บทที่ 13 13
“มันอร่อยดีค่ะ...”
“ทานให้หมดสิคะ...เอ...หรือคุณหนูตื่นเต้นจะได้ไปพบว่าที่เจ้าบ่าวเพราะวันนี้คนของคุณโรดิออนจะมารับพวกเราที่นี่”
“ค่ะ...ป้ายูลี่ ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นก็คือ...หนูเพิ่งรู้ว่าพ่อเป็นหุ้นส่วนบริษัทค้าเพชรของรัสเซีย”
“คุณหนู!” รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงวัยกลางคนหดหายกลายเป็นความไม่สบายใจเมื่อคิดถึงคำพูดต่อไปซึ่งต้องหลุดจากปากลดาเป็นแน่
“ทำไมคุณพ่อต้องปกปิดเรื่องนี้ล่ะคะ เรื่องที่ท่านเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแม็กซิมัส คอร์ปอเรชั่น และการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วน ๆ ใช่มั้ยคะ ลดาเป็นหมากเดินเกมในกระดานการค้าของคุณพ่องั้นหรือคะ ป้ายูลี่”
“โอ! ไม่เลยค่ะ...ไม่เลย ทูนหัวของป้า แต่ในเมื่อคุณหนูรู้เรื่องนี้แล้วคุณหนูก็จะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น” ยูเลียน่าปลุกปลอบด้วยการรวบมือของลดามากุมไว้แน่น
“คุณพ่อของคุณหนูรักคุณหนูมากที่สุด และไม่เคยคิดจะแลกลูกสาวของท่านกับสิ่งมีค่าใด ๆ ในโลก การแต่งงานของคุณหนูไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์แต่มันเป็นพันธะทางใจของผู้ร่วมก่อตั้งแม็กซิมัสที่ต้องการกลับมาหลอมรวมกันอีกครั้งหลังจากที่ต่างคนต่างหันหลังให้กันมานานนับสิบปี”
“ลดารู้นะคะว่าป้ายูลี่รู้เรื่องทุกอย่างดี ลดาไม่อยากถามคุณพ่อ ท่านป่วยอาจเสียกำลังใจ ลดาไม่อยากให้ท่านรู้ว่าลดาลำบากใจแค่ไหนที่ต้องรับปากท่านเพื่อมาที่นี่”
เพื่อจะได้รับรู้ว่าโรดิออนชิงชังคู่หมายของเขาหนักหนา...ลดาเก็บความเสียใจไว้ข้างในทว่าน้ำรื้นบนดวงตาช่างปกปิดความทุกข์ของเธอได้ยากเย็น ยูเลียน่าทอดถอนใจก่อนจะเริ่มระบายเรื่องในอดีตออกมา
“ท่านคีริลสืบเชื้อสายมาจากตระกูลของท่านเคาน์คอนสแตนติน อยู่ในชนชั้นเจ้าของที่ดินที่ยัสนายา ปอลยานา เราเรียกที่นั่นว่า ทุ่งตะวันฉาย”
“ยัสนายา ปอลยานา”
“ท่านเป็นเพื่อนสนิทกับท่านยูเชนคอฟซึ่งก็เป็นลูกของผู้มีอันจะกินอยู่ในกรุงมอสโก หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย แสงสว่างของรัสเซียใหม่ก็นำทางให้แม็กซิมัสกำเนิดขึ้นเป็นดวงดาวที่เปล่งรัศมีเจิดจ้าอย่างรวดเร็ว เขาสองคนเป็นหุ้นส่วนที่ทำงานเข้ากันได้ดีแต่เรื่องนิสัยผิดกันเหมือนฟ้ากับเหว ท่านคีริลใจร้อน หัวแข็ง ไม่เคยยอมใครเลยแต่ยอมให้แค่คนเดียวและรับฟังท่านยูเชนคอฟที่เยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งโดยสดุดี แต่หลังจากแม็กซิมัสขยายการขุดเหมืองเพชรไปทั่วโลกโดยเฉพาะในอัฟริกา ทุกอย่างดูเหมือนเดินเข้าสู่ทางตัน ไม่ใช่การทำธุรกิจ แต่เป็นความเห็นที่แตกต่าง ป้าไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ได้ยินแต่ท่านยูเชนคอฟพูดว่า เพชรเปื้อนเลือด และหลั่งน้ำตาต่อหน้าท่านคีริลก่อนจะเดินทางกลับมาหาคนที่ท่านรัก คือคุณแม่ของคุณหนูที่เมืองไทยและป้าก็ไม่ลังเลใจที่จะตามท่านมาเพียงคนเดียว”
“คุณพ่อไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ลดารู้เลย”
“ท่านไม่เคยเปิดเผยให้คนภายนอกรู้เกรงจะเป็นอันตรายต่อครอบครัวของท่าน ไม่มีผู้ติดตาม ไม่มีความหรูหราฟู่ฟ่า ชีวิตของท่านสงบลงมากตั้งแต่ตัดขาดกับแม็กซิมัส แต่ก็ไม่เคยหมดสิ้นเยื่อใยกับเพื่อนรักอย่างท่านคีริล แต่ละปีจะมีเงินมากมายหลั่งไหลเข้าไปในบัญชีของท่านยูเชนคอฟเพราะหุ้นที่ยังอยู่ในแม็กซิมัสไม่มีใครกล้าแตะต้อง ท่านคีริลรักษามันไว้ รักษาสมบัติเพื่อนรักของท่านไว้ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ตอนท่านคีริลป่วยหนักท่านให้คนนำจดหมายมาให้คุณพ่อของคุณหนู มันเหมือนสาส์นแสดงความเสียใจและท่านยูเชนคอฟฝากบอกกลับไปว่า ท่านอภัยทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นข่าวงานศพของท่านคีริลก็มาถึงเมืองไทย และที่ท่านไม่สบายอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น ท่านยังคงคิดถึงเพื่อนรักของท่าน และการแต่งงานระหว่างคุณหนูกับลูกชายของท่านคีริลคือตัวแทนของการรักษาคำมั่นสัญญาของเพื่อนตายสองคนที่จะไม่มีวันลืมกันชั่วชีวิต”
ก๊อก...ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะหญิงต่างวัยทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน น้ำหยดใสหลั่งไหลออกมาจากเบ้าตาของหญิงสาวก่อนหันกลับมายังแม่นมของเธอ
“ลดาเข้าใจแล้วล่ะค่ะ และไม่นึกโกรธเคืองคุณพ่อเลยสักนิดเดียว ลดาจะเข้าพิธีแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่เพื่อแม็กซิมัสแต่เพื่อวิญญาณของคนที่คุณพ่อรักและความฝันของท่านที่ไม่มีวันดับสลาย”
