บทที่ 8

ใช่ ฮั่วจื่อจิ้นรู้สึกแบบนี้จริงๆ แม้ว่าทุกครั้งที่เจอฮั่วถิ๋งเซินกับสวี่จือยังที่บ้านใหญ่ ต่อหน้าพ่อของเขา พวกเขามักจะแสดงความรักต่อกันเสมอ แต่ฮั่วจื่อจิ้นกลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเพียงการแสดงตบตา

ยิ่งวันนี้สวี่จือยังบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แต่กลับต้องมาโรงพยาบาลคนเดียว ไม่มีแม้แต่ญาติสักคนมาเซ็นรับรองให้

ฮั่วจื่อจิ้นจึงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเขาดูเหมือนจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เห็น  ดังนั้นเรื่องที่จะเก็บเด็กคนนี้ไว้หรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสวี่จือยังแต่เพียงผู้เดียว

เพียงแต่ในฐานะคุณอา เขายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องไปทำ

ความมืดมิดยามค่ำคืนในลานจอดรถปกคลุมทุกสิ่ง ฉินเย่เฉิงเพิ่งจอดรถและกำลังจะลงจากรถ ทันใดนั้น เงาดำหลายร่างก็ปราดเข้ามาล้อมรถของเขาไว้ในพริบตา ชายชุดดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง แทบไม่ให้เขาได้มีเวลาตั้งตัว ก็ลากเขาเข้าไปในรถตู้สีดำคันหนึ่งอย่างแรง

“พวกแกเป็นใคร?” ฉินเย่เฉิงถามอย่างตื่นตระหนก

“หุบปาก!” ชายชุดดำคนหนึ่งตอบกลับอย่างเย็นชา จากนั้นก็ใช้ผ้าสีดำปิดตาของฉินเย่เฉิง ก่อนจะเอาถุงเท้าเหม็นอับยัดปากฉินเย่เฉิงที่กำลังหวีดร้องไม่หยุด

พร้อมกับเสียง “อื้อ อื้อ อื้อ” ของฉินเย่เฉิง รถก็แล่นไปอย่างรวดเร็วในความมืดมิดยามค่ำคืน หัวใจของฉินเย่เฉิงเต้นรัว ในหัวพยายามนึกทบทวนว่าช่วงนี้ตนไปทำอะไรไว้

ช่วงนี้เขาดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรเลยนี่ หรือว่าจะเป็นการลักพาตัวเรียกค่าไถ่?

ไม่นานนัก รถก็หยุดลง ฉินเย่เฉิงถูกลากลงจากรถอย่างหยาบคาย และถูกพาเข้าไปในห้องใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น ระหว่างที่ถูกลาก ถุงเท้าเน่าๆ ในปากของฉินเย่เฉิงก็หลุดออกมา ในที่สุดเขาก็พูดได้

“พวกแกต้องการอะไร?” เสียงของฉินเย่เฉิงสั่นเทา เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ก็มาสั่งสอนแกไง ใครใช้ให้แกไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรไปยุ่ง” ชายชุดดำพูดอย่างเย็นชา จากนั้นคนหลายคนก็เข้ามาล้อม

ชายชุดดำคนแรกยกเท้าขึ้น เตะเข้าที่ท้องของฉินเย่เฉิงอย่างแรง

ฉินเย่เฉิงตั้งตัวไม่ทัน งอตัวลงด้วยความเจ็บปวด สองมือยกขึ้นกุมท้องตัวเองตามสัญชาตญาณ ใบหน้าปรากฏสีหน้าเจ็บปวดในทันที จากนั้น ชายชุดดำอีกคนก็กระชากผมของเขา ดึงเขาขึ้นมาอย่างแรง ก่อนจะระดมหมัดใส่ใบหน้าของเขาราวกับห่าฝน

“อ๊าก!” ฉินเย่เฉิงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก แก้มบวมเป่งในทันที โลกตรงหน้าเริ่มพร่ามัว

ชายชุดดำไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พวกเขาสลับกันลงมือ ทั้งหมัดและเท้าสลับกันกระแทกใส่ร่างของฉินเย่เฉิง

ชายชุดดำคนหนึ่งจับข้อมือของเขาไว้แน่น ดึงเขาขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างก็เหวี่ยงหมัดออกไปอย่างแรง เข้าที่คางของเขาพอดิบพอดี ศีรษะของฉินเย่เฉิงหงายไปข้างหลังอย่างแรง แทบจะเสียการทรงตัว ตาพร่าลายเห็นดาว

“ไอ้กระจอกเอ๊ย” ชายชุดดำเย้ยหยันอย่างเย็นชา จากนั้นก็ต่อยเข้าที่ซี่โครงของฉินเย่เฉิงอีกหมัด ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่น ฉินเย่เฉิงรู้สึกหายใจลำบาก

เขาพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ภายใต้การรุมของชายชุดดำ เขาไม่มีแรงจะต่อสู้เลย

ชายชุดดำคนหนึ่งใช้เท้าเหยียบไหล่ของเขา กดเขาลงกับพื้นอย่างแรง ส่วนชายชุดดำอีกคนก็ฉวยโอกาสใช้หมัดต่อยเข้าที่หลังของเขาอย่างหนัก ฉินเย่เฉิงรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงจนแทบจะทนไม่ไหว

ทุกครั้งที่ถูกชกอย่างหนักทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด เพียงแต่ในใจยังคงคิดไม่ตกว่าช่วงนี้เขาไปหาเรื่องใครมา? นอกจากสั่งสอนสวี่จือยังไปไม่กี่ที เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย!

คงไม่ใช่ยัยตัวดีสวี่จือยังนั่นจ้างคนมาอัดเขาหรอกนะ ไม่มีทาง!

และก็ต้องบอกว่า...ฉินเย่เฉิงเดาถูกเผง

แม้ว่าสวี่จือยังจะไม่มาแก้แค้นฉินเย่เฉิงด้วยตัวเอง แต่ก็มีคนอื่นที่จะแก้แค้นให้สวี่จือยัง

เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของฉินเย่เฉิงก็ค่อยๆ หมดแรง สติก็เริ่มเลือนลาง ชายชุดดำไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พวกเขายังคงใช้หมัดและเท้าโจมตีเขาอย่างโหดเหี้ยมต่อไป จนกระทั่งเขาไม่สามารถขัดขืนได้อีก ร่างกายก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่น

ในขณะเดียวกัน ชายชุดดำก็ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกวิดีโอไว้ตลอด แล้วส่งให้สวี่จือยัง

ส่วนสวี่จือยังที่กำลังนอนหลับอยู่ในโรงพยาบาลก็ถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นขึ้นมา เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เห็นข้อความหนึ่งกะพริบอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์

เธอแตะเปิดข้อความนั้น ในภาพ ฉินเย่เฉิงถูกชายชุดดำรุมล้อม ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล กำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวด

ในใจของสวี่จือยังพลันรู้สึกสับสนระคนไปกับความสะใจ มุมปากก็เผลอยกยิ้มขึ้นมา เมื่อเห็นฉินเย่เฉิงทนทุกข์ทรมาน ในใจของเธอก็เกิดความรู้สึกโล่งใจและยินดี คนที่เคยทำร้ายเธอ ในที่สุดก็ได้รับผลกรรมที่สาสม

ตอนนั้นเอง คนที่ส่งวิดีโอมาก็ส่งข้อความมาอีกหนึ่งข้อความ:

【คุณสวี่ สะใจพอหรือยังครับ? ถ้ายังไม่พอ พวกเราจัดต่อให้ได้อีก แค่ห้ามกระทืบให้ตายก็พอ】

【คุณเป็นใคร? ทำไมถึงช่วยฉัน?】

【เรื่องนั้นไม่สำคัญครับ ขอแค่คุณสวี่รู้ไว้ว่า พวกเราพร้อมรับใช้เสมอ หากมีเรื่องอะไรให้ช่วย ติดต่อผมได้ทุกเมื่อครับ —— เสี่ยวเฟิง】

ตัวตนของเสี่ยวเฟิงนั้นลึกลับเกินไปหน่อย ไม่ว่าสวี่จือยังจะถามอย่างไร เสี่ยวเฟิงก็ไม่ยอมปริปากพูด สวี่จือยังจึงยอมแพ้ ไม่ได้ถามต่อ

อย่างน้อยในตอนนี้ เสี่ยวเฟิงก็อยู่ข้างเดียวกับเธอ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่

สวี่จือยังจดจำเบอร์โทรศัพท์นี้จนขึ้นใจ รอให้เธอออกจากโรงพยาบาล ฟื้นตัวดีแล้ว ค่อยสืบดูให้ดีว่าเสี่ยวเฟิงคนนี้เป็นใครกันแน่

สวี่จือยังเป็นคนที่มีความระมัดระวังตัวสูงมาโดยตลอด อันที่จริงศัตรูของเธอก็มีไม่น้อย ตัวเธอเองก็มีความขัดแย้งที่ไม่อาจประนีประนอมได้กับตระกูลฉิน อีกทั้งเธอยังเป็นสะใภ้ของตระกูลฮั่ว หากมีใครคิดจะเล่นงานตระกูลฮั่ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือจุดอ่อนที่สุด

เผื่อว่าเสี่ยวเฟิงคนนี้แค่ใช้เรื่องการช่วยเหลือมาเป็นข้ออ้างเพื่อจงใจเข้าใกล้เธอ แล้วฉวยโอกาสตอนที่เธอคลายความระแวงลง แล้วจับตัวเธอไป เรื่องพวกนี้ไม่มีใครบอกได้ ดังนั้นสวี่จือยังจึงคิดว่าสืบให้ชัดเจนจะดีกว่า

ในขณะที่สวี่จือยังกำลังครุ่นคิดถึงตัวตนของเสี่ยวเฟิงอยู่ ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออกอีกครั้ง

เป็นฮั่วจื่อจิ้นอีกแล้ว

“คุณอา ยังไม่กลับอีกเหรอคะ?”

“อาไปแล้วล่ะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเธอก่อน เลยกลับมา” ฮั่วจื่อจิ้นอธิบาย ประโยคนี้ทำให้สวี่จือยังสงสัย เรื่องอะไรกันนะที่ต้องให้คุณอามาบอกด้วยตัวเอง

สวี่จือยังมองหน้าคุณอาเล็กด้วยความฉงน ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายระยับ ราวกับลูกจิ้งจอกน้อยแสนซน

ฮั่วจื่อจิ้นยื่นใบรายงานผลการตั้งครรภ์ในมือให้กับสวี่จือยัง

“เธอดูเองแล้วกัน”

“ตั้งครรภ์?” สวี่จือยังทวนคำนี้ซ้ำ เสียงของเธอแผ่วเบา เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง มือของเธอก็เลื่อนไปกุมท้องของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ในใจก็เกิดความรู้สึกสั่นไหวอย่างรุนแรง

“ใช่ จากการตรวจ หมอยืนยันว่าเธอตั้งครรภ์” ฮั่วจื่อจิ้นตอบกลับโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

ในหัวของสวี่จือยังพลันว่างเปล่า ในใจราวกับมีคลื่นยักษ์ซัดสาด เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะตั้งครรภ์ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อวาน เธอคงจะตื่นเต้นมากที่จะประกาศข่าวนี้ออกไป ให้ทุกคนรู้ว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว

แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย?

บทก่อนหน้า
บทถัดไป