บทที่ 9 ขอพลังใจ 4

แต่ไหนแต่ไร อันหว่านถิงไม่เคยตี ต่อว่าเด็กชาย และนั่นรวมถึงการอุ้มเขาสักเท่าไหร่ หน้าที่หลักๆ ในการเลี้ยงเฉินรุ่ยเผิงตกเป็นของพี่เลี้ยง แล้วก็อิงซิน หากพักหลัง อันหว่านถึงมีอารมณ์ไม่คงที่ หล่อนดื่มหนักในบางครั้ง จึงพาลใส่พี่เลี้ยงเด็กหาว่า คิดอยากเป็นเมียน้อยของเฉินซือหยาง รวมถึงอิงซินนั้นก็คือแม่เล้าที่คอยคัดสาวใช้กับพี่เลี้ยงเด็กมาบริการสามีของหล่อน

เรื่องเหลวไหลเหล่านี้ เพราะเครียด ทั้งยังถูกคุมพื้นที่ไม่ให้ไปร่วมวงสังสรรค์ที่เมืองหลวง ด้วยยามนี้ การเมืองค่อนข้างร้อนแรง และมีข่าวว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อ และอันหว่านถิงเป็นถึงภรรยาของผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง หล่อนย่อมเป็นเป้าหมายที่อาจถูกเล่นงานได้ง่ายๆ

“นายไปเปิดประตูให้ฉัน และพี่สาว รีบบอกคนแจ้งข่าวคุณเฉินด่วน”

อันหว่านถิงบอกแล้วสาวเท้าก้าวๆ อุ้มเด็กชายไปยังประตู โดยได้หวังเฮ่อเปิดประตูให้

เมื่อเข้าไปถึงด้านใน อันหว่านถิงวางเด็กชายที่โซฟากว้าง และเขานอนหลับตา ร่างกายเพียงแค่อุ่นไม่ได้ร้อน เสื้อผ้ามอมแมม แต่มีกลิ่นบุหรี่ เรื่องนี้ที่ทำให้อันหว่านถิงรู้สึกโมโห และโกรธทั้งตัวเอง ทั้งคนดูแลเด็กชาย

เมื่อวางหลังมือสัมผัสหน้าผากเขา ประเมินคร่าวๆ ได้ว่า ไม่ได้เป็นไข้ อาจเพลียเท่านั้น หล่อนจึงโล่งใจไม่ต้องพาเขาไปหาหมอ ให้กินยาลดไข้ หรือเพื่อความสบายใจ ก็ให้หมอตีนเปล่าที่ประจำอยู่ในเขตนี้มาดูอาการได้

“ทหาร เธอช่วยงานที่นี่ใช่ไหม รีบไปเอาน้ำอุ่นมาให้ฉัน จะเช็ดตัวให้เผิงน้อย”

หวังเฮ่อเป็นพลทหารรับใช้ ตรวจยาม ดูแลทั้งงานส่วน และความสะอาดบ้าน โดยมีเขากับทหารอีกสองคนคอยสับเปลี่ยน ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา บ้านพักหลังนี้จึงสะอาด เป็นระเบียบ แต่เดิมมีสาวใช้สามคน แต่อันหว่านถิงไล่ออกหมด

“นายหญิง จะเช็ดตัวให้คุณชายเผิงหรือขอรับ”

พอถูกยามย้ำ หญิงสาวก็หันมามองนายทหารหน้าอ่อน ไม่ได้โมโห หรือหงุดหงิด หล่อนขำด้วยซ้ำ เพราะหวังเฮ่อแสดงท่าทางพิลึก เหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินสิ่งนี้

“ฉันไม่ทำให้ลูกแล้วใครจะทำ นายรีบไปเอาน้ำอุ่น และหยิบผ้าขนหนูมาสักสองผืน อ่อ... เสื้อผ้าของเผิงน้อยด้วยล่ะ เอาตัวที่ใส่สบายๆ”

หวังเฮ่อพยักหน้าตาม และอมยิ้ม เขาสุขใจเหลือเกิน

“นายยิ้มอะไร”

“ผมมีความสุข คุณชายเผิงต้องมีความสุขเหมือนผมนี่แหละ เขาบอกว่า อยากให้นายหญิงอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าให้ และป้อนกับข้าวอร่อยๆ ผมกับเขาเคยอธิษฐานด้วยกันบ่อยๆ เพื่อให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”

น้ำเสียงซื่อๆ ของพลทหาร ทำให้อันหว่านถิง รับรู้ได้ถึงความมีน้ำใจของหวังเฮ่อ พลางสัมผัสแก้มของลูกชาย โอ้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดสิ่งใดหนอ เจ้าของร่างจึงเลือกทิ้งโอกาสในการดูแลเด็กที่บริสุทธิ์และแสนน่ารักเช่นนี้

จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ

“คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู”

เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา

“ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ”

เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา

“เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว”

เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่สุด เต้นรำก็เก่ง

เมื่อปลายปีก่อน แม่รอพ่อกลับบ้านติดกันเกือบสามคืนเต็มๆ สั่งให้คนทำอาหารมากมาย พร้อมเปิดเพลงแล้วเต้นอยู่คนเดียว และแม่รอพ่ออยู่อย่างนั้นนาน สุดท้ายพ่อก็ไม่กลับบ้าน กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ห้า พ่อเมาหนัก และมีคนจากค่ายทหารหิ้วปีกมาส่งถึงบ้าน

ภาพนั้นเขายังจำได้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม่ก็ไม่เหมือนเดิม ตัวเขาอยากให้แม่พูดคุยด้วย เล่นสนุกด้วย ทว่าแม่กลับเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ขังนานๆ หลายวันก็แอบปีนหน้าต่างหนีออกไป ทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวจนป่วย

“เผิงเผิง มีขะ ไข่ ตะ แต่” เขาอยากเอาใจแม่บ้าง เพราะรู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เล็กกว่านี้ แม่ชอบพาไปเก็บไข่เป็ดมาทำอาหารเช้า ไข่สีขาวๆ บางฟองเปื้อนดิน เปื้อนขี้เป็ด ถึงอย่างนั้นก็ทำอาหารอร่อยมาก

อันหว่านถิงยิ้ม แล้วบอกเขา

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเก็บใหม่ เอาไข่ฟองโตๆ สักสิบฟอง แบ่งให้พี่ทหารกินด้วยดีไหมจ๊ะ”

เด็กชายตาโตกว่าเดิม เรื่องจริงใช่ไหม แม่จะพาไปเอาไข่เป็ดบ้านป้าอิง แล้วยังใจดีแบ่งให้สหายพลทหารด้วย

“สะ หะ หาย พลทหารชอบกินไข่ เผิงเผิงรู้ หน้าเขาเหมือนไข่”

เมื่อเฉินรุ่ยเผิงพูดอย่างนั้นจบ ทุกคนเลยหัวเราะพร้อมกัน และไม่ทันได้ไปเก็บไข่สักฟอง อิงซินก็มาอยู่หน้าประตูด้านหน้า เธอไม่กล้าเข้ามาในเรือน ได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป