บทที่ 3

สวี่จือย่างไม่ได้ตอบคำถามของป้าหลิว แต่ถามกลับไปว่า "ป้าหลิวคะ ข้างนอกนั่นใครเหรอคะ?"

"ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ พวกต้มตุ๋น!" ป้าหลิวอธิบายอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนั้นเอง สวี่จือย่างก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนอย่างหัวเสียมาจากนอกประตู

"นังสวี่จือย่าง! อีลูกไม่รักดี! พอได้เกาะคนรวยเข้าหน่อยก็คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสนักรึไง! เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของแกนะ!"

ป้าหลิวไม่รู้จักเสียงนี้ แต่สวี่จือย่างไม่มีทางจำไม่ได้ เสียงนี้เป็นของผู้ชายที่ทรมานเธอและแม่ของเธอมานานกว่าสิบปี... ฉินเย่เฉิง

แต่ก็นับว่าโชคดีที่เธอไม่ได้ติดต่อกับฉินเย่เฉิงมาสิบกว่าปีแล้ว

ครั้งหนึ่งเธอก็เคยมีครอบครัวที่มีความสุข พ่อของเธอ ฉินเย่เฉิง บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่ามูลค่าตลาดจะไม่สูงมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งครอบครัวใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย

น่าเสียดายที่พอผู้ชายมีเงินก็มักจะหลายใจ ตอนที่สวี่จือย่างเรียนอยู่มัธยมต้น แม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ศพยังไม่ทันได้ฝัง ฉินเย่เฉิงก็รีบร้อนพาเมียน้อยกับลูกสาวนอกสมรสที่ซุกไว้ข้างนอกเข้าบ้านทันที

และลูกนอกสมรสคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฉินเจินเจิน ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงมีหน้าตาคล้ายกันถึงเจ็ดแปดส่วน

สวี่จือย่างฟังเสียงคำรามของฉินเย่เฉิงที่อยู่หน้าประตูแล้วแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา ในอดีตแม่ของฉินเจินเจินเข้ามาแทรกแซงชีวิตคู่ของพ่อแม่เธอ ตอนนี้ฉินเจินเจินก็มาแทรกแซงชีวิตคู่ของเธอบ้าง สองแม่ลูกคู่นี้เสพติดการเป็นเมียน้อยกันหรือยังไงนะ

แม้ว่าจะต้องเจอกับพ่อเฮงซวยแบบนี้ แต่สวี่จือย่างก็ยังโชคดี เธอมีคุณย่าที่รักเธอ คุณย่ารับไม่ได้กับแม่ลูกฉินเจินเจิน ท่านคิดว่าพวกเธอทำให้ตระกูลฉินขายหน้า ส่วนลูกชายของท่าน ฉินเย่เฉิง ก็เหมือนถูกอะไรบังตาจนมองไม่เห็นเล่ห์เหลี่ยมของแม่ลูกคู่นี้

ด้วยเหตุนี้ คุณย่าผู้มองการณ์ไกลจึงพาสวี่จือย่างย้ายออกจากบ้านหลังนั้น ท่านเคยลั่นวาจาไว้ว่า ตราบใดที่สองแม่ลูกนั่นยังอยู่ ท่านจะไม่มีวันกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก ท่านพูดอย่างนั้นและก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ส่วนฉินเย่เฉิง ลูกชายเนรคุณคนนั้นก็ไม่เคยใส่ใจแม่แท้ๆ ของตัวเองเลย

หลังจากที่คุณย่าพาสวี่จือย่างจากมา ฉินเย่เฉิงไม่เคยโทรหาเลยสักครั้ง ไม่เคยมาให้เห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่งตอนที่คุณย่าป่วยหนักใกล้จะสิ้นใจ ฉินเย่เฉิงก็ไม่มาดูใจท่านเป็นครั้งสุดท้าย

สวี่จือย่างรู้ดีว่าเขาใช้การกระทำของตัวเองเพื่อบีบให้คุณย่ายอมแพ้และยอมรับผิด ให้คุณย่าคืนหุ้น 10% ของฉินกรุ๊ปที่อยู่ในมือท่านกลับไปโดยสมัครใจ

โชคดีที่คุณย่าแม้จะแก่แล้วแต่ก็ไม่ได้เลอะเลือน จนกระทั่งสิ้นลมท่านก็ไม่ได้คืนหุ้นให้ฉินเย่เฉิง

คุณย่ากับคุณปู่ของฮั่วถิ๋งเซินเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี เมื่อทราบว่าสวี่จือย่างไม่มีที่พึ่ง คุณปู่จึงตัดสินใจให้ฮั่วถิ๋งเซินแต่งงานกับสวี่จือย่าง คุณปู่อยากจะมอบครอบครัวให้สวี่จือย่าง เพื่อที่จะได้ดูแลเด็กคนนี้ได้ดียิ่งขึ้น

ฮั่วถิ๋งเซินเชื่อฟังและแต่งงานกับเธอ มอบชีวิตคู่ให้เธอ แต่ไม่เคยมอบความรักให้เลย

ก่อนหน้านี้สวี่จือย่างยังคงเสียใจกับเรื่องนี้ แต่... สวี่จือย่างก้มลงมองใบหย่าในมืออีกครั้ง บนนั้นมีลายเซ็นของคนสองคนแล้ว ชีวิตแต่งงานครั้งนี้เป็นฮั่วถิ๋งเซินที่ไม่ต้องการก่อน งั้นก็โทษเธอไม่ได้แล้ว เธอก็ไม่ต้องการฮั่วถิ๋งเซินอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน

ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูที่ดังจนหูแทบดับยังคงดังต่อเนื่อง ราวกับจะทำให้บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือน ฉินเย่เฉิงยังคงทุบประตูอย่างแรงอยู่ข้างนอก

"สวี่จือย่าง เปิดประตูให้ฉัน!" ทุกครั้งที่ทุบประตูเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจของเขา ราวกับจะระบายอารมณ์ทั้งหมดออกมา

สวี่จือย่างที่อยู่ในบ้านใจหายวาบ เมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นและจินตนาการถึงใบหน้าที่ละโมบของฉินเย่เฉิง เธอก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ท้องไส้ปั่นป่วนจนต้องวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ

ป้าหลิวตามเข้าไปอย่างเป็นห่วง เธอเกรงว่าจะเป็นเพราะอาหารเป็นพิษ แต่ผักที่เธอซื้อมาก็สดใหม่ วิธีการทำอาหารก็ไม่มีปัญหา หรือว่า...?

ป้าหลิวถามอย่างระมัดระวัง "คุณผู้หญิงคะ หรือว่าคุณจะท้อง?"

"เปล่าค่ะ ประจำเดือนเพิ่งหมดไป ที่คลื่นไส้เพราะนึกถึงหน้าคนข้างนอกนั่นแล้วมันพะอืดพะอม"

ป้าหลิวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "คุณผู้หญิงรู้จักพวกเขาจริงๆ เหรอคะ?"

"ก็ใช่น่ะสิคะ นั่นแหละพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน" เสียงของสวี่จือย่างที่ดังมาจากในห้องน้ำฟังดูทั้งกลวงเปล่าและอ่อนแรง

ในขณะนั้น เสียงตะโกนและเสียงทุบประตูของฉินเย่เฉิงผสมปนเปกัน สร้างบรรยากาศที่น่าอึดอัดจนทำให้ทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยความกดดัน

"ฉันรู้ว่าแกอยู่ในนั้น อย่ามัวแต่ซ่อนตัว!" ใช่เลย เสียงนี้แหละ เสียงเดียวกับตอนที่ไล่เธอกับคุณย่าออกจากบ้านไม่มีผิด!

หลังจากตะโกนไปอีกพักใหญ่ ดูเหมือนว่าฉินเย่เฉิงจะเริ่มเหนื่อย

ทันใดนั้น เสียงของผู้หญิงอีกคนที่ทำให้สวี่จือย่างเจ็บปวดใจก็ดังขึ้น

"ย่างย่าง เปิดประตูเถอะลูก นี่แม่เองนะ แม่รู้ว่าลูกไม่อยากยอมรับแม่คนนี้ แต่แม่จะทำเป็นไม่รู้จักลูกไม่ได้"

ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของฉินเจินเจิน และเป็นเมียน้อยที่เข้ามาแทรกแซงชีวิตคู่ของพ่อแม่เธอ

ทันทีที่สวี่จือย่างได้ยินเสียงนี้ สมองของเธอก็แทบจะระเบิด ฉินเย่เฉิงสมองหมาปัญญาควายนี่คิดอะไรอยู่กันแน่ เขาถึงกล้าพาเมียน้อยของตัวเองมาหาลูกสาวของภรรยาหลวง!

"ไสหัวไป! ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกคุณ!" สวี่จือย่างที่เพิ่งอาเจียนเสร็จเสียงยังคงแหบพร่า เธอยืนนิ่งอยู่หลังประตู ฟังฉินเย่เฉิงกับเฉียวนาหลันพร่ำพรรณนาเกลี้ยกล่อมให้เธอเปิดประตู

แต่ไม่ว่าทั้งสองจะพูดจนปากจะฉีกถึงหู สวี่จือย่างก็ไม่ยอมเปิดประตูและไม่พูดอะไร เธอแค่อยากจะฟังเงียบๆ ว่าชายหญิงสารเลวคู่นี้จะสรรหาคำพูดอะไรมาเล่นละครได้อีก

แต่พวกเขาก็เอาแต่พูดจาวกวน ซ้ำไปซ้ำมาแต่เรื่องที่ว่ารักเธอมากแค่ไหน และหวังให้เธอกลับไปคืนดีด้วย ถึงขนาดที่ฉินเย่เฉิงยังเสแสร้งแสดงความอาลัยอาวรณ์ถึงคุณย่าอีกด้วย

แน่นอน ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร สวี่จือย่างก็ไม่เชื่อทั้งนั้น

"พูดพอรึยัง? ถ้าพอแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว"

"ฉันเป็นพ่อแกนะ แกกล้าไล่ฉันให้ไสหัวไปเรอะ!" ความโกรธที่ฉินเย่เฉิงพยายามกดเอาไว้ ในที่สุดก็กดไว้ไม่อยู่

เฉียวนาหลันที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเสื้อของเขาแสดงให้เห็นว่าให้เขาอย่าเพิ่งโกรธ เธอยังมีไม้ตายอยู่

เฉียวนาหลันหยิบกำไลอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ไม่ใช่กำไลราคาแพงอะไร แต่ดูแล้วเป็นของเก่าและถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี

เฉียวนาหลันถือกำไลชูไปมาที่กล้องวงจรปิดหน้าประตู "ย่างย่าง อย่าโกรธคุณพ่อเลยนะ วันนี้พวกเรามาเพื่อเอาของมาให้ลูก กำไลอันนี้ลูกยังจำได้ไหม?"

กำไลอันนี้ เป็นของที่แม่ทิ้งไว้ให้ เฉียวนาหลันผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไง?

นางมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับกำไลของแม่ฉัน?

"พวกคุณอยากจะพูดอะไร ก็พูดตรงนี้แหละ" ฉินเย่เฉิงทำท่าจะโกรธอีกครั้ง เฉียวนาหลันส่ายหน้าให้เขาแสดงท่าทีให้ใจเย็นๆ ฉินเย่เฉิงก็เชื่อฟังและเงียบลงจริงๆ

สวี่จือย่างที่เห็นภาพนี้ผ่านกล้องวงจรปิดรู้สึกสมเพชจนอยากจะหัวเราะ ชายชั่วหญิงโฉดสมควรคู่กันจริงๆ! ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดและเพียงครั้งเดียวในชีวิตของแม่ ก็คือการแต่งงานกับผู้ชายสารเลวคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ป่านนี้แม่คงมีความสุขไปถึงไหนแล้ว!

"ย่างย่างจ๊ะ ลูกต้องให้พวกเราเข้าไปก่อนสิ เราถึงจะเอากำไลให้ลูกได้ ใช่ไหมจ๊ะ?"

"ได้"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป