัวเองออก โดยมีหล่อนที่ทำเป็นไม่แยแส พอถอดเรียบร้อย เขาโยนมันใส่ใบหน้าสวยจัดนั่นแหละ

“เฉินซือหยาง!”

“กล้าดีอย่างไร เรียกชื่อผมแบบนี้”

“อ๋อ ชอบให้คนยกหางใช่ไหมคะ ผู้บัญชาการเฉิน”

อันหว่านถิงไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาหรอก แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

“รอให้ถึงบ้านก่อน คุณได้เจอดีแน่”

เขาขู่หล่อนอีกหน และคราวนี้เตรียมถอดกางเกงออกด้วย

“อย่านะ ขืนแก้ผ้าในรถ ฉันจะกัดคุณให้สูญพันธ์จริงๆ ด้วย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป