บทที่ 10 การปรับตัว

นับตั้งแต่หนีมาจากบ้านสตารืต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน ตั้งแต่ที่รีสอร์ตเพื่อจะออกเดินทาง ยิ่งมาวันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพราะทุกคนในบ้านตื่นเวลานี้กันหมด เพื่อที่จะทำธุระทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะออกไปไร่ให้ทันแดด

“สตาร์ ตื่นได้แล้ว” เสียงเฟิร์สร้องเรยกอยู่ข้างหูกับความรู้สึกที่ร่างกายถูกเขย่ารบกวนอารมณ์คนหลับสบายจนเธอรู้สึกรำคาญ

“โอ๊ย!! อะไรเนี่ยกี่โมงกี่ยามทำไมรีบตื่นจัง” คนเพิ่งตื่นงัวเงียลุกขึ้นโวย

“ตากับยายตื่นกันหมดแล้ว มึงจะนอนอยู่ได้ยังไง” เฟิร์สที่จัดการล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วบอกกับคนบนเตียง

“ก็เรื่องของเขาสิ”

“เรื่องของเขาไม่ได้ เขาตื่นมึงก็ต้องตื่น เขาเป็นเจ้าของบ้านนะ” เฟิร์สไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินจากสตาร์เท่าไหร่นัก แม้ว่าจะพยายามเข้าใจที่สตาร์ไม่เคยต้องลำบากมาก่อนไอ้เรื่องที่เธอเฝ้าบอกว่าเหนื่อยก็แค่เรื่องเรียนเท่านั้นตัวเขาผ่านเรื่องที่เหนื่อยกว่านั้นมาตั้งเยอะแยะมากมาย แต่เพียงไม่เคยได้เล่าให้ฟัง สตาร์ก็รู้เพียงว่าเขาเป็นเด็กติดเกมคนหนึ่งเท่านั้นเอง

“แล้วจะให้กูตื่นไปทำอะไร กูทำกับข้าวก็ไม่เป็นจะให้กูล้างจานก็ต้องรอเขาทำกับข้าวให้เสร็จก่อนป่ะ หรือถ้าจะให้กวาดบ้านถูบ้านมันก็ต้องรอให้คนออกไปทำงานก่อนมั้ย”

“ก็ไปนั่งอยู่ในครัว คอยช่วยยายหยิบจับอะไรก็ได้ หั่นผัก ล้างผัก ดีกว่ามาอยู่เฉย ๆ ไม่คิดจะอยากช่วยอะไร”

“โอ๊ย!!! กูเพิ่งจะมาถึงเมื่อวานเองนะจะไม่ให้พักเลยเหรอ พรุ่งนี้ค่อยทำไม่ได้หรือไง มันเหนื่อย”

“กูขับรถ กูยังไม่บ่นเหนื่อยเลยกูจะไปทำงานในไร่ด้วยซ้ำ”

“กูไม่ได้อยากมาใช้ชีวิตแบบนี้นะเฟิร์ส” สตาร์หมดความอดทนที่จะต้องมาเป็นสาวชาวไร่เต็มที ลำพังแค่เธอไม่ได้เล่นโซเชียลออนไลน์มันก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว

“แล้วมึงจะทำไง จะกลับบ้านมั้ย”

“เอะอะก็จะไล่กลับ มึงเอากูมากดดันให้กลับบ้านใช่ป่ะ”

“กูไม่มีที่ไปเฉย ๆ นะเฟิร์ส แต่มึงก็อย่าลืมว่ากูมีเงินติดตัวห้าหมื่นห้าหมื่นกูไปหาเช่าห้องดีดีอยู่นอนสบาย ๆได้เลยนะ”เฟิร์สได้แต่ส่ายหัวไปมาอยากจะหัวเราะเยาะความคิดเด็กน้อยนี้เสียจริง

“มึงคิดว่าเงินห้าหมื่นมันจะอยู่ได้นานแค่ไหนวะ เช้าห้องอย่างน้อย ๆ คนแบบมึงก็คงจะหาห้องแพง ๆ ดีดีราคาครึ่งหมื่น กินไปแต่ละมื้อมึงก็ต้องซื้อกินทุกมื้อเงินก็หาไม่ได้มีแต่จะใช้ สุดท้ายก็หมด เงินหมดแล้วมึงจะทำไงต่อ ไหนมึงบอกกูมาซิ” ถือว่าสตาร์โชคดีที่หนีมากับเฟิร์ส ควมคิดของเฟิร์สมีระเบียบมีแบบแผน เขาคำนวณและคาดการณ์ทุกอย่างไว้จนหมดแล้วก่อนจะตัดสินใจมาที่นี่ การมาขออาศัยอยู่ที่บ้านตาซึ่งเป็นชนบทแบบนี้ค่าใช้จ่ายไม่สูงเพราะไม่ต้องเช่าบ้านไม่ต้องซื้อข้าวกิน ห่างไกลความเจริญ สิรินจะตามหาก็ยาก บ้านของตากับยายอยู่ห่างจากผู้คนแถมยังมีรั้วล้อมกั้นหมาออกไปนอกบ้าน กว่าจะเข้ามาถึงตัวบ้านก็ไกลจากถนน อย่างเดียวที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือสตาร์ที่ไม่ยอมปรับตัว

“ก็กูไม่อยากทำกูไม่ชอบล้างจานมันหยีมือ”

“ไม่ชอบก็ต้องทำมึงไม่อยากเรียน ไม่อยากเป็นนางแบบไม่ใช่เหรออยากให้พาหนีกุก็พามาแล้วนี่ไง กูถามว่าจะกลับไหม มึงก็ไม่กลับ มึงจะเอายังไง”

“เฟิร์ส....” คนถูกดุเริ่มน้ำตาคลอเฟิร์สพยายามเลี่ยงไม่สบตาเพราะรู้ตัวว่าหากเห็นเธอร้องไห้ก็ต้องยอมใจอ่อนแน่

“กูแค่อยากหนีมาอยู่กับมึง แค่อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่อยากต้องรอให้ดึกแล้วถึงจะได้โทรคุยกัน”

“กูรู้ แต่นี่เราก็อยู่ด้วยกันตลอดกลางวันกูก็แค่ไปทำงานเที่ยงเดี๋ยวกูก็กลับมากินข้าวกับมึง กูทำเพื่อเราที่สุดแล้วนะสตาร์ กูทิ้งอนาคตตัวเองทิ้งทุกอย่าเพื่อพามึงหนีมาตามที่มึงอยากหนี กูแค่ขอให้มึงช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเขาจะได้เอ็นดูมึงแค่นั้นเอง” เฟิร์สยกแขนขึ้นโอบกอดร่างบางที่โอบรัดตัวเขาอยู่ สุดท้ายสตาร์ก็ยอมทำตามคำขอ เฟิร์สเอาเสื้อผ้าที่สั่งเด็กแถวบ้านไปซื้อมาให้กับสตาร์ก่อนจะออกไปช่วยงานยายในครัวสตาร์เองเมื่ออาบน้ำล้างหน้าเสร็จก็ตรงเข้าไปในครัวด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก

“ยายมีอะไรใหห้สตาร์ช่วยไหมครับ” เฟิร์สเอ่ยถามหญิงชราที่กำลังยืนคนหม้อแกงอยู่ ยายหันมายิ้มก่อนจะโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

“ยายมึง...” สตาร์ไม่กล้าถามว่ายายพูดไม่ได้หรือ เธอเพียงกระซิบแล้วมองไปที่หญิงชราด้วยสีหน้าสงสัย

“ยายพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ฟังออก” เฟิร์สตอบกลับก่อนจะเดินไปหยิบถ้วยมายื่นให้กับแม่ครัว มือเหี่ยวของหญิงชราตักน้ำแกงและชิ้นแกง 2-3ชิ้นใส่ในถ้วยแล้วส่งคืนให้กับหลานชาย

“ลองชิมไหม” เฟิร์สหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างกาย

“อะไรอะ”

“แกงเรียง”

“ไม่เอาอะกลัวเผ็ด” สตาร์มองดูสีของแกงในหม้อก่อนจะตอบกลับ

“อร่อยนะไม่กินเหรอ” เฟิร์สที่เพิ่งตักชิมถามอีกครั้ง

“ไม่”

“งั้นลองอันนี้ไหม” เขาเปิดสำรับข้าวแล้วเอ่ยถาม

“อะไรอะ หอมอยู่นะ”กกลิ่นเครื่องแกงลอยอบอวนขึ้นมาแตะจมูกเนื้อสับผัดใส่ผักกลิ่นฉุนร้อน ๆ มันหอมจนอยากได้ข้าวสักจาน

“ผัดเผ็ดกระรอกป่า” เฟิร์สตอบก่อนจะตักชิม

“กระรอก!!!” สตาร์ร้องลั่น

“มึงจะเสียงดังทำไมก็กระรอกไง”

“กินกระรอกเนี่ยนะ น่ารักแบบนั้นกินได้ไง”นึกถึงภาพเจ้ากระรอกหางฟูในการ์ตูน สตาร์ก้รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที

“ก็มันเป็นอาหารเรื่องมากจังนะมึงเนี่ยอันนี้ก็ไม่เอาอันนั้นก็ไม่กิน มึงจะกินอะไร”

“ไข่เจียว” ให้กินกระรอกหรือขอกินไข่เสียดีว่าสตาร์คิดในใจ

“งั้นมานี่” เฟิร์สลุกจากเก้าอี้ก่อนจะจูงมือสตาร์ออกมาที่หลังบ้านแล้วเดินตรงไปที่เล้าไก่ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตาเพิ่งจะถือตะกร้าไข่ออกมาพอดี

“อะไรอีก” สตาร์เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เธอยังขจัดภาพกระรอกออกจากหัวไม่ได้เลย

“จะมาเก็บไข่เหรอ ตาเก็บหมดแล้วล่ะ ฝากเอาไปไว้ในครัวหน่อย เดี๋ยวตาจะไปดูหญ้าวัว” เฟิร์สรับตะกร้าไข่มาก่อนจะส่งให้กับสตาร์อีกต่อ

“อะไร”

“เอาไปล้าง แล้วอย่าให้แตกนะ”

“ล้างอะไร ล้างตรงไหน”

“ตรงก๊อกน้ำที่เราเดินผ่านมาไงตรงนั้นมีตะกร้าอยู่กูจะไปช่วยตาเอาหญ้าให้วัว” สตาร์ได้แต่รับคำสั่งอย่างจำใจ ‘จะอยู่ได้สักกี่วันวะแบบนี้’ สตาร์คิดในใจ ไหนจะเลี้ยงสัตว์ ไหนจะงานบ้าน ยังต้องมากินอาหารแปลก ๆ อีก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป