บทที่ 7 ตอนที่ 5

“แม่จันทร์หอม เหตุใดถึงแสดงกิริยาไม่ดีไม่งามเช่นนี้ รู้หรือไม่ปลาหมอมักจะตายเพราะปาก” ภาพย์หันมาห้ามปรามข้าวเมื่อได้ยินเสียงตะโกน สร้อยทองเข้ามาลูบแขนข้าวในเชิงห้ามแต่ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่าใดๆ

“ไม่ตายแล้วจะได้กินไหม อร่อยดีไม่ใช่หรอพ่อพระเอก” ข้าวยกมุมปากเหยียดยิ้มอย่างไม่สนใจ สร้อยทองรีบพาเธอเดินออกจากท่าเรือทันที ภาพย์ผ่อนลมหายใจยาวมองตามก่อนเดินนำบ่าวทั้งหมดตามไป ชาวบ้านหลีกทางให้ข้าวที่เดินนำบ่าวรับใช้สามคนของตนอย่างไม่เกรงใครหน้าไหนจนมาถึงวัดใหญ่ กลิ่นอายความเก่าแก่ลอยแตะจมูกชวนให้ก้าวเข้าไปกราบไหว้ด้านใน ภาพย์นำหญิงสาวสองคนเข้ามากราบไหว้พระภิกษุสงฆ์วัยกลางคนที่นั่งทำสมาธิอยู่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ข้าวกวาดสายตามองก่อนเลื่อนสายตามองชายผ้าเหลือง

“ที่จากมาไม่มีอย่างนั้นหรือ” พระภิกษุลืมตาขึ้นมองมาทางข้าวที่เลิกคิ้วฉงนนั่งอยู่ข้างสร้อยทองด้านหลังภาพย์

“พระอาจารย์กำลังหมายถึงสิ่งใดหรือ” ภาพย์ขมวดคิ้วสงสัย

“ไม่มีความบังเอิญใดเกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล ในเมื่อมาแล้วควรเรียนรู้และยอมรับสิ่งนั้นคือสิ่งที่ควรกระทำ”

“ไม่ใช่ฝันหรือค่ะ” ความข้องใจเริ่มทำข้าวสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“รูป รส กลิ่น เสียง สี่สัมผัสจักแสดงให้รู้แจ้ง ตอนนี้ได้กี่สัมผัสแล้วเล่า” พระภิกษุเอ่ยย้ำย้อนถามข้าวที่นิ่งคิดเลื่อนสายตาลงมองตนเองก่อนกระเถิบถอยหลังวิ่งออกไปด้านนอกสูดกลิ่นอายธรรมชาติเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนได้ยินเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว

“เป็นเช่นไร ครบแล้วหรือยัง” พระภิกษุก้าวเดินนำภาพย์กับสร้อยทองออกมามองข้าวที่หันหลังกลับนิ่งคิด

“หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะพระคุณเจ้า” สร้อยทองยกมือพนมเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอันใดหรอกโยม ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงดวงชะตาโยมจันทร์หอมราวกับเกิดใหม่ เมื่อมีโอกาสเรียนรู้จงแก้ไขให้ลุล่วงดั่งที่หวังให้จงได้ อาตมาคงไม่ต้องตรวจดวงชะตาอันใดมาก คิดว่าโยมจันทร์หอมนั้นรู้ตนดีแล้ว” พระภิกษุหมุนตัวกลับเดินอย่างสำรวมจากไป ภาพย์กับสร้อยทองนั่งลงกราบลาก่อนที่ข้าวจะลดตัวลงนั่งพับเพียบยกมือกราบอย่างนิ่งคิดก่อนลุกขึ้นมองหน้าสร้อยทองที่หันมองกับภาพย์อย่างไม่เข้าใจ

“ท่านขุนขอรับ” แก้ววิ่งเข้ามาสีหน้าตื่นป้องปากกระซิบข้างหูภาพย์ที่เอียหูรับฟังทำให้ข้าวมองดูอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ใส่ใจเลื่อนหน้าหนีมองบรรยากาศรอบข้าง

“อืม” ภาพย์พยักหน้ารับก่อนแก้วจะลดตัวลงกุมมือยืนอยู่ห่างๆรอผู้เป็นนาย ภาพย์หันกลับมาบอกสร้อยทองกับข้าวที่ทำทีไม่มองหน้าตน “ข้ามีกิจสักประเดี๋ยวจะมารับเจ้าทั้งสองกลับเรือน เชิญเจ้าทั้งสองหยิบจ่ายใช้สอยชมตลาดรอได้หรือไม่”

“เชิญขุนภาพย์ทำกิจของตนเถิด ข้ากับแม่จันทร์หอมจักชมตลาดสักประเดี๋ยวเช่นกัน หาได้เร่งรีบไม่” สร้อยทองยิ้มรับตอบกลับ

“ใครว่าร้อนจะตาย ดูแดดสิพาดำกันพอดี ร้อนตับปลิ้นขนาดนี้ทำอย่างกับตลาดติดแอร์” แม้จะเข้าใจอะไรมากขึ้นแต่ไม่กระจ่างเสียหมด ความกวนของข้าวยังไม่หมดไปง่ายๆ

“กล่าวอันใดของเจ้า” สร้อยทองหันมองข้าวที่อมยิ้มส่งกลับทำทีไขสือก่อนหุบยิ้มเมื่อสบตากับภาพย์

“ข้าจะรีบมา” ภาพย์หันหลังกลับเดินนำคนของตนออกไป ข้าวยืนกอดอกมองตามก่อนยักไหล่แบะปากหันมาสบตากับสร้อยทองที่ยืนมองเธออย่างแปลกใจแต่ก็ไม่พูดไม่ถามอะไรต่อเดินนำข้าวไปที่ตลาดท้ายทุ่ง ข้าวมองแผงขายอย่างชอบใจนึกสนุกให้สร้อยทองเดินนำบ่าวล่วงหน้าด้วยความเพลินเมื่อหันมาอีกทีผู้เป็นน้องได้หายไปแล้ว

“แม่จันทร์หอม” สร้อยทองตะโกนเรียกวนหาอยู่หลายรอบอย่างกังวลใจผิดกับคนกระทำที่เดินนำทีมบ่าวสามรำมาที่ร้านตีเหล็ก

“แม่หญิงเจ้าคะ แม่นายจะเป็นห่วงเอานะเจ้าคะ” รำเพยเอ่ยเสียงแผ่วเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างกล้าๆกลัวๆกับหญิงที่ถูกให้ดูแล

“ฉันแค่มาชมอะไรสนุกๆ มีอะไรน่าห่วงที่ไหน ชาวบ้านก็ไม่ได้เห็นฉันเป็นผีแล้วนี่ กลัวอะไรนักหนา” ข้าวหยุดมองหน้าสามรำที่สะดุ้งเฮือกหลบสายตาเฉียบของข้าว ก่อนเธอจะหันกลับมามองการตีมีดดาบอย่างสนอกสนใจ

“นี่ไม่ใช่เขตของหญิง แม่หญิงรีบไปเสียดีกว่า” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากลุกยืนจากเปลร่างกายกำยำผิวเข้มหน้าคมไว้ผมหางเปียยาวดั่งจีนอพยพ ข้าวมองร่างสูงยืนลูบคมถอดเสื้อเผยแผงอกเหงื่อไหลเป็นเม็ดรับอากาศที่อบอ้าว

“ก็ไม่เห็นมีป้ายปักว่ายืนไม่ได้ ทำไม ผู้ชายสมัยนี้ทำอะไรก็ได้งั้นหรอ ทึนทึกสมความโบราณจริงๆ ฉันต้องการสักเล่ม” ข้าวเลิกคิ้วต่อปากต่อคำต่ออย่างไม่ลดละและไม่สนใจอะไร

“ข้าทำให้เฉพาะชายหาใช่หญิงปากคอเราะร้ายเยี่ยงแม่หญิง” การโต้กลับของชายหนุ่มร่างกำยำทำข้าวเริ่มหงุดหงิดยื่นมือแบไปทางรำไพ

“อะไรหรือเจ้าคะ” รำไพยิ้มแห้งๆถามกลับอย่างอ่อนน้อม ข้าวตวัดหางตามองเธอทันทีอย่างเหนื่อยใจ

“เงินไง ยืมก่อนสิ”

“อะไรนะเจ้าคะ อีรำเพยเงินคืออันใดวะ” รำไพหันไปหาตัวช่วยที่มึนงงอาการไม่แพ้กัน

“จะรู้หรือ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป